น้ำหอมไม่เพียงแต่เป็นเครื่องประทินกลิ่นกายให้หอมหวาน น่าหลงใหลและเสริมเสน่ห์สำหรับผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่บ่งบอกความเป็นตัวตนและสะท้อนรสนิยมของผู้ใช้ได้ด้วย ซึ่งช่วงวัยที่แตกต่างกันนั้นก็มีผลต่อการเลือกกลิ่นน้ำหอมให้เหมาะสม ก็เหมือนการสวมใส่เสื้อผ้าของสาว ๆ วัย 30 ที่ในบางวาระโอกาสโดยเฉพาะในพิธีการนั้นจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูเด็กมาเกินไปก็อาจจะไม่เหมาะสม น้ำหอมก็เช่นกัน ถ้ากลิ่นหวานเลี่ยนจนเกินไป อาจเป็นการรบกวนคนรอบข้างได้
ครั้งนี้ ทีมงานจึงมีเรื่องราวเกี่ยวกับการเลือกซื้อน้ำหอมสำหรับสาววัย 30 มาฝากกันค่ะ หลายคนอาจเคยได้ยินเพื่อนสาวคนสนิทบอกต่อกันมาว่าน้ำหอมรุ่นนั้น/รุ่นนี้ดี แต่เคยรู้กันไหมคะว่า การเลือกน้ำหอมให้เหมาะกับวัย 30 ที่แท้จริงนั้นมีวิธีการอย่างไร? สิ่งใดบ้างที่ต้องคำนึงถึงก่อนตัดสินใจซื้อ? แล้วในตอนท้ายของบทความเรายังได้รวบรวมน้ำหอมยอดฮิตขายดีหลากหลายยี่ห้อมาเป็นตัวเลือกให้สาว ๆ วัย 30 อีกด้วย มาติดตามไปพร้อมกันเลยค่ะว่า น้ำหอมที่เหมาะกับคุณนั้นจะมีรุ่นใด กลิ่นใดบ้าง
สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องคำนึงเวลาเลือกซื้อน้ำหอม คือ เรื่องของกลิ่นที่ต้องสอดคล้องกับหลาย ๆ ปัจจัย ทั้งยังต้องเป็นกลิ่นที่เจ้าตัวชื่นชอบและต้องคำนึงถึงคนรอบข้างที่อาจได้กลิ่นด้วย
น้ำหอมที่เราใช้ฉีดพรมร่างกายนั้นมีอยู่หลายกลิ่นที่ให้ความหอม ซึ่งสิ่งสำคัญอันดับแรกของการเลือกซื้อน้ำหอม คือ ต้องเป็นกลิ่นที่โดนใจผู้ใช้ สาว ๆ ต้องถามตัวเองก่อนว่ากลิ่นหอมแบบไหนที่เราชื่นชอบ คงจะไม่รื่นรมย์นักหากคุณต้องมาดมกลิ่นที่ไม่โปรดปรานติดตัวเราอยู่ตลอดเวลา แม้จะไม่ได้เหม็นแต่ก็อาจทำให้อารมณ์ความรู้สึกของคุณห่อเหี่ยวลงได้เลยทีเดียวค่ะ
สำหรับการเลือกซื้อกลิ่นน้ำหอมอย่างไรให้โดนใจนั้น ควรทดลองกลิ่นอย่างหลากหลายแล้วตัดสินใจเลือกรุ่นที่ตัวเองประทับใจที่สุด ที่คิดว่านี่แหละ คือ สิ่งที่ใช่สำหรับคุณแน่แล้ว! ซึ่งความชอบของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป บ้างชอบแนวเซ็กซี่, บ้างชอบแนวกลิ่นแบบสดชื่น แต่สำหรับสาววัย 30 นั้น เราขอแนะนำว่าควรเลือกซื้อน้ำหอมที่ให้อารมณ์ความรู้สึกสง่างามและเซ็กซี่จะเหมาะกว่าแนวน่ารักสดใสย้อนวัยค่ะ
เมื่อก้าวเข้าสู่วัย 30 ปีที่เริ่มมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น สาว ๆ ควรให้ความสำคัญในการเลือกกลิ่นน้ำหอมให้เหมาะสมกับ TPO (Time, Place, Occasion) หรือแปลเป็นไทยได้ว่า เวลา, สถานที่และโอกาส รวมถึงสไตล์การแต่งตัวและการแต่งหน้าทำผมในแต่ละลุคด้วย ถ้าหากในบางโอกาสที่คุณแต่งตัวเซ็กซี่ก็ควรเลือกใช้น้ำหอมที่ให้อารมณ์แบบเซ็กซี่, เย้ายวน, น่าค้นหา อย่างเช่น กลิ่นมัสค์ (Musk) แต่หากวันไหนแต่งตัวในลุคแบบหรูหรา สง่างามก็อาจเลือกใช้น้ำหอมกลิ่นสไตล์ Floral และกลิ่นหอมสดชื่นแทนค่ะ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งเหล่านี้มีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ไม่มากก็น้อย ดังนั้น ควรให้ความสำคัญกับการเลือกใช้น้ำหอมให้เหมาะกับสไตล์การแต่งตัวและโอกาสในทุกครั้ง เพราะเมื่อ Mood & Tone ไม่เป็นไปในทางเดียวกันจะทำให้คุณขาดความมั่นใจ รวมถึงอารมณ์ของตัวคุณเองก็จะไม่รื่นรมย์เท่าที่ควร
เคยรู้หรือไม่? น้ำหอมมีการแบ่งระดับตามความเข้มข้นออกเป็นหลายชนิดด้วยกัน มาทำความรู้จักและเลือกใช้ชนิดน้ำหอมที่คุณชื่นชอบไปพร้อมกันเลยค่ะ
น้ำหอม สามารถแบ่งได้อย่างคร่าว ๆ ออกเป็น 4 ชนิด ได้แก่ “Perfume”, “Eau de Perfume”, “Eau de Toilette” และ “Eau de Cologne” ซึ่งสาว ๆ ควรเลือกให้เหมาะสมกับความชอบและความต้องการ เพราะแต่ละชนิดมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและให้อรรถรสทางกลิ่นแตกต่างกันไป ดังต่อไปนี้
- “Perfume” มีความสตรองสูงสุดในแง่ของความเข้มข้น โดยมีหัวน้ำหอมผสมอยู่ 20 – 40% มีผลทำให้กลิ่นหอมนั้นติดทนยาวนานกว่า 8 – 10 ชั่วโมง
- “Eau de Perfume หรือ Eau de Parfum (EDP)” มีความเข้มข้นน้อยกว่าชนิดแรก แต่ให้กลิ่นที่ติดทนไม่ต่างกันมากนัก อยู่ที่ประมาณ 7 – 8 ชั่วโมง
- “Eau de Toilette (EDT)” มีความเข้มข้นน้อยกว่าแบบ Eau de Perfume ระยะเวลาให้กลิ่นหอมอยู่ที่ 4 – 6 ชั่วโมง
- “Eau de Cologne (EDC) หรือ Cologne” มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นกลิ่นหอมที่บางเบา พรมตัวแล้วได้รับสัมผัสแบบอโรมา กลิ่นหอมกำลังดี ไม่ฉุนแรงจนแสบจมูก ติดทนอยู่ได้เพียงแค่ 2 – 3 ชั่วโมงเท่านั้น
น้ำหอมยังถูกจำแนกแยกประเภทตามที่มาของกลิ่น เป็นต้นว่า กลิ่นแบบ Floral ที่ได้รับความนิยมและมักใช้งานกันอย่างแพร่หลายที่สุดมีกลิ่นเบสมาจากดอกไม้นานาชนิด ส่งกลิ่นหอมหวาน ให้ความรู้สึกสดใสร่าเริง หรือกลิ่นแบบ Citrus (ซิตรัส) ที่เป็นกลิ่นดอกไม้มาผสมผสานเข้ากับกลิ่นของผลไม้ต่าง ๆ ซึ่งลดความหอมหวานลงไปแต่สอดแทรกด้วยความเปรี้ยวและความสดชื่น
ยังไม่หมดเท่านั้น การพัฒนาคิดค้นน้ำหอมยังคงมีการผสมผสานกลิ่นหอมจากธรรมชาติเข้าด้วยกันอีกอย่างหลากหลาย เช่น กลิ่น Oriental และ Amber ที่รวมเอาเครื่องเทศและสมุนไพรมาสกัด มอบกลิ่นที่ให้ความรู้สึกเย้ายวน น่าค้นหา กลิ่นแนว Freesia ให้กลิ่นหอมแบบไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป เพราะมีกลิ่นเบสสไตล์ห้าว ๆ แมน ๆ แบบผู้ชายผสม และกลิ่น Chypre ที่เป็นการผสมผสานของกลิ่นไม้และดอกไม้ ให้ความรู้สึกอบอุ่น
อย่างไรก็ตาม น้ำหอมสำหรับสาววัย 30 ปีที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง คือ กลิ่นแบบ Floral ซึ่งใช้งานได้หลากหลายโอกาสไม่ว่าจะเป็นปาร์ตี้สนุกสนานหรือในวันสบาย ๆ, มีงานอีเว้นท์สำคัญ เป็นต้น
หลายคนอาจเคยประสบปัญหาว่า ในตอนแรกที่ดมน้ำหอมกลิ่นหนึ่งก็ว่าดีอยู่แล้ว แต่พอเวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง กลับพบว่ากลิ่นที่ได้นั้นเริ่มไม่ใช่แนว นั่นเป็นเพราะน้ำหอมมีการเปลี่ยนแปลงสภาพและกลิ่นตามเวลา ซึ่งแบ่งออกเป็นขั้นต่าง ๆ เรียกศัพท์เฉพาะว่า โน้ต (Note) นั่นเองค่ะ
กลิ่นหอมแรกที่คนเราจะสัมผัสได้เมื่อฉีดพรมน้ำหอมเรียกว่า “Top Note” เป็นกลิ่นที่ระเหยออกมาในช่วง 5 – 10 นาทีแรกเมื่อเริ่มใช้งาน ต่อมาจะเป็นกลิ่น “Middle Note” จะยังคงติดผิวได้นาน 2 – 4 ชั่วโมงและในช่วง 4 – 6 ชั่วโมงต่อมาก่อนกลิ่นหอมจะจางหายไปเราเรียกมันว่า “Base Note” ค่ะ
ช่วงเวลาที่น้ำหอมเปลี่ยนกลิ่นแต่ละ Note นั้นมีผลต่อรสสัมผัสที่คุณจะได้รับ บางคนอาจไม่ชอบ Top Note แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนได้กลิ่น MMiddle Note กับ Base Note กลับเปลี่ยนใจมาชอบจนถอนตัวไม่ขึ้น ในทางตรงกันข้าม เมื่อได้กลิ่น Top Note รู้สึกว่านี่คือใช่เลย! แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับมีกลิ่นเพี้ยนไปจากความชอบของเราก็มี ดังนั้น สาว ๆ ควรพิจารณาเลือกซ์้อน้ำหอมอย่างพิถีพิถัน ตรวจสอบให้ครบทุก Note ก่อนตัดสินใจซื้อจะได้ไม่ผิดหวังในภายหลังกันนะคะ
มาถึงตรงนี้ หวังว่าทุกคนคงจะได้รู้จักน้ำหอมแต่ละประเภทและเข้าใจรูปแบบของน้ำหอมมากขึ้นกันแล้วใช่ไหมคะ? ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องกลิ่นเท่านั้นที่เราต้องให้ความสำคัญ แต่ยังต้องเลือกจากประเภทให้โดนใจเพื่อให้เหมาะกับการใช้งาน เพราะน้ำหอมแต่ละประเภทมีผลต่อระยะเวลาการระเหยของกลิ่นหอมด้วย อันดับต่อไปมาดูกันดีกว่าค่ะว่า จะมีน้ำหอมยอดฮิตขายดีรุ่นใดที่จะถูกใจสาว ๆ วัย 30 อย่างคุณบ้าง
น้ำหอมแบรนด์หรูจากประเทศอังกฤษ ซึ่งกลิ่น Peony & Blush Suede นี้มีเบสกลิ่นหอมจากดอกพิโอนี่หรือโบตั๋นที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความบอบบาง น่าทะนุถนอมของผู้หญิง แต่ยังแฝงด้วยความซุกซนของกลิ่นที่ได้จากสารสกัดผลแอปเปิ้ลสีแดง แล้วยังมีกลิ่นของดอกไม้นานาชนิด เช่น ดอกมะลิ, ดอกกุหลาบ, ดอกคาร์เนชั่นรวมเข้าไว้อีกด้วย
เมื่อใช้จะได้สัมผัสกลิ่นแบบหวานละมุนของดอกไม้แต่ยังคงอบอุ่น อ่อนโยนและมีเสน่ห์น่าค้นหา มี Base Note ที่ชูโรงให้กลิ่นดอกพิโอนี่โดดเด่นและปลุกความมีชีวิตชีวาให้คุณในทุก ๆ วัน กลิ่นไม่หวานเลี่ยน ไม่ฉุนแรงกระแทกจมูก ไม่ต้องกลัวรบกวนผู้คนรอบข้างเลยค่ะ
แบรนด์ดังระดับโลกที่ไม่ได้ดีเด่นด้านสกินแคร์และเมคอัพเท่านั้น แต่ยังมีน้ำหอมสำหรับผู้หญิงที่ได้รับความนิยมกันอยู่ด้วย ดังเช่น Pleasures รุ่นนี้ที่เป็นการผสมผสานของดอกไม้นานาพันธุ์ ให้สัมผัสด้านกลิ่นอย่างลงตัว รอบกายอบอวลราวกับอยู่ในท่ามกลางสวนดอกพฤกษศาสตร์ กลิ่นไม่หวานเลี่ยน แถมยังช่วยเสริมลุคผู้หญิงวัยทำงานได้เป็นอย่างดี
Top Note เป็นกลิ่นดอกลิลลี่ขาวและความหอมจากพืชน้ำสีเขียวอย่างใบไวโอเลท กลิ่น Middle note เป็นกลิ่นดอกไม้นานาชนิดและสุดท้าย Base Note เป็นกลิ่นอบอุ่นจากไม้แซนดร้า วู้ด แพชชัวลี เหมาะกับคนที่ชอบความสดชื่น มีชีวิตชีวาของดอกไม้หลังสายฝนโปรยปราย ให้ความรู้สึกรื่นรมย์ยาวนานเพราะเป็นน้ำหอมชนิดเข้มข้นค่ะ
แบรนด์ Hi-End จากประเทศอังกฤษ แต่น้ำหอมรุ่นนี้ผลิตขึ้นที่ฝรั่งเศสดินแดนที่เล่ากันว่าเป็นต้นกำเนิดของน้ำหอม ให้กลิ่นหอมสดชื่นจากผลไม้ มอบสัมผัสหอมหวานแบบซุกซนปนด้วยความเซ็กซี่ชวนให้หลงใหล มีเบสกลิ่นจากดอกพิโอนี่สีชมพูผสมผสานกับกลิ่นขององุ่นดำ ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้ดึงเอากลิ่นหอมจาก Musk นำพาให้คุณสัมผัสได้ถึงความหอมละมุนที่ไม่หวานเลี่ยน แต่ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาแบบสบาย ๆ
รุ่นนี้เป็นน้ำหอมชนิดที่ผสมหัวน้ำหอมประมาณ 5 – 15% ให้กลิ่นหอมติดทนนานระดับกลาง ๆ ไม่ทำลายโสตประสาททางการรับกลิ่นทั้งผู้ใช้และคนรอบข้างเพราะให้กลิ่นหอมเบา ๆ สบาย ๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่พรมบนผิวค่ะ
ติดโผอีกรุ่นแล้วสำหรับเอสเต้ ลอเดอร์ รุ่นนี้เป็นน้ำหอมที่มีกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์เพื่อสะท้อนตัวตนของผู้หญิงยุคใหม่ที่แข็งแกร่ง มั่นใจ กระฉับกระเฉงแต่ยังมีความเซ็กซี่มีเสน่ห์ให้เห็นอยู่ เลือกนำกลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิดมาใช้ อาทิ กุหลาบหลายสายพันธุ์, ผลราสเบอรี่, ดอกแมกโนเลียและดอกมะลิ
นอกจากนี้ยังผสมพิมเสนซึ่งเป็นพืชสมุนไพรให้กลิ่นหอมเย็นสดชื่น สะท้อนภาพของหญิงสาวที่มากล้นด้วยประสบการณ์ ชอบความสนุกท้าทายในชีวิต ถือเป็นน้ำหอมที่บ่งบอกรสนิยมชั้นเยี่ยม ให้คุณภาพกลิ่นที่เข้มข้นติดทนยาวนาน เหมาะอย่างยิ่งกับการใช้ในชีวิตประจำวันของสาว ๆ วัย 30 ค่ะ
น้ำหอมในตระกูล Flora ที่นำเอากลิ่นหอมเอกลักษณ์ของผลเบอร์รี่สีแดงมาเป็น Top Note และตามด้วยกลิ่นหอมหวานของดอกพุด หรือ White Gardenia และดอกลีลาวดี ผสมผสานกับความหอมที่สกัดได้จากพืชตระกูล Patchouli ตลอดจนนำกลิ่นหอมของน้ำตาลทรายแดง มารวมเข้าอย่างลงตัวเกิดเป็น Base Note ที่ได้ความรู้สึกหอมหวาน ละมุนละไมแบบผู้หญิง
นอกจากนี้ ความพิเศษกว่าใครอยู่ตรงแพ็คเกจที่ออกแบบด้วยสีสันสดใสตามแบบฉบับของ Flora ซึ่งลวดลายนี้ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดังอย่าง Vittorio Accornero ในช่วงศตวรรษที่ 1960 สะท้อนถึงความหรูหรา คลาสสิก ดูมีระดับไม่เสื่อมคลายตั้งแต่แรกเห็นเลยทีเดียว
แบรนด์ “โคลเอ”ที่ให้ภาพลักษณ์สะท้อนความเป็นผู้หญิงที่รักอิสระ ทันสมัยและคงไว้ซึ่งความสง่างาม น้ำหอมรุ่นนี้เป็น Signature ของแบรนด์ที่พยายามบ่งบอกความเป็นตัวตนของผู้หญิงด้วยกลิ่นหอมจากดอกไม้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น Peony และ Freesia ที่นำมาผสมกับความสดชื่นจากลิ้นจี่และซีดาร์วู้ดที่ให้กลิ่นแห่งความสงบ ปรับสมดุลด้านอารมณ์
สัมผัสกลิ่นแรกที่ได้รับเป็นความหอมดอกไม้ สื่อถึงความอ่อนหวานของผู้หญิง แล้วเป็น Middle Note จากกลิ่นกลีบกุหลาบและดอกแมกโนเลีย ปิดท้ายด้วยความหอมละมุน อบอุ่นจากซีดาร์วู้ดและอำพันทะเล ใช้แล้วให้ความรู้สึกถึงพลังสาวสวยสตรอง มีความมั่นใจและมีเสน่ห์มากล้นจนใคร ๆ ก็อยากเข้าหา
อีกหนึ่งแบรนด์ Hi-End ที่สะท้อนภาพลักษณ์ของ Unisex และความเป็นผู้ใหญ่ มีความคลาสสิคแต่ทันสมัยไปในคราวเดียวกัน น้ำหอมกลิ่นนี้เป็นสินค้าในไลน์ Private Blend ตัวท็อปของแบรนด์ จุดเด่นคือให้กลิ่นหอมของกุหลาบที่ไม่หวานเลี่ยนแต่สอดแทรกความนุ่มลึกน่าค้นหา ให้อารมณ์ความแปลกใหม่อันน่าตื่นเต้นและเซ็กซี่เย้ายวนแบบไม่ต้องพยายาม
รุ่นนี้เปิดความหอมด้วยกลิ่นกุหลาบ เมื่อเวลาผ่านไประเหยเป็นกลิ่นอายของกาแฟผสมผสานกับดอกกุหลาบหอมโชยเย้ายวน รวมถึงมีกลิ่นของเครื่องเทศหวานปนขมของหญ้า Saffron หลงเหลือเป็น Base Note ติดตัว แม้จะแพงแต่ใช้เพียงน้อยนิดก็ติดทนนานแล้ว ทำให้หลายคนติดใจหลงใหลเพราะคุ้มค่าแก่การลงทุน เป็นของที่ต้องมี! สาว ๆ วัยนี้ไม่ควรพลาดเลยค่ะ
น้ำหอมแบรนด์ดังสัญชาติอิตาลีที่ถูกใจสาว ๆ ด้วยความพิเศษที่ให้กลิ่นหอมของดอกไม้สไตล์คลาสสิก สะท้อนความอบอุ่นนุ่มนวล เสน่ห์ที่น่าเข้าหา เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของดอกไม้นานาชนิด ได้แก่ ดอกบัว, ดอกแมกโนเลียและดอกพิโอนี่ รวมถึงให้สัมผัสกลิ่นแบบฟรุตตี้เบา ๆ จากส้มยูซุ และความละเอียดอ่อนจาก Musk ด้วย ก่อเกิดเป็นน้ำหอมที่ทำให้คุณรู้สึกดีได้ตลอดวัน
รุ่นนี้มาในรูปแบบน้ำหอมที่ไม่เข้มข้นมาก ได้ Note แต่ละชั้นใกล้เคียงกัน คือได้สัมผัสความหอมหวานตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด โดยกลิ่นไม่ฉุนแรงเกินไปและติดแน่นทนนาน เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันอย่างยิ่ง มาในแพ็กเกจหรูหราไฮโซ มีความเป็นผู้หญิงอย่างมาก
น้ำหอมรุ่นนี้ก็มีการใช้ชื่อภาษาฝรั่งเศสซึ่งแปลความได้ว่า Life is beautiful มีส่วนผสมของใบ Patchouli รวมเข้ากับ Iris Gourmand ที่ให้กลิ่นหอมหวานของเครื่องเทศและผลไม้มาเป็น Base Note ปรับจากกลิ่นหอมหวานจากดอกไม้ที่อาจจืดจางให้กลายเป็นความหวานนุ่มลึกแต่ทรงเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ เย้ายวนด้วยกลิ่นเครื่องเทศแบบเผ็ดร้อน หนักแน่นแต่ไม่ฉูดฉาดมากเกินไป
น้ำหอมกลิ่นนี้จะช่วยให้สาว ๆ ได้เสริมลุคความอ่อนหวานแต่แฝงความแข็งแกร่ง ความเป็นผู้หญิงทรงเสน่ห์ เป็นกลิ่นที่ไม่ได้มีมิติเดียวแต่มีความซับซ้อนเหมือนกับชีวิตที่กว่าจะพบความสุขก็ต้องค้นหา ปรับประยุกต์และทดลองกันอยู่หลายที
น้ำหอม Miss Dior รุ่นขายดีตลอดกาลของแบรนด์ มีเอกลักษณ์ของความหอมหวานแบบผู้หญิงอ่อนหวาน แต่ยังแฝงด้วยความซุกซนน่าค้นหาและคงไว้ซึ่งความหรูหราสง่างาม เลือกผสมความรู้สึกมีชีวิตชีวาจากมะกรูดคาริบเบียน (Calabrian Bergamot) เสริมความหอมอันละเอียดอ่อนจากดอกพิโอนี่และกุหลาบ อีกทั้งยังเติมแต่งกลิ่นให้โดดเด่นมีเอกลักษณ์ยิ่งขึ้นด้วย White Musks
น้ำหอมรุ่นนี้จะช่วยเสริมสร้างความโดดเด่นให้ผู้หญิงมีลุคสง่างาม มีเสน่ห์น่าค้นหา ซึ่งไม่ใช่ในแบบการเชิญชวนแต่เป็นในแบบของการแผ่ออร่าสู่คนรอบข้างให้หลงใหลอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องพยายามค่ะ สาว ๆ หลายคนชื่นชอบเพราะกลิ่นติดทนยาวนาน
การฉีดน้ำหอมให้ติดทนนานนั้นไม่ควรฉีดลงบนเสื้อผ้าเพราะอาจทำให้กระจายกลิ่นไม่ดีและไม่ติดทน แต่ควรฉีดพรมลงบนร่างกายโดยตรง โดยเฉพาะในจุดชีพจรและข้อพับต่าง ๆ เช่น ข้อศอก, ข้อมือ, หลังใบหู และบริเวณที่เป็นจุดไหลเวียนโลหิตซึ่งจะมีอุณหภูมิอุ่นเป็นพิเศษทำให้กลิ่นหอมดูดซับเข้าสู่ผิวได้ดี ทำให้กลิ่นติดทนนานขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ น้ำหอมจะซึบซาบสู่ผิวได้ดีเมื่อมีความชุ่มชื้นพอเหมาะ หากเป็นไปได้ก็ควรฉีดพรมน้ำหอมหลังทาโลชั่นและหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ ทันทีค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ? ได้เห็นแล้วใช่ไหมว่าเรื่องราวของน้ำหอมนั้นมีรายละเอียดมากมายที่คุณต้องใส่ใจก่อนการเลือกซื้อ เพราะน้ำหอมไม่ใช่แค่การพรมกลิ่นหอมโดนใจบนร่างกายแต่มันยังสะท้อนรสนิยมและบุคลิกภาพของคุณเองด้วย สาว ๆ วัย 30 ปีทั้งหลายก็คงได้ไอเดียการเลือกซื้อน้ำหอมที่เหมาะสมกับสไตล์และวัยกันไปแล้ว หวังว่าจะได้ประโยชน์จากบทความดี ๆ ที่เรานำมาฝากกันในครั้งนี้เช่นเคย แล้วไว้พบกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ!