หลายคนอาจจะคิดว่า การบำรุงเส้นผมด้วยแชมพูและครีมนวดก็น่าจะเพียงพอแล้ว ยิ่งหากใครที่มักจะสระผมเป็นประจำทุกวัน ก็อาจมีความเข้าใจว่า สุขภาพของเส้นผมและหนังศีรษะของตัวเองนั้น สะอาดและมีสุขภาพดีใช่ไหมคะ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การดูแลเส้นผมให้นุ่มสลวยเงางามนั้นมีหลากหลายขั้นตอน และยังมีผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิดที่ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะให้มีสุขภาพดีได้ ซึ่งในวันนี้เราจะมาแนะนำ "น้ำมันใส่ผม" สำหรับการจัดแต่งและดูแลเส้นผมในอีกขั้นตอนกันค่ะ
ในบทความนี้ เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับวิธีการเลือกน้ำมันใส่ผมแบบละเอียด รวมถึง 10 อันดับสินค้าที่วางขายในท้องตลาด แต่สามารถสั่งซื้อได้ง่าย ๆ ทางออนไลน์ รับรองว่าหลังจากอ่านบทความนี้จบไป นอกจากคุณจะได้สาระความรู้เกี่ยวกับน้ำมันใส่ผมแล้ว ยังสามารถเลือกน้ำมันใส่ผมยี่ห้อที่ถูกใจได้อย่างแน่นอนค่ะ ถ้าอย่างนั้น ไปติดตามบทความนี้กันเลยค่ะ !
ก่อนที่จะไปเลือกซื้อน้ำมันใส่ผมจาก 10 อันดับ เราขอแนะนำให้คุณเช็ก 3 จุดสำคัญเหล่านี้ให้ดีก่อนเลือกซื้อ เพื่อให้ได้น้ำมันใส่ผมที่ได้ประสิทธิภาพในการบำรุงผมมากที่สุดค่ะ
น้ำมันใส่ผมจะช่วยป้องกันการระเหยของน้ำและยับยั้งความแห้งกร้านของเส้นผม แต่หากคุณต้องการน้ำมันใส่ผมที่มีคุณสมบัติพิเศษอย่างการปกป้องเส้นผมจากความร้อนและรังสี UV ให้เลือกใช้น้ำมันใส่ผมที่มีส่วนผสมที่ปกป้องผมของเราจากความร้อน เช่น ไดร์เป่าผม เครื่องหนีบผม และรังสี UV ค่ะ
สำหรับผู้ที่กำลังกลุ้มใจกับผมเสียที่เกิดจากความร้อนของไดร์และเครื่องหนีบผม หรือผู้ที่ต้องตากแดดอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน ให้ลองเช็กดูว่า น้ำมันใส่ผมที่คุณต้องการมีส่วนประกอบที่สามารถฟื้นฟูผมที่แห้งเสียจากการโดนความร้อนได้หรือไม่
ตัวอย่างส่วนประกอบที่ป้องกันความร้อน ได้แก่
- Meadowfoam Delta-Lactone
- Gamma-Docosalactone
เป็นต้น
ตัวอย่างส่วนประกอบที่ป้องกันรังสี UV ได้แก่
- Ethylhexyl Methoxycinnamate
เป็นต้น
ก่อนจะตัดสินใจเลือกน้ำมันใส่ผม อันดับแรกคุณควรเช็กดูก่อนว่า ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เข้ากับลักษณะเส้นผมเราหรือไม่ เพราะแม้ว่าบางผลิตภัณฑ์จะมีน้ำมันใส่ผมเพียงเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์ของแต่ละคนก็อาจจะต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปริมาณของส่วนผสมอื่น ๆ ด้วย ดังนั้น อย่าลืมตรวจสอบว่าน้ำมันใส่ผมแบบไหนที่เหมาะกับสภาพผมของตัวเองกันนะคะ
ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์จะระบุไว้ที่ด้านหลังของขวดหรือบรรจุภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยาอาจจะไม่ได้แสดงส่วนผสมทั้งหมดค่ะ
สำหรับผู้ที่ต้องการลดความแห้งกร้านและความแห้งเสียของเส้นผม แนะนำให้ใช้น้ำมันใส่ผมที่มีซิลิโคนเป็นส่วนประกอบ เพราะการเคลือบเส้นผมด้วยซิลิโคนจะช่วยทำให้เส้นผมที่แห้งเสียของคุณเงางามขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม หากใครที่มีผิวบอบบาง ตอนที่ใช้น้ำมันใส่ผมที่มีส่วนประกอบของซิลิโคน ระวังอย่าให้โดนหนังศรีษะจะดีที่สุดค่ะ
ผู้ที่ใช้น้ำมันใส่ผมแล้วผมเรียบแปล้ หรือผู้ที่ผมบางและไม่มีน้ำหนัก แนะนำให้ใช้น้ำมันใส่ผมที่มีส่วนประกอบของซิลิโคนหรือน้ำมันพืชอยู่ด้วย เพราะนอกจากจะอ่อนโยนต่อผิวแล้ว ยังทำให้เส้นผมมีน้ำหนักขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติด้วยค่ะ
แม้ว่าคุณจะเป็นคนที่ผมบาง แต่หากได้รับความเสียหายซ้ำ ๆ จากการดัดหรือทำสี น้ำมันใส่ผมที่มีเนื้อสัมผัสบางเบาก็อาจจะไม่เพียงพอสำหรับการดูแลสภาพผมที่เสียหายหนัก ดังนั้น เราขอแนะนำให้ใช้น้ำมันใส่ผมที่มีส่วนประกอบของซิลิโคนจะดีกว่าค่ะ
ตัวอย่างน้ำมันพืช
- น้ำมันดอกคามิเลีย
- น้ำมันมะกอก
- น้ำมันโจโจ้บา
- น้ำมันอาร์แกน
- น้ำมันดอกทานตะวัน
- น้ำมันเมล็ดต้นอาร์แกน
เป็นต้น
น้ำมันใส่ผมสามารถใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและจัดแต่งทรงผมก่อนที่จะไดร์ผมได้ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เป็น Pre-Shampoo ที่ช่วยดูแลให้ผมมีสุขภาพดี แข็งแรง มีน้ำหนักและไม่ชี้ฟูได้อีกด้วย เมื่อคุณนำน้ำมันใส่ผมไปลูบบริเวณหนังศรีษะก่อนสระผม แชมพูจะช่วยกระตุ้นให้น้ำมันที่อุดตันในรูขุมขนและสิ่งสกปรกลอยหลุดออกมาจากเส้นผมและหนังศรีษะ
แต่หากคุณใช้น้ำมันใส่ผมที่มีส่วนผสมของซิลิโคนและคอนดิชันเนอร์อยู่ แทนที่จะทำให้สิ่งสกปรกหลุดออกมา อาจกลายเป็นทำให้สิ่งปกปรกและน้ำมันอุดตันในหนังศรีษะแทนค่ะ ดังนั้น หากใครที่อยากกำจัดสิ่งสกปรกโดยใช้น้ำมันใส่ผมเป็น Pre-Shampoo อย่าลืมเลือกใช้น้ำมันใส่ผมที่เป็นน้ำมันพืช 100% อย่างน้ำมันโจโจ้บาและน้ำมันอาร์แกนนะคะ
นอกจากคุณสมบัติที่กล่าวมานี้ อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ “กลิ่น” เพราะเป็นสิ่งที่จะติดเส้นผมเราไปหลายชั่วโมง หรืออาจจะหลายวันเลยนะคะ ซึ่งในปัจจุบัน น้ำมันใส่ผมมีให้เลือกหลายกลิ่น เช่น กลิ่นดอกไม้ กลิ่นผลไม้ หรือโทนธรรมชาติ ดังนั้น ก่อนเลือกซื้อจึงควรอ่านรีวิวจากผู้ใช้จริงให้ดีว่า มีกลิ่นใกล้เคียงกับกลิ่นที่คุณชอบหรือไม่ เพื่อให้คุณได้รู้สึกผ่อนคลายกับกลิ่นหอมเมื่อนำมาใช้งานค่ะ
หากคุณอยากมีเส้นผมที่สลวยเงางาม ดูมีสุขภสพดี น้ำมันใส่ผมก็ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้เป็นประจำทุกวันหรือบ่อยครั้งต่อสัปดาห์ ดังนั้น การคำนึงถึงราคาจึงเป็นอีกสิ่งที่สำคัญ โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสัมพันธ์กับทั้งคุณภาพและปริมาณ เพื่อให้คุณสามารถซื้อใช้ได้บ่อยครั้ง โดยไม่ต้องกังวลว่าจะกระทบกับงบการชอปปิ้งสินค้าตัวอื่น ๆ ค่ะ
ออยล์ตัวนี้เป็นอาร์แกนออยล์ที่บำรุงเส้นผมที่ดีที่สุดเลยค่ะ แถมมาจากดินแดนที่ดังในเรื่องของอาร์แกนออยล์อย่างโมร็อกโกด้วย แนะนำว่าควรใช้หลังจากผมแห้งแล้ว หรือจะเอามานวดผมระหว่างวันก็ได้ค่ะเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
วิธีใช้ก็แค่เพียงบีบลงฝ่ามือ กะปริมาณให้เหมาะกับปริมาณเส้นผม ใช้ลูบที่ปลายผมก่อนแล้วค่อยไปนวดที่ศีรษะค่ะ ช่วยผ่อนคลายแถมไม่ทิ้งความเหนอะหนะอีกด้วย ทาแล้วผมไม่มันเหมือนผมเวลาไม่สระผมแบบออยล์ยี่ห้ออื่น ๆ แต่ตัวนี้ซึมเข้าสู่ผมเลย ใช้แล้วเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกเลยว่าผมเงางามสลวยและสางง่ายขึ้น และยังช่วยให้ความชุ่มชื่นกับผม ทำให้ผมไม่ลีบแบนด้วย
อีกประการหนึ่งคือ การมีสุขภาพหนังศีรษะดีย่อมส่งผลให้เรามีเส้นผมที่แข็งแรง และช่วยลดปัญหาการขาดร่วงด้วยเช่นกัน ดังนั้น สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับหนังศีรษะแห้ง, รังแค, หรือต้องการบำรุงหนังศีรษะเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูข้อมูลสินค้าต่าง ๆ ได้จากลิงก์ด้านล่างนี้เลย
หลังจากที่ได้ศึกษาวิธีการเลือกน้ำยาใส่ผมไป เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะพอรู้วิธีเลือกการสินคเ้าที่เหมาะกับตัวเองกันมากขึ้นแล้วใช่ไหมคะ อันดับต่อไป เราจะมาแนะนำ 10 อันดับน้ำมันใส่ผมคุณภาพทั้งหลายที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบันมาให้คุณเลือกซื้อกันด้วย ใครพร้อมช้อปแล้ว ไปลุยกันเลยค่ะ !
น้ำมันใส่ผมจากแบรนด์บิวตี้ที่โด่งดังทั่วโลก โดยผลิตภัณฑ์บำรุงผมสูตรนี้เน้นใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติที่หลากหลาย ซึ่งมีส่วนผสมจากน้ำมันอัลมอนด์หวาน วิตามิน และโอเมก้า 9 ที่ช่วยฟื้นฟูสภาพผมและทำให้ผมเงางาม นอกจากนี้ ยังมีน้ำมันหอมระเหย 5 ชนิดที่ช่วยฟื้นฟูสภาพผมและมีกลิ่นหอมเหมือนได้ทำสปาผมไปในตัวเลยล่ะค่ะ
รีวิวจากผู้ใช้จริงหลายคนพบว่า ช่วยให้ผมนุ่มลื่นดูสุขภาพดี แม้ผมจะแห้งเสียมากก็สามารถฟื้นฟูให้กลับมาสวยดังเดิมได้ หลายคนติดใจจนถึงกับต้องซื้อไว้ติดบ้านเลย นอกจากนี้ ทางแบรนด์ยังมี Aromachologie Repairing Shampoo และ Conditioner ด้วย หากใช้คู่กันก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นค่ะ แม้ราคาจะสูงไปสักนิด ก็รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน ใครที่มีงบก็ลองใช้ดูนะคะ
แบรนด์ไทยที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ซึ่งน้ำมันใส่ผมของแบรนด์นี้มีถึง 5 สูตรด้วยกัน จึงสามารถดูแลเส้นผมของสาว ๆ ได้ทุกสภาพผม ได้แก่ Damaged Hair เพื่อผมเสียจากความร้อนและสารเคมี, Permed Hair สำหรับเส้นผมที่ผ่านการดัด, Fluffy Hair สำหรับผมชี้ฟู, ขาดน้ำหนัก, จัดทรงยาก, Naturally Straight Hair ทำให้เส้นผมดูหนา มีน้ำหนัก
ตัวน้ำมันมีส่วนผสมของน้ำมันดอกคามิเลียที่มีส่วนประกอบของ Oleic acid มากถึง 85 - 93% ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้เส้นผมที่ถูกทำลายจากความร้อนและสารเคมี ทำให้กลับมาเงางามและมีชีวิตชีวา ผู้ใช้จริงต่างรีวิวว่า ตั้งแต่ใช้น้ำมันใส่ผมตัวนี้มา ผมก็นุ่มสลวยอย่างเป็นธรรมชาติ และยังนำไปผสมกับแชมพูหรือครีมนวดผมได้แบบสบาย ๆ เพราะให้ปริมาณมาแบบคุ้มสุด ๆ เลยค่ะ
หลายคนคงต้องคุ้นหน้าคุ้นตากับแบรนด์นี้อย่างแน่นอน นอกจากผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมชนิดอื่น ๆ แล้ว ก็ยังมีเซรั่มสูตรนี้ที่มีส่วนผสมหลักจากธรรมชาติทั้งอัลมอนด์ที่มาจากแคลิฟอร์เนียละน้ำผึ้งจากฝรั่งเศส เรียกว่ามาจากธรรมชาติ 100% เหมาะสำหรับผู้ที่มีสภาพผมธรรมดาไปจนถึงผมแห้ง ให้การบำรุงเส้นผมที่เสียหายจากการโดนความร้อนและสารเคมี และปกป้องเส้นผมจากความร้อน ช่วยให้ผมนุ่มลื่นและไม่ชี้ฟู
ตัวแพ็กเกจขนาดเบา กะทัดรัด พกพาสะดวก ทำจากพลาสติกเนื้อหนา ไม่ว่าจะพกไปไหนก็ไม่แตกจนเลอะกระเป๋าแน่นอน สามารถใช้ได้ทั้งก่อนและหลังไดร์ผม หรือใครที่อยากเพิ่มความนุ่มลื่นและความหอมให้แก่เส้นผมระหว่างวัน ก็สามารถใช้ได้ค่ะ แถมราคาก็เบา ๆ ใช้ได้ทุกวันแบบไม่ต้องเสียดายเลยค่ะ
เซรั่มบำรุงผมจาก Free & Free รุ่นนี้มีเพื่อนร่วมรุ่นอีก 1 สูตรค่ะ ต่างกันที่เจ้าตัวสีเขียวจะเป็นสูตรสำหรับผมเสีย และตัวสีแดงเป็นสูตรสำหรับผมทำสีค่ะ ตัวเจลได้ผสานนวัตกรรมสารสกัดอัจฉริยะ DGA ลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศญี่ปุ่น ช่วยบำรุงและฟื้นฟูเส้นผมที่แห้งเสียจากการไดร์ โดนความร้อนจากการหนีบผมหรือดัดผม ทำให้ผมที่เสียกลับมานุ่มสลวย เปล่งประกาย และมีน้ำหนักมากขึ้น
เนื้อเจลมีลักษณะเป็นสีขุ่นไม่เหนียวเหนอะหนะ กลิ่นหอม และซึมซาบไว ใช้แล้วช่วยให้ผ่อนคลาย ทำให้หวีและจัดทรงง่ายขึ้น สาว ๆ หลายคนแนะนำให้ใช้หลังสระผมหมาด ๆ เมื่อผมแห้งแล้วจะได้ผลลัพธ์เป็นผมพริ้วสวย ไร้ซึ่งความมันจากออยล์ที่ใช้เลยค่ะ แพ็กเกจเป็นหัวปั๊ม ใช้ง่าย ไม่ยุ่งยาก รับรองว่าถูกใจแน่นอนค่ะ
น้ำมันใส่ผมที่บิวตี้บล็อกเกอร์หลายคนเลือกใช้ น้ำมันอาร์แกนจากประเทศโมร็อกโก ที่ช่วยฟื้นบำรุงผมให้ดูแข็งแรง เงางามนุ่มสลวย และมีเสน่ห์ดุจใยไหม ดูเปล่งประกายเงางาม ตัวผลิตภัณฑ์ปราศจากสารซัลเฟต จึงมั่นใจได้ว่าอ่อนโยนต่อหนังศรีษะ นอกจากนี้ ยังทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศรีษะราบเรียบ และช่วยเพิ่มความเงางามให้แก้เส้นผมอีกด้วย
รีวิวจากผู้ใช้จริงพบว่า หลังใช้แล้วผมนุ่มลื่น ไม่พันกัน และยังซึมซาบไว ใช้แล้วไม่ทำให้รู้สึกว่าผมเหนียวเหนอะหนะ ผู้ที่ผมบางหรือผมมันก็สามารถใช้ได้ค่ะ แพ็กเกจก็หรูหราสวยงาม กะทัดรัด พกพาง่าย แต่ใครที่ชอบพกใส่ในกระเป๋าไปใช้ระหว่างวันต้องปิดฝาให้ดีนะคะ เพราะไม่งั้นอาจจะหกเลอะเทอะใส่กระเป๋าได้ค่ะ
มาที่น้ำมันใส่ผมจากประเทศญี่ปุ่นกันบ้าง สูตรนี้เข้มข้นด้วยน้ำมันดอกคามิเลียธรรมชาติ 100% เลยทีเดียว ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของทางแบรนด์ผสมผสานกับกระบวนการสกัดน้ำมันแบบดั้งเดิม ทำให้ได้น้ำมันดอกคามิเลียที่มีคุณภาพสูง ไม่มีกลิ่นเหม็นหืนหรือเปลี่ยนสภาพหลังเปิดใช้งาน ทำให้คุณได้คุณค่าของน้ำมันเต็มเปี่ยมทุกหยดเลยล่ะค่ะ
ตัวเนื้อผลิตภัณฑ์เป็นสีเหลืองอ่อนใส ไม่มีกลิ่น ใครที่ไม่ชอบน้ำมันที่มีกลิ่นเฉพาะก็สามารถใช้ได้ค่ะ ไม่เหนียวเหนอะหนะ บำรุงผมเสียให้มีสุขภาพดี เงางามเป็นประกาย ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผมที่แห้งและแตกปลาย จากรีวิวผู้ใช้พบว่า ช่วยให้ผมมีน้ำหนักไม่ชี้ฟู ตัวแพ็กเกจเป็นหัวปั๊ม ใช้งานสะดวก ด้วยคุณภาพที่เต็มเปี่ยมขนาดนี้ ต้องมีไว้บำรุงผมให้สวยสักขวดแล้วนะคะ
หากคุณกำลังตามหาออยล์สูตรเซรั่มช่วยบำรุงหนังศีรษะและลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผม แนะนำให้ลองใช้สูตรนี้ดูนะคะ เพราะอุดมไปด้วยสารบำรุงจากธรรมชาติมากมาย เช่น ชะเอมจีน ที่ช่วยปรับสภาพหนังศีรษะ, ตังกุย กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด, ชังโพ่ ทำให้เส้นผมยืดหยุ่น และชาเขียว ช่วยบำรุงเส้นผมและรากผมให้แข็งแรง อุดมไปด้วยส่วนประกอบที่ดีต่อสุขภาพผมและหนังศีรษะ
นอกจากนี้ ใครที่มักจะมีรังแคมากวนใจ น้ำมันใส่ผมสูตรนี้ยังช่วยลดอาการคันหนังศรีษะและการเกิดรังแคได้อีกด้วย ผู้ใช้จริงต่างรีวิวว่า เนื้อสัมผัสเย็นสบาย ใช้แล้วไม่เหนอะหนะและไม่ทำให้ผมลีบแบน แต่มีกลิ่นสมุนไพรเล็กน้อย ใครที่ไม่ชอบกลิ่นสมุนไพรอาจจะไม่ถูกใจ แต่ถ้าคุณไม่ติดปัญหาเรื่องกลิ่น ขวดนี้ก็เป็นอีกสูตรที่เราขอแนะนำค่ะ
อย่าเพิ่งตกใจนะคะว่าทำไมมีน้ำมันมะพร้าวมาแนะนำด้วย รู้หรือไม่คะว่า น้ำมันมะพร้าวนั้นมีประโยชน์สารพัดเลย เพราะนอกจากจะใช้ทำอาหารหรือใช้นวดตัว ได้แล้ว ยังสามารถนำมาใส่ผมได้อีกด้วย น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นสูตรนี้อุดมไปด้วยสารอาหารของเส้นผมและหนังศีรษะ ที่จะช่วยบำรุงและฟื้นฟูเส้นผมให้นุ่มสลวย, ปกป้องจากการขาดหลุดร่วง, ผมเรียบลื่นเงางาม, ซึบซับรวดเร็ว, ผมหวีง่ายไม่พันกัน
เหมาะกับผู้ที่มีผมแห้งเสียจากการขาดสารอาหาร สามารถใช้หมักผมไว้ประมาณ 1 - 2 ชม. ก่อนสระเพื่อฟื้นฟูผมให้กลับมามีสุขภาพดี เงางาม ตัวน้ำมันมีกลิ่นหอมมะพร้าวอ่อน ๆ จากรีวิวผู้ใช้งานจริงพบว่า ไม่เหนียวเหนอะหนะ เมื่อใช้เป็นประจำเส้นผมมีสุขภาพดีขึ้น คุณภาพแน่นแถมยังสามารถใช้ได้อเนกประสงค์ขนาดนี้ ต้องมีติดบ้านไว้แล้วล่ะค่ะทุกคน
น้ำมันใส่ผมสูตรสำหรับผมแห้งเสีย ด้วยการผสานคุณค่าของสารสกัดจากแมคคาเดเมีย, อาร์แกน, Babassu และโจโจ้บา ที่ช่วยเติมสารอาหารให้กับหนังศีรษะ ทำให้รากผมแข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วง และยังบำรุงให้เส้นผมนุ่มสลวย เปล่งประกายเงางาม และมีสุขภาพดีขึ้นอย่างอ่อนโยน โดยปราศจากสารกันเสียพาราเบน สีเติมแต่ง และซิลิโคน หมดกังวลเรื่องระคายเคืองหนังศีรษะไปได้เลย
สูตรนี้ต้องใช้หมักขณะผมแห้ง ก่อนจะตามด้วยการสระผมตามปกตินะคะ โดยครั้งนึงใช้แค่ไม่กี่หยดเท่านั้น ไม่เช่นนั้นอาจรู้สึกว่าผมมันและล้างออกยากได้ เนื้อออยล์มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ช่วยให้ผ่อนคลาย หลังใช้แล้วผมไม่มัน แถมยังช่วยให้จัดทรงง่ายขึ้นอีกด้วยค่ะ ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ราคาย่อมเยา แต่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพในการบำรุงเส้นผมมาก ๆ ค่ะ
ถ้าพูดถึงผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม คงจะขาดแบรนด์นี้ไปไม่ได้ เพราะนอกจากจะมีให้เลือกหลายสูตรแล้ว คุณภาพและราคาก็สมเหตุสมผลด้วย โดยรุ่นนี้ทางแบรนด์ได้ออกมา 3 สูตรด้วยกัน ได้แก่ สูตรสำหรับผมแห้งเสีย, สูตรสำหรับผมธรรมดา-ผมแห้ง, สูตรสำหรับผมทำสี ด้วยสารสกัดจากดอกไม้นานาพันธุ์กว่า 6 ชนิด ตรงเข้าฟื้นฟูให้เส้นผมเปล่งประกาย เงางามและดูมีสุขภาพดี
นอกจากนี้ ยังช่วยปกป้องจากความร้อนระหว่างที่ไดร์ผมด้วย เนื้อออยล์มีกลิ่นหอม จึงช่วยให้ผ่อนคลายขณะใช้ แถมยังซึมซาบได้ไว ไม่ต้องกังวลว่าจะทิ้งความมันบนหนังศีรษและไม่ทำให้ผมลีบแบน โดยเมื่อใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องพบว่า ทำให้ผมนุ่มขึ้นอีกด้วยค่ะ อย่าลืมเลือกสูตรตามสภาพผมของตัวเอง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการนะคะ
หากคุณใช้น้ำมันผมอย่างไม่ถูกวิธี อาจจะทำให้เส้นผมดูมันและเหนียวเกินไปจนเกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีได้ แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะเราได้นำเทคนิคการใส่น้ำมันผมให้มีประสิทธิภาพจากผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่นมาบอกต่อกันด้วย สำหรับใครที่เพิ่งเคยใช้น้ำมันใส่ผม หรือผู้ที่เคยใช้แต่ยังไม่รู้ว่าวิธีที่ใช้อยู่นั้นถูกต้องหรือไม่ เราไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
น้ำมันใส่ผมจะมีประโยชน์เวลาที่คุณต้องการลดความฟูของเส้นผม หรืออยากให้ผมดูมันวาวนุ่มสลวย ถ้าใครอยากใช้แทนผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ควรเซตผมให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยใช้น้ำมันใส่ผมค่ะ เท่านี้ก็จะได้ฟินิชลุคทรงผมที่ดูเงางามและสุขภาพดีแล้ว
การจัดแต่งทรงผมด้วยน้ำมันใส่ผมอย่างเดียวอาจจะเป็นเรื่องยาก ดังนั้น หากผสมลงในครีมนวดผมหรือแว็กซ์ก็จะใช้งานได้ง่ายกว่า โดยผสมกับแว็กซ์เพียงแค่ 1 หยดก็พอนะคะ
ใครที่ชอบสระผมด้วยน้ำอุ่นแนะนำให้ใช้น้ำมันใส่ผมก่อนและหลังไดร์ค่ะ ก่อนไดร์ผมให้เช็ดผมให้หมาด ๆ จากนั้นจึงหวีผมและผสมผสานน้ำมันลงบนฝ่ามือก่อนน้ำไปลูบไล้ลงบนเส้นผม หลังจากไดร์ผมก็ให้ลูบอีก 1 หยด เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ
เคล็ดลับสำคัญ คือ ก่อนที่จะลูบลงบนเส้นผมให้ผสมน้ำมันด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง เพราะหากเทใส่ฝ่ามือแค่ข้างเดียว ตอนที่ลูบลงไปอาจจะไม่สม่ำเสมอทั่วทั้งศรีษะค่ะ
หากผสมน้ำมันใส่ผมที่มือเรียบร้อยแล้ว ให้เริ่มลูบจากปลายผมที่มักจะแห้งเสียก่อน หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ลูบจากกลางผมลงไปจนถึงปลายผมอีกรอบนึง สิ่งที่ต้องระวัง คือ หากลูบน้ำมันที่โคนผมจะทำให้ผมดูไม่มีวอลลุ่ม ดังนั้น แนะนำให้ลูบตั้งแต่กลางเส้นผมไปจนถึงปลายเส้นผมพอนะคะ
มีหลายคนที่ใช้วิธีผสมน้ำมันใส่ผสมลงในแชมพูหรือทรีตเมนต์ แต่หากใส่ปริมาณมากเกินไปอาจจะทำให้ผมเหนียวได้ ดังนั้น ลองเริ่มจากผสมน้ำมันใส่ผมเพียง 1 หยดดูก่อน หลังจากนั้นก็สังเกตเนื้อผลิตภัณฑ์ ถ้ายังไม่ถูกใจก็ค่อย ๆ ใส่เพิ่มทีละหยดค่ะ
นอกจากนี้ หากสาว ๆ คนไหนผสมน้ำมันใส่ผมลงในทรีตเมนต์ ไม่ว่าจะมีซิลิโคนหรือไม่มีก็ไม่มีปัญหา แต่กรณีที่ผสมกับแชมพูล่ะก็ ให้ใช้น้ำมันพืชเท่านั้นนะคะ เพราะในกรณีที่เป็นแชมพูนั้น เนื้อแชมพูจะสัมผัสกับผิวโดยตรง จึงอาจจะเกิดปัญหาผิวจากซิลิโคนในน้ำมันใส่ผมได้ ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาที่หนังศรีษะ ให้ใช้น้ำมันใส่ผมที่มีส่วนผสมเพียงแค่น้ำมันพืชจะดีที่สุดค่ะ
เพราะทุกวันนี้เราทำร้ายเส้นผมกันจากหลากหลายวิธีโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะการไดร์ผมด้วยความร้อนสูง และการทำเคมีต่าง ๆ เช่น ดัด ยืด หรือทำสี ทำให้เส้นผมอ่อนแอและแห้งกรอบ เป็นเหตุให้จัดทรงยากจนอาจทำให้ใครหลายคนขาดความมั่นใจไปเลยก็ได้ และการบำรุงด้วยแชมพูและครีมนวดธรรมดาก็อาจจะไม่เพียงพอ ดังนั้น อย่าลืมฟื้นฟูและปกป้องเส้นผมด้วย “น้ำมันใส่ผม” กันนะคะ
จากที่อธิบายไปในตอนต้น วิธีการเลือกผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้ยุ่งยากเลย เพียงแค่คำนึงถึงส่วนผสม, เนื้อสัมผัส, กลิ่น และราคา เท่านี้เราก็จะได้สิ่งที่เหมาะกับตัวเองกันแล้ว นอกจากนี้ อย่าลืมหมักผมด้วยทรีทเม้นท์เป็นประจำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ด้วยนะคะ เพื่อเป็นการเติมอาหารให้กับเส้นผม แล้วคุณจะได้มีสุขภาพผมที่ดี เงางาม ตามที่ต้องการเลยค่ะ