9 อันดับ หูฟังออกกำลังกาย รุ่นไหนที่คนใช้เยอะที่สุด อัพเดทล่าสุดปี 2567

อัพเดท รายละเอียดแบรนด์ โปรโมชั่น ส่วนลด ในร้านค้าออนไลน์ ได้ก่อนใคร กับร้านค้าแนะนำของเราเท่านั้น หากไม่อยากพลาดโปรดีๆ รีบเลย ช้อปก่อนใคร คอลเลคชั่นใหม่ทุกแบรนด์ พร้อมโปรสุดปัง ให้คุณช้อปสุดฟิน
มาแล้ว สั่งซื้อได้เลย ราคาถูกมาก เราแนะนำเลยเจ้านี้ หูฟังออกกำลังกาย  สินค้าออนไลน์  จากร้านค้า Online ที่ถู๊กถูกและเยี่ยมที่สุดในไทย สั่ง หูฟังออกกำลังกาย  ไป ถูกจนไม่น่าเชื่อ สินค้าใส่ซองกันกระแทกมาตอนจัดส่งให้ด้วย ส่งเร็วทันใจ คุณภาพเยี่ยมพอดีเห็น ราคาน่าจะลดลง ซื้อเลย สินค้าไม่เสียหาย มีคุณภาพ จัดส่งรวดเร็ว ของพรีเมี่ยม ได้รับสินค้าแล้วดีใจมาก ตรงตามต้องการในรุป ไม่พบปัยหาเลยกับทางร้านค้า

     
คุณรู้หรือไม่ ? นอกจากหูฟังออกกำลังกาย มีเรื่องที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้ออีกมากมายไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ สี ขนาด ราคา วัสดุที่ใช้และน้ำหนักซึ่งปั จจัยเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความชอบและลักษณะ ซึ่งมีทั้ง หูฟังออกกำลังกาย และการใช้ของแต่ละบุคคล ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหา หูฟังออกกำลังกาย วันนี้ทางเราได้จัด แนะนำ หูฟังออกกำลังกายยี่ห้อดีต่อใจมาให้คุณแล้ว!

หลายคนคงเคยมีความรู้สึกตั้งใจอยากจะออกกำลังกายแต่ก็ทำได้ไม่ต่อเนื่องเพราะไม่มีแรงจูงใจเท่าที่ควร แต่ก็มีหลายคนที่ค้นพบวิธีสร้างแรงจูงใจในการออกกำลังกายให้กับตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อชุดออกกำลังกายหรือรองเท้าใหม่ และอีกหนึ่งวิธีคือการฟังเพลงในขณะที่ออกกำลังกายด้วยการใช้ "หูฟังออกกำลังกาย" ที่ทำให้คุณหลุดไปอยู่ในโลกของตนเองอีกโลกและยังได้เพลินเพลินไปกับการฟังเพลงโปรด หรือแม้กระทั่งสนทนาโทรศัพท์ไปพร้อม ๆ กับเพื่อนซี้ของคุณอย่างออกรสออกชาติก็ทำได้เช่นกัน


แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ใช่ว่าหูฟังทุกรุ่นจะเหมาะสมสำหรับใช้งานในขณะออกกำลังกาย โดยเฉพาะรุ่นที่ไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำหรือเหงื่อซึ่งอาจจะทำให้หูฟังเสียหายได้ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้การเลือกหูฟังที่เหมาะสมกับประเภทการใช้งานเป็นสิ่งที่สำคัญ ในบทความนี้ เราจะมา แนะนำวิธีการเลือกหูฟังออกกำลังกาย พร้อมทั้งนำเสนอหูฟังออกกำลังกายคุณภาพดีทั้งหมด 10 รุ่น ซึ่งมาจากหลากหลายยี่ห้อ ให้คุณได้ตัดสินใจเลือกซื้อ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูพร้อม ๆ กันได้เลยครับ !

สิ่งสำคัญก่อนการซื้อหูฟังออกกำลังกาย คือ การได้ทราบถึงวิธีการเลือกหูฟังออกกำลังกายที่ถูกต้อง ดังนั้น เรามาศึกษาวิธีการเลือกหูฟังออกกำลังกายไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าครับ

หลัก ๆ แล้ว หูฟังทุกชนิดจะมีวิธีการเชื่อมต่ออยู่ 2 ประเภท ก็คือ แบบมีสายและแบบไร้สาย โดยในแต่ละประเภท ก็จะมอบประสบการณ์ในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปครับ

การเลือกใช้หูฟังออกกำลังกายแบบมีสาย จะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรับฟังเสียงดนตรีหรือเพลงที่คงคุณภาพเสียงไว้อย่างเต็มร้อย เพราะไม่ถูกแปลงสัญญาณเสียงแบบหูฟังไร้สายนั่นเอง นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับ คุณสมบัติในการป้องกันน้ำ หรือในบางรุ่นก็สามารถ ป้องกันฝุ่น ได้ด้วย แถมยังมี ราคาที่ไม่สูงมาก ทำให้เหมาะกับผู้ที่มีงบประมาณจำกัดอีกด้วยครับ


แต่เมื่อมีข้อดี ก็ต้องมีข้อเสีย เนื่องจากเป็นหูฟังที่มีสาย อาจจะทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกรำคาญ หรือคิดว่าเป็นสิ่งที่เกะกะเวลาออกกำลังกาย เพราะสายของหูฟังอาจจะไปกระทบกับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายจนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นก็เป็นได้ รวมถึงถ้าคุณเป็นผู้ที่ออกกำลังกายด้วยกีฬาทางน้ำเป็นประจำ ซึ่งแน่นอนว่าหูฟังแบบมีสายจะไม่สามารถใช้งานได้ เพราะต้องเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟนโดยตรง จึงจำเป็นที่จะต้องมองหาหูฟังออกกำลังกายแบบไร้สายที่มีคุณสมบัติในการกันน้ำระดับสูงแทนครับ

แน่นอนครับว่าเมื่อหูฟังตัวเก่งของคุณไม่มีสายอีกต่อไปก็จะทำให้ สวมใส่ได้อย่างคล่องตัว ไม่ต้องมาเป็นกังวลว่าจะมีอะไรมาเกี่ยวกับสาย ไม่ว่าจะออกกำลังกายท่าไหนก็ไม่เป็นปัญหา หรือต้องมาเสียเวลาแก้มัดสายของหูฟังที่พันกันระโยงระยางจากการจัดเก็บ เพราะหูฟังไร้สายมาพร้อมกับเคสหรือกล่องเก็บหูฟังซึ่งมีขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาง่าย น้ำหนักเบา แถมยังมีแบตเตอรี่ในตัวไว้สำหรับชาร์จหูฟังไร้สายได้อีกด้วย


และเช่นเดียวกัน เมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย เพราะการจะซื้อหูฟังออกกำลังกายแบบไร้สายสักตัวต้องใช้หลักในการพิจารณาหลาย ๆ อย่างประกอบกันไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ เวอร์ชันสัญญาณ Bluetooth ที่ยิ่งเป็นเวอร์ชันใหม่เท่าไร การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตและหูฟังก็จะมีประสิทธิภาพและเสถียรมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเรา แนะนำว่าควรเป็น Bluetooth เวอร์ชัน 4.0 ขึ้นไป หรือถ้าจะให้ดีจริง ๆ ฟังเพลงแบบไม่มีอาการหน่วง รับระยะสัญญาณได้ไกลมากยิ่งขึ้น เราขอแนะนำเวอร์ชัน 5.0 ไปเลยจะดีกว่าครับ


และด้วยความที่เป็นหูฟังแบบไร้สาย จึงต้องมีการแปลงรหัสสัญญาณของเสียงต่าง ๆ จากแหล่งกำเนิดเสียก่อน ก่อนที่จะส่งไปยังหูฟัง ซึ่งจุดนี้จะเป็นตัวตัดสินคุณภาพของเพลงหรือดนตรีที่คุณอยากฟังครับ ดังนั้น ถ้าหากคุณเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของเสียงเพลง เรา ขอแนะนำให้คุณมองหาหูฟังออกกำลังกายแบบไร้สายที่สามารถรับรหัสสัญญาณแบบ aptX ขึ้นไป ครับ

เรื่องรูปทรงและดีไซน์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน เพราะเป็นสิ่งที่มีผลต่อการสวมใส่ ทั้งในเรื่องความกระชับกับใบหู ความสบายขณะสวมใส่หรือความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวขณะออกกำลังกาย อีกทั้งยังมีผลต่อเรื่องเสียงรบกวนและคุณภาพของเสียงเพลงอีกด้วยครับ

หูฟังรูปทรง "Earbuds" หรือภาษาไทยหลาย ๆ คน อาจเรียกว่ารูปทรง "แปะหู" คือหูฟังที่เรามักจะคุ้นหน้าค่าตากันเป็นอย่างดีมากกว่าหูฟังรูปทรงอื่น ๆ เพราะเรียกได้ว่า เป็นรูปทรงของหูฟังรูปแบบแรก ๆ เลยก็ว่าได้ ข้อดีของหูฟังรูปทรงนี้ก็คือ สวมใส่ง่าย ไม่อึดอัด และไม่จำเป็นต้องอุดหูเหมือนรูปทรง In-Ear ในขณะสวมใส่ พร้อมกับระดับเสียงที่ไม่ดังจนเกินไปจึงทำให้ได้ยินเสียงภายนอกด้วยนั่นเองครับ


ดังนั้น หูฟังรูปทรง Earbuds จึง เหมาะสำหรับผู้ที่รู้สึกอึดอัดกับการใส่หูฟัง In-Ear หรือต้องการที่จะได้ยินเสียงสภาวะแวดล้อมภายนอก ด้วย ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมาก หากคุณจำเป็นต้องออกกำลังกาย เช่น การปั่นจักรยานหรือการวิ่ง ในสถานที่ชุมชน หรือมีผู้คนอาศัยอยู่เยอะ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุนั่นเองครับ

สำหรับ หูฟังรูปทรง "In-Ear" หรือที่หลายคนมักจะเรียกกันว่ารูปทรง "สอดหู" และ "อุดหู" คืออีกรูปทรงหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจาก ช่วยให้ได้รับฟังเสียงเพลงที่เต็มอิ่มและชัดเจนกว่า Earbuds เพราะ ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟังเพลงอย่างจริงจัง รวมไปถึงสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการรับฟังเสียงจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวด้วยนั่นเองครับ


แต่ถ้าหากคุณออกกำลังกายในพื้นที่ชุมชน หรือพื้นที่ที่มีรถราสัญจรไปมาอยู่ตลอดเวลา อาจจะต้องระมัดระวังและต้องสังเกตสิ่งสิ่งรอบข้างมากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะหูฟังประเภทนี้อาจจะทำให้คุณไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง หรือได้ยินเพียงแค่เล็กน้อย จนทำให้ไม่รู้สึกเอะใจและนำมาซึ่งอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้ครับ

หูฟังประเภทนี้ถือได้ว่าเป็นรูปทรงของหูฟังแบบไร้สายที่ถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลายในบรรดาผู้ออกกำลังกาย เพราะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในขณะที่ออกกำลังกายอย่างหนักหรือกำลังเคลื่อนไหวได้เป็นอย่างดี เพราะการออกแบบของหูฟังไร้สายรูปทรง "Neckband" หรือรูปทรง "คล้องคอ" จะเป็นลักษณะของการคล้องแผงวงจรของหูฟังจากด้านหลังท้ายทอยมาพาดไว้ที่บ่า ซึ่งโดยปกติแล้วหากเป็นหูฟังไร้สายทั่วไป เมื่อต้องออกกำลังกายเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ก็มักจะมีโอกาสที่หูฟังจะหลุดออกจากหู ร่วงหล่นลงพื้น จนทำให้หูฟังสกปรกหรือชำรุดเสียหายได้


แต่ถ้าหากเป็นหูฟังรูปทรง Neckband แม้หูฟังจะหลุดออกจากหูโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ก็จะยังไม่หลุดหายไปไหน เพราะมีสายหรือแผงวงจรที่คล้องคอรั้งไว้นั่นเอง นอกจากนี้ หูฟังไร้สายรูปทรง Neckband ในหลาย ๆ รุ่น มักจะ มีแถบแม่เหล็กอยู่ที่ท้ายของตัวหูฟังทั้งสองข้าง ซึ่งนำมาประกบติดกันให้กลายเป็นลักษณะคล้ายสร้อยคอได้ ช่วยให้ ไม่จำเป็นต้องม้วนเก็บหูฟังใส่ในกระเป๋าและทำให้ไม่หลุดหายไปไหนง่าย ๆ อย่างแน่นนอน ซึ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้เป็นอย่างมากเลยทีเดียวครับ

มาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ ถือเป็น 2 สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเลือกซื้อหูฟังออกกำลังกาย โดยเฉพาะในเรื่องของการป้องกันน้ำ เนื่องจากเมื่อคุณออกกำลังกาย ก็เป็นที่แน่นอนว่าจะต้องมีเหงื่อไหลออกมา และเจ้าเหงื่อนี้ล่ะครับคือปัญหาสำคัญที่เป็นตัวการทำให้แผงวงจรภายในของหูฟังชำรุดเสียหาย หากหูฟังไม่มีมาตรฐานป้องกันน้ำ


และในส่วนของมาตรฐานป้องกันฝุ่นเองก็สำคัญครับ ซึ่งอันที่จริงแล้วอยู่รวมกับหมวดหมู่ "มาตรฐานป้องกันของแข็ง" ซึ่งจะเหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง เช่น ปีนเขา วิ่งเทรล เดินป่า ที่มักจะเป็นการออกกำลังกายแนวลุย ๆ ซึ่งหูฟังอาจจะหลุดจากหูโดยไม่ได้ตั้งใจและตกลงไปบนพื้นทรายที่สกปรก โดยถ้าหากมีมาตรฐานป้องกันฝุ่นไว้ก็จะทำให้ทำความสะอาดหูฟังได้ง่ายและป้องกันการชำรุดเสียหายได้ครับ


และทั้งสองมาตรฐานนี้ จะมีตัวย่อร่วมกันคือ "IPXX " ซึ่งจะใช้ตัวเลขสองหลักในการบ่งบอกระดับของมาตรฐานทั้งสองครับ เช่น IP55 เป็นต้น คราวนี้ เรามาดูที่ตัวเลขหลักแรกกันก่อน ซึ่งเป็นตัวเลขที่บอกมาตรฐานการป้องกัน "ของแข็ง" ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 6 ระดับ ประกอบด้วย


  • IP0X = ไม่มีความสามารถป้องกันใด ๆ ซึ่งถ้าหากหูฟังไม่มีคุณสมบัติในการป้องกันของแข็ง จะแทนเลข 0 ด้วย X เช่น IPX5
  • IP1X = ป้องกันของแข็งที่มีขนาดตั้งแต่ 50 mm ขึ้นไป
  • IP2X = ป้องกันของแข็งที่มีขนาดตั้งแต่ 12 mm ขึ้นไป
  • IP3X = ป้องกันของแข็งที่มีขนาดตั้งแต่ 2.5 mm ขึ้นไป
  • IP4X = ป้องกันของแข็งที่มีขนาดตั้งแต่ 1 mm ขึ้นไป
  • IP5X = ป้องกันฝุ่นได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ทั้งหมด
  • IP6X = ป้องกันฝุ่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ

และต่อมา เป็นมาตรฐานป้องกันน้ำ ซึ่งก็คือเลขหลักด้านหลัง โดยมีด้วยกันทั้งหมด 8 ระดับ แต่ในครั้งนี้ เราจะยกมาเพียงระดับที่เหมาะสมสำหรับหูฟังออกกำลังกายเท่านั้น ซึ่งไม่ควรต่ำกว่าระดับ IPX4 นั่นเอง โดยประกอบด้วย


  • IPX4 = ป้องกันน้ำหรือละอองน้ำจากของเหลวได้รอบทิศทาง
  • IPX5 = ป้องกันน้ำจากการฉีด, พ่น ในระดับความแรงต่ำโดยตรงได้ 3 นาที
  • IPX6 = ป้องกันน้ำจากการฉีด, พ่น ในระดับความแรงสูงโดยตรงได้ 3 นาที
  • IPX7 = ป้องกันน้ำจากการแช่น้ำลึกไม่เกิน 1 เมตร ได้ 30 นาที
  • IPX8 = ป้องกันน้ำจากการแช่น้ำลึกไม่เกิน 3 เมตร โดยไม่จำกัดเวลา

และถ้าหากหูฟังออกกำลังกายที่คุณกำลังมองหามีทั้งสองมาตรฐานนี้รวมกัน ก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้คุณเป็นอย่างมาก แต่ถ้าเป็นการออกกำลังกายทั่วไปแล้วล่ะก็ แค่มาตรฐานป้องกันน้ำก็อาจจะเพียงพอแล้วครับ

สำหรับหูฟังไร้สาย แบตเตอรี่คืออีกหนึ่งปัจจัยที่ควรตรวจสอบ ซึ่งอันที่จริงแล้ว หากเป็นการออกกำลังกายทั่วไป เพียงวันละ 30 นาที - 2 ชั่วโมง หูฟังไร้สายทุกรุ่นสามารถใช้ได้อย่างยาวนานไม่มีปัญหาแน่นอนครับ แต่ถ้าเป็นการออกกำลังกายอย่างหนัก เช่น การฝึกซ้อมกีฬาตลอดทั้งวัน หรือการวิ่งมาราธอน ควรตรวจสอบขนาดของแบตเตอรี่หูฟังไร้สายให้ดีว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานเพียงพอหรือไม่


รวมไปถึงกรณีที่เป็นหูฟังไร้สายที่ส่วนใหญ่มาพร้อมกับเคสแบบชาร์จได้ หากต้องการใช้งานทั้งวันได้อย่างไม่มีปัญหา ควรพกเคสหูฟังติดตัวไปด้วยเสมอ เพราะ เคสของหูฟังไร้สายโดยทั่วไปแล้ว จะชาร์จหูฟังไร้สายได้ราว ๆ 2 - 3 รอบ ก่อนที่แบตเตอรี่ของเคสจะหมดครับ


แต่ในหูฟังบางรุ่น สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของคุณว่าหนักหน่วงมากเพียงใด ซึ่งเราขอแนะนำว่า หลังจากที่ใช้งานเสร็จเรียบร้อยในแต่ละวัน ควรชาร์จแบตทั้งเคสและหูฟังไร้สายให้เต็มอยู่เสมอเพื่อที่จะพร้อมใช้งานในวันถัดไปครับ


นอกจากนี้ ในกรณีที่คุณต้องการหูฟังไร้สายที่ชาร์จแบตเต็มได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น ควรมองหาหูฟังที่รองรับการชาร์จด้วยพอร์ต USB-C เพราะรองรับการจ่ายกระแสไฟฟ้าได้สูงและเยอะกว่า พอร์ต Micro-USB ครับ แต่ถ้าหากคุณไม่มีปัญหาเรื่องระยะเวลาในการชาร์จ การเลือกซื้อหูฟังไร้สายที่ชาร์จด้วยพอร์ต Micro-USB ก็คงไม่มีปัญหาอะไรครับ

และแล้วก็มาถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย เราไปดูกันเลยครับว่า หูฟังออกกำลังกาย 10 อันดับ ที่ทีมงานมายเบสท์เลือกมานำเสนอนั้น จะมีรุ่นไหนที่ถูกใจคุณบ้าง !

ถือได้ว่าเป็นหูฟังออกกำลังกายทรง In-Ear Neckband ที่เหมาะสำหรับมือใหม่ หรือผู้ที่มีงบประมาณจำกัด เพราะสเปกที่ให้มานั้นคุ้มค่าเกินราคา เริ่มจากไดรเวอร์ขนาด 10 มม. ช่วยให้หูฟังมีมิติเสียงที่ชัดเจนและไพเราะมากขึ้น ใส่ออกกำลังกายทั่วไปได้อย่างไร้กังวล เพราะมีมาตรฐานป้องกันน้ำระดับ IPX5 แถมยังมีไมโครโฟนไว้สำหรับสนทนา พร้อมปุ่มควบคุมบริเวณส่วนหัวของ Neckband นอกจากนี้แบตเตอรี่ยังให้มาถึง 80mAh ใช้งานได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมงเลยทีเดียวครับ

และนี่ก็เป็นหูฟังไร้สายสุดคุ้มค่าที่ทีมงานมายเบสท์ภูมิใจนำเสนอ เพราะคุ้มค่าเกินราคาแบบไร้ข้อกังขาใด ๆ เริ่มจากการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ และระบบของหูฟังที่เป็นแบบ Stereo 3 มิติ ช่วยให้เข้าถึงมิติของเพลงได้ดียิ่งขึ้น พร้อมกับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 ลดเสียงดีเลย์จากแหล่งกำเนิดเสียงได้อย่างหมดจด อีกทั้งยังมี Gaming Mode สำหรับผู้ออกกำลังกายสายเกมมิ่ง มีไมโครโฟนมาให้ถึง 2 ตัว ที่ใช้งานคำสั่งเสียงด้วย Siri และ Google Assistant ได้ เสียงดังฟังชัด แม้ว่าจะออกกำลังกายกลางแจ้งก็ไม่มีปัญหาครับ

ปัญหาสัญญาณขาด ๆ หาย ๆ รวมถึงคุณภาพเสียงที่ถูกบีบอัดจากหูฟังไร้สายจะหมดไปด้วยหูฟังรุ่นนี้ ที่เชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์โดยตรงด้วยหัว AUX 3.5 mm ซึ่งช่วยให้คงคุณภาพของแหล่งเสียงต้นทางได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับลำโพงเพื่อใช้สำหรับสนทนาระหว่างออกกำลังกาย และมาตรฐานป้องกันน้ำถึงระดับ IPX5 ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียวสำหรับหูฟังแบบมีสาย ส่วนคุณภาพเสียงของหูฟังนั้นก็ไม่ธรรมดา เสียงเบสชัดเจนแต่ไม่กลบย่านอื่น และยังมีให้เลือกหลากหลายสีอีกด้วยครับ

อีกมิติใหม่ของการฟังเพลงโดยใช้หูฟัง ด้วยเทคโนโลยีหูฟังแบบ Bone-Conduction ที่ใช้หูฟังแนบบริเวณกระดูกข้างหู แทนการสวมใส่เข้าไปในหู เพื่อให้เกิดการสั่นสะเทือนในการนำเสียงผ่านกระดูก จึงเหมาะกับการออกกำลังกาย หรือการวิ่งในพื้นที่ที่เป็นชุมชน หรือมีคนพลุกพล่าน เพราะจะทำให้ได้ยินเสียงรอบข้างได้ด้วยนั่นเอง และไม่ต้องกลัวว่าจะหลุดง่าย เนื่องจากออกแบบมาให้สวมใส่ได้อย่างแน่นหนา ลักษณะคล้ายกับการสวมแว่นตา พร้อมกับมาตรฐานกันฝุ่นและน้ำ ระดับ IP55 ช่วยให้ออกกำลังกายได้หลากหลายประเภทมากขึ้นครับ

อีกหนึ่งหูฟังออกกำลังกายไร้สายที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่ไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อยนัก เพราะมาพร้อมกับ Ear Hooks ที่ช่วยเกี่ยวใบหูด้านหลังให้แน่นอยู่กับที่ ไม่ขยับไปไหนตลอดการใช้งาน และที่เป็นจุดเด่นของหูฟังรุ่นนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ มาตรฐานป้องกันน้ำถึงระดับ IPX7 ทำให้สามารถสวมใส่ขณะว่ายน้ำได้อย่างสบาย ไร้กังวล นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับการควบคุมโดยระบบสัมผัสที่หูฟัง และพลังเสียงที่ดังฟังชัดด้วยไดรเวอร์ขนาดใหญ่ถึง 13.6 มม. จัดเต็มในทุกย่านอย่างแน่นอนครับ

ดีไซน์สุดโฉบเฉี่ยวเพราะมี Earfins สุดเท่ ที่มีไว้สำหรับเกี่ยวกับใบหูด้านใน เพื่อการสวมใส่ที่แน่นหนา และป้องกันไม่ให้หูฟังหลุดออกในขณะที่สวมใส่ออกกำลังกายนั่นเอง ในส่วนของคุณภาพเสียงนั้น ก็ถือว่าดีเลยทีเดียวครับ เนื่องจากมาพร้อมกับไดรเวอร์ขนาด 6 มม. เก็บรายละเอียดเสียงเบสได้ดี เหมาะสำหรับสายเบสหนัก แถมยังเข้ารหัสสัญญาณได้ถึงระดับ aptX และ เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0 อีกด้วย เสียงไม่มีดีเลย์แน่นอน นอกจากนี้ยังมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน CVC 8.0 ให้คุยได้อย่างสบายใจในทุกเวลาครับ

เพียงแค่ได้เห็นก็ชวนหลงใหลแล้ว เพราะลวดลายที่มีให้เลือกหลากหลาย แถมยังสวมใส่ได้อย่างสบาย เพราะเป็นหูฟังทรง Earbuds จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ถนัดใส่หูฟังแบบ In-Ear แต่ก็รองรับคุณภาพเสียงถึงระดับ aptX เลยทีเดียว และในส่วนของไมโครโฟนมีให้มาถึง 4 ตัว สนทนาได้อย่างชัดเจน พร้อมมาตรฐานกันน้ำระดับ IPX5 สวมใส่ออกกำลังกายทั่วไปได้อย่างสบาย นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่สุดอึดที่ใช้งานต่อเนื่องได้ 6 - 8 ชั่วโมง และเคสสามารถชาร์จได้ถึง 4 รอบ รวม ๆ แล้วเกือบ 30 ชั่วโมง ใช้ฟังเพลงยาว ๆ ไปเลยครับ

หูฟังที่ช่วยทำให้คุณเพลิดเพลินในการออกกำลังกายมากยิ่งขึ้น ด้วยคุณภาพของสัญญาณเสียงระดับ aptX HD ที่มักจะหาได้ยากในหูฟังไร้สาย ที่จะทำให้คุณได้ฟังเพลงความละเอียดระดับ Hi-Res ไปพร้อม ๆ กับสุขภาพที่ดี ซึ่งคุณภาพของหูฟังรุ่นนี้ก็ไม่ได้มีเพียงแค่นี้ เพราะยังมาพร้อมกับ Ear Wings เกี่ยวกับใบหูด้านใน เพื่อให้สวมใส่ได้อย่างแน่นหนามากยิ่งขึ้น และแบตเตอรี่ที่ให้มาข้างละ 80mAh ที่ทำให้ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 10 ชั่วโมง โดยไม่ต้องกังวลปัญหาแบตฯหมดระหว่างการออกกำลังกายครับ

เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็น Sony แล้ว อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับเสียงจึงไม่จำเป็นต้องกังวลใด ๆ โดยเฉพาะสำหรับรุ่นนี้ ที่นอกจากจะเป็นหูฟังแล้ว ยังเป็นเครื่องเล่น MP3 อีกด้วย และมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลถึง 4GB ภายในตัว ทำให้บรรจุเพลงได้อย่างเหลือ ๆ โดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเลยครับ นอกจากนี้ ยังมีมาตรฐานกันฝุ่นและน้ำถึงระดับ IP68 จะเล่นกีฬาทางน้ำหรือแนว Trail ก็ไม่เป็นอุปสรรค ในขณะเดียวกัน ก็ยังเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth เพื่อฟังเพลงผ่านแอปพลิเคชัน หรือสนทนาโทรศัพท์ได้เช่นเดียวกันครับ

หูฟังรุ่นนี้เป็นหูฟังที่ถือว่าตอบโจทย์กีฬาเกือบทุกรูปแบบ ไปจนถึงกีฬาแนวเอ็กซ์ตรีม เพราะจัดเต็มด้วยมาตรฐานการกันฝุ่นและกันน้ำ IP57 จะปีนเขาหรือว่ายน้ำลงลึกระดับ 1 เมตร ก็ไม่มีปัญหา ในส่วนของคุณภาพเสียงก็ทำได้ดีเกินคาด ด้วยไดรเวอร์ขนาด 13.5 มม. ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันในการตั้งค่ารูปแบบเสียง เช่น Balance หรือ EQ ผ่านแอปพลิเคชันของหูฟังโดยเฉพาะได้ตามใจต้องการ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้หูฟังต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง เพราะแบตเตอรี่สุดอึดที่ให้มาถึงข้างละ 90mAh นั่นเองครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับวิธีการเลือกหูฟังออกกำลังกาย พร้อมกับหูฟังทั้งหมด 10 รุ่น ที่มีความโดดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละยี่ห้อ ความจริงแล้ว การเลือกหูฟังออกกำลังกายนั้นก็ไม่ได้ยาก เพียงแต่ต้องโฟกัสให้ตรงจุดว่าคุณต้องการลักษณะเด่นตรงไหนเป็นพิเศษ เช่น เรื่องคุณภาพเสียง ความทนทาน แบตเตอรี่ หรือรูปทรงที่สวมใส่ได้อย่างสบายคล่องตัว ซึ่งในบางรุ่น อาจจะตอบโจทย์คุณได้ทุกข้อในตัวเดียวครับ


การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ แต่การออกกำลังกายไปพร้อม ๆ กับเพลย์ลิสต์ที่โดนใจ จะช่วยเพิ่มความเพลิดเพลิน จนลืมความเหนื่อยล้าจากการออกกำลังกาย รวมไปถึงได้สุขภาพจิตที่ดีจากการฟังเพลงโปรดของคุณไปด้วย และสิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือ หลังจากออกกำลังกายหรือใช้งานหูฟังเสร็จ ควรตรวจสอบและหมั่นทำความสะอาดหูฟังให้ดี เพื่อที่จะได้ไม่มีคราบเหงื่อหรือเชื้อโรคสะสมที่อาจจะส่งผลให้หูฟังออกกำลังกายของคุณชำรุดได้รวดเร็วยิ่งขึ้นครับ