รุ่นไหนดี 9 อันดับ ครีมบำรุงผิวหน้า สำหรับผิวผสม รุ่นไหนดี ที่นิยม คลิกเลย อัพเดทล่าสุดปี 2567

คูปอง ส่วนลด ในร้านค้าออนไลน์แนะนำของเรา จัดเต็ม โปรลดเยอะ สำหรับ Flash Sale สามารถใช้งานได้ รับข้อเสนอมากมาย กับดีลเด็ดประจำวัน คูปอง ส่วนลด จัดเต็ม สัมผัสประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และไว้ใจได้กับโมบาย แอปพลิเคชั่น
คุณภาพเจ๋ง ราคาถูกมาก เราแนะนำเลยเจ้านี้ ครีมบำรุงผิวหน้า สำหรับผิวผสม  สินค้าออนไลน์  ราคาพิเศษส่งให้คุณลูกค้าถึงหน้าบ้าน สั่ง ครีมบำรุงผิวหน้า สำหรับผิวผสม  ไป ราคาถูกกว่าซื้อห้าง สินค้าใส่ซองกันกระแทกมาตอนจัดส่งให้ด้วย ส่งเร็วทันใจ คุณภาพเยี่ยมพอดีเห็น ราคาน่าจะลดลง สินค้าดีๆ ราคาถุก ส่งทางไปรษณีย์หรือไม่ก็ทางหน่วยจัดส่ง คุณภาพเกินราคา ตอนนี้ลองใช้มาซักพักใช้ได้ดี ไม่มีปัญหา

     
คุณรู้หรือไม่ ? นอกจากครีมบำรุงผิวหน้า สำหรับผิวผสม มีเรื่องที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้ออีกมากมายไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ สี ขนาด ราคา วัสดุที่ใช้และน้ำหนักซึ่งปั จจัยเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความชอบและลักษณะ ซึ่งมีทั้ง ครีมบำรุงผิวหน้า สำหรับผิวผสม และการใช้ของแต่ละบุคคล ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหา ครีมบำรุงผิวหน้า สำหรับผิวผสม วันนี้ทางเราได้จัด แนะนำ ครีมบำรุงผิวหน้า สำหรับผิวผสมยี่ห้อดีต่อใจมาให้คุณแล้ว!

ครีมบำรุงผิวหน้านั้นเป็นสกินแคร์สำคัญที่จำเป็นต่อการดูแลและบำรุงผิว เพราะนอกจากจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ในผิวแล้ว ยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับชั้นผิวและยังเสริมเกราะป้องกันผิวได้อีกด้วย ทั้งนี้กลุ่มของผู้ที่มีสภาพผิวผสมอาจต้องพบเจอกับความยากลำบากในการเลือกครีมบำรุงผิว เพราะเป็นผิวที่ผสมระหว่างผิวแห้งและผิวมัน ซึ่งหากเลือกไม่เหมาะสมแล้วละก็ จะไม่สามารถดูแลผิวได้อย่างเหมาะสมหรือมีประสิทธิภาพได้


ในปัจจุบัน มีครีมบำรุงผิวหน้าสำหรับผิวผสมวางขายอยู่ทั่วไปจากหลายแบรนด์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Clinique, Physiogel, Eucerin และอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างกันไปทั้งในเรื่องของเนื้อสัมผัสและส่วนผสมที่ใช้ จึงต้องอาศัยการศึกษาและทำความเข้าใจกับครีมบำรุงผิวหน้าเหล่านี้ก่อนจะเลือกซื้อ วันนี้ทางทีมงานของเราจะมาเป็นตัวช่วยให้คนที่มีสภาพผิวผสมทุกคนสามารถเลือกซื้อครีมบำรุงผิวหน้าที่เหมาะสมกับตัวเองได้ง่ายยิ่งขึ้นค่ะ

สภาพผิวที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันก็คือ ผิวแห้งหรือผิวมัน ซึ่งหลายคนก็ยังสับสน คิดว่าการมีสภาพผิวผสมนั้นหมายถึงการมีผิวที่สมดุล และนั่นเป็นความคิดที่ผิดเลยค่ะ ! เพราะความจริงแล้วการมีสภาพผิวผสมนั้นหมายถึง ผิวบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้าของคุณมีความแห้งและมันไม่เท่ากัน โดยบริเวณที่ต่อมไขมันมากจะมีความมันมากกว่าบริเวณอื่น เช่น บริเวณ T-Zone ของใบหน้า คือหน้าผาก จมูกและคาง จึงทำให้มีการพบเจอสิวเสี้ยนและสิวต่าง ๆ ที่ผิวบริเวณนี้อยู่บ่อยครั้ง ในขณะที่ผิวบริเวณโหนกแก้ม ข้างแก้มและรอบดวงตา จะมีต่อมไขมันน้อย ทำให้ผิวบริเวณนี้มีความแห้งได้ง่ายกว่าบริเวณอื่น จึงทำให้เกิดอาการเหี่ยวแห้งหรือลอกเป็นขุยได้


วิธีการตรวจดูว่าผิวของคุณมีสภาพผิวผสมหรือไม่ให้ดูได้จาก หลังจากที่ตื่นนอนแล้ว ผิวบริเวณ T-Zone นั้นมีความมันแตกต่างกับผิวบริเวณโหนกแก้มหรือไม่ หรือจะใช้วิธีการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าแล้วรอเวลา 20 นาที หากผิวบริเวณ T-Zone นั้นมีความมันเป็นพิเศษหรือผิวบริเวณแก้มหรือรอบดวงตานั้นแห้งเป็นขุยแสดงว่าคุณมีสภาพผิวผสมนั่นเอง

หลังจากที่รู้จักสภาพผิวผสมและวิธีการสังเกตว่าผิวหน้าของคุณนั้นเป็นผิวผสมหรือไม่กันไปแล้ว เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่า วิธีการเลือกครีมบำรุงผิวหน้าสำหรับผิวผสมนั้นมีอะไรบ้างที่คุณต้องใส่ใจพิจารณา

อย่างที่ทราบกันดีว่า การมีสภาพผิวผสมจะทำให้ผิวของคุณมีสภาพทั้งมันและแห้ง ทั้งยังมีปัญหาที่ต้องเผชิญต่างกันออกไป ดังนั้นหากคุณเลือกครีมบำรุงผิวหน้าจากส่วนผสมหลักก็จะช่วยให้คุณสามารถแก้ไขและดูแลปัญหาผิวได้อย่างถูกจุดมากขึ้น

Hyaluronic Acid นั้นเป็นฮีโร่ที่ช่วยกอบกู้ผิวจากอาการแห้งขาดน้ำได้อยู่เสมอ เพราะมีคุณสมบัติในการเชื่อมชั้นผิว คอลลาเจนและอีลาสตินเข้าด้วยกัน ทำให้ผิวมีความแข็งแรงจึงสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ในผิวได้ยาวนานมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยหล่อเลี้ยงผิวให้มีความเต่งตึงและสมานตัวได้อย่างรวดเร็ว Hyaluronic Acid ในรุ่นแรก ๆ นั้นมีโมเลกุลที่ค่อนข้างใหญ่จึงซึมลงสู่ผิวได้ยาก ต่อมามีการพัฒนากรด Hyaluronic ให้มีโมเลกุลเล็กลงสามารถซึมลงบำรุงผิวได้ง่ายกว่าเดิม ที่สำคัญสารตัวนี้จะมีน้ำหนักเบา ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะเอาไว้บนใบหน้าอีกด้วย

Vitamin B3 หรือที่เราเห็นในส่วนผสมของครีมบำรุงกันในชื่อของ Niacinamide เป็นสารที่มีประสิทธิภาพในการลดความมันส่วนเกินที่ผลิตจากต่อมไขมันได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังช่วยลดอาการแดงหรืออักเสบของผิวที่เกิดจากสิวได้อีกด้วย เหมาะกับคนที่มักจะพบปัญหาผิวมันเยิ้มในบริเวณ T-Zone นอกจากนี้ Niacinamide ยังมีความระคายเคืองต่ำ เมื่อเทียบกับสารอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติในการกำจัดความมันส่วนเกิน แต่ก็มีความแรงจนอาจจะทำให้ผิวบริเวณดังกล่าวนั้นแห้งระคายเคืองตามมาได้

ความมันส่วนเกินของผิวบริเวณ T-Zone ในบางครั้งก็เกิดจากการมีรูขุมขนขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงควรใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของสารช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง ซึ่ง Vitamin C นั้นจัดว่าเป็นหนึ่งในส่วนผสมเหล่านั้นที่จะช่วยกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจนและมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผิวมีความกระชับมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ ยังช่วยยับยั้งสารอนุมูลอิสระที่อาจจะทำลายผิวให้มีความอ่อนแอตามกาลเวลาได้อีกด้วย

Ceramide เป็นอีกสารสำคัญที่มีความสำคัญต่อผิว เพราะทำหน้าที่สร้างความแข็งแรงให้กับเกราะในชั้นผิว เพื่อป้องกันผิวจากการสูญเสียความชุ่มชื้น โดยปกติแล้วในผิวของเราจะมี Ceramide อยู่ตามธรรมชาติ แต่เมื่อเวลาผ่านไปปริมาณของ Ceramide จะลดลงด้วยอายุที่เพิ่มขึ้นและมีอนุมูลอิสระต่าง ๆ มารบกวนผิว ดังนั้นการเสริม Ceramide ด้วยครีมบำรุงจึงเป็นสิ่งที่ควรทำด้วยเช่นกัน


Ceramide นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท แต่ประเภทที่มีประสิทธิภาพในการดูแลผิวมากที่สุด คือ Human Ceramide เพราะมีความใกล้เคียงกับ Ceramide ในชั้นผิวของเรานั่นเอง ซึ่ง Human Ceramide จะได้แก่ Ceramide ที่มีตัวอักษรหรือตัวเลขตามหลังอย่างเช่น Ceramide NP, AP หรือ Ceramide 1, Ceramide 2 และ Ceramide 3 เป็นต้น

เนื้อสัมผัสของครีมบำรุงผิวก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาด้วยเช่นกัน เพราะบริเวณที่แห้งหรือมันของผิวนั้นเหมาะกับความหนักเบาของครีมบำรุงที่ต่างกันด้วย

ครีมบำรุงที่อยู่ในรูปของเนื้อสัมผัสแบบครีมนั้นจะมีความเข้มข้นสูง จึงเหมาะสำหรับใช้บริเวณผิวที่มีความแห้งกร้านมากจนแตกหรือลอกเป็นขุย เพราะครีมบำรุงประเภทนี้จะให้ความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเคลือบผิวบริเวณดังกล่าวไม่ให้น้ำในผิวระเหยออกไปอีกด้วย

สำหรับบริเวณผิวที่มีความมัน ควรจะหลีกเลี่ยงการใช้เนื้อสัมผัสแบบครีม เพราะความเข้มข้นที่มากเกินไปจะทำให้เกิดการอุดตันของผิวได้ง่าย แนะนำให้เลือกใช้ครีมบำรุงที่อยู่ในรูปแบบของเจลหรือโลชั่นที่มีเนื้อสัมผัสบางเบาและสามารถซึมลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทิ้งความมันหรือความเหนียวเอาไว้บนใบหน้า

นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ก่อให้เกิดความระคายเคืองได้ง่าย อย่างเช่น น้ำหอม สีสังเคราะห์ และแอลกอฮอล์ เพราะอาจจะทำให้ผิวนั้นเกิดอาการแพ้และอักเสบตามมาได้ ในขณะเดียวกันก็ควรเลือกครีมบำรุงที่ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดการอุดตันด้วยเช่นกัน เพราะผิวผสมนั้นจะต้องเผชิญกับความมันบริเวณ T-Zone ซึ่งอาจะก็ให้เกิดการอุดตันได้ง่าย โดยคุณสามารถตรวจดูว่าส่วนผสมที่อยู่ในครีมบำรุงนั้นมีค่า Comedogenic Rate ในระดับไหน ถ้ายิ่งมีค่าสูงก็จะมีความเสี่ยงในการอุดตันรูขุมขนสูงไปด้วย ในส่วนของสารกันเสียประเภทพาราเบนนั้นหากคุณเป็นคนที่มีผิวแพ้ง่ายพ่วงมาด้วย ยิ่งควรจะหลีกเลี่ยง เพราะสารชนิดนี้จะรบกวนผิวของคุณให้เกิดการระคายเคืองได้

หลังจากที่เราได้ความรู้ทั้งเรื่องสภาพผิวผสมและวิธีการเลือกครีมบำรุงสำหรับผิวผสมไปแล้ว มาดูกันดีกว่าค่ะว่า 10 อันดับ ครีมบำรุงผิวหน้าสำหรับผิวผสมที่เราอยากจะแนะนำให้คุณลองเก็บไว้เป็นตัวเลือกจะมียี่ห้อไหนกันบ้าง

ใครที่กังวลเรื่องริ้วรอยจะต้องถูกใจครีมบำรุงตัวนี้เพราะเน้นใช้ส่วนผสมที่ช่วยซ่อมแซมผิวจากการเสื่อมสภาพ ลดเลือนริ้วรอยและเติมความยืดหยุ่นให้ผิวมีความกระชับ มีทั้งกรดไฮยาลูรอนิคที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและ Niacinamide ที่ช่วยลดความมันบนผิวพร้อมทั้งการผลัดเซลล์ผิวไปในตัว แต่ใครที่มีผิวแพ้ง่ายอาจจะต้องหลีกเลี่ยงเพราะครีมบำรุงตัวนี้มีส่วนผสมของน้ำหอมและสารกันเสียอยู่หลายตัว และยังมีซิลิโคนที่อาจจะทำให้เกิดการอุดตันจึงไม่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย

ครีมบำรุงตัวนี้ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิวโดยเฉพาะ มีการใช้ Progressive Release System ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผิวสามารถกักเก็บน้ำไว้ในผิวได้อย่างยาวนานยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีสารสกัดจากมะกอกที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวอีกด้วย หลายคนติดใจในเนื้อสัมผัสที่เป็นเจลซึมลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว แต่หากใครที่แพ้น้ำหอมก็อาจจะต้องหลีกเลี่ยงเพราะครีมมีส่วนผสมดังกล่าวมาด้วย

สำหรับสาวก Vitamin C ควรเก็บครีมบำรุงตัวนี้ไว้เป็นตัวเลือกเลยค่ะ เพราะมี Vitamin C จาก Yuja Extract ในปริมาณที่เข้มข้น ซึ่งนอกจากจะช่วยปรับให้ผิวกลับมาดูกระจ่างใสแล้ว ยังมีหน้าที่สำคัญในการกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจนและเติมความยืดหยุ่นเพื่อให้รูขุมขนกระชับเล็กลง ทั้งนี้ครีมตัวนี้มีเนื้อสัมผัสค่อนข้างหนักและใช้เวลาในการซึมลงผิว ดังนั้นใครที่มีผิวผสมที่ออกไปทางผิวมันอาจจะต้องหลีกเลี่ยง

มลภาวะทางสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผิวของใครหลายคนต้องเจอกับความหมองคล้ำ ซึ่งครีมบำรุงตัวนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ โดยมีสารสกัดดอกซากุระจากเกาะเชจู ที่ช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิว นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ป้องกันผิวจากความแห้งได้ ผู้ใช้ส่วนใหญ่ถูกใจที่เนื้อสัมผัสมีความบางเบา เมื่อใช้แล้วสามารถซึมได้เร็วและช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่นผ่อนคลายจากกลิ่นซากุระอ่อน ๆ อีกด้วย

ครีมบำรุงรุ่นนี้ถือได้ว่ามีครบทั้ง Vitamin C และคอลลาเจนที่มีความสำคัญในการเพิ่มความยืดหยุ่นและความกระชับให้ผิว เพื่อกระตุ้นให้รูขุมขนนั้นมีขนาดเล็กลง อีกทั้งยังมีส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นกับผิวถึงหลายตัวด้วยกัน จึงเป็นครีมบำรุงที่เหมาะกับคนที่ต้องการปกป้องผิวจากการเสื่อมสภาพตามอายุ เนื้อสัมผัสนั้นเป็นแบบเจลที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่นั้นชื่นชมในเรื่องความบางเบาและสามารถซึมลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว

Physiogel เป็นแบรนด์คู่ใจสำหรับคนที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่ายมายาวนาน เพราะใช้สูตรส่วนผสมที่เรียบง่ายและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่นเดียวกับครีมบำรุงตัวนี้ที่เน้นการใช้ Ceramide NP ที่มีความใกล้เคียงกับเซราไมด์ในชั้นผิวในการเพิ่มความชุ่มชื้น มี Niacinamide ที่ช่วยลดความมันส่วนเกิน และยังมีส่วนผสมของ  Panthenol ที่ช่วยปลอบประโลมผิวจากการอักเสบ เป็นครีมบำรุงที่เหมาะในการใช้ในช่วงที่ผิวอ่อนแอ

คนผิวผสมที่เจอกับปัญหาผิวแห้งลอกอย่างหนักหน่วง ก็สามารถใช้ครีมบำรุงตัวนี้เป็นตัวช่วยเร่งด่วน เพราะนอกจากจะมีส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นแล้ว ยังใช้เทคโนโลยีอย่าง AQUAporin Booster ที่ช่วยส่งผ่านน้ำลงสู่ผิวได้อย่างดียิ่งขึ้น ผู้ใช้ที่เจอกับปัญหาหน้าแห้งรุนแรงต่างก็โหวตให้ครีมตัวนี้เป็นฮีโร่ ถึงจะเป็นเนื้อครีมที่มีความเข้มข้นแต่กลับซึมลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วไม่ทิ้งความมันและเหนียวเหนอะหนะเอาไว้บนใบหน้า

ถ้าพูดถึงครีมบำรุงที่เน้นส่วนผสมของ Ceramide แล้ว จะต้องมีชื่อของครีมตัวนี้จาก Cerave เป็นลำดับต้น ๆ เพราะใช้ Human Ceramide ถึง 3 ชนิด เพื่อช่วยเติมความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่นและเสริมปราการผิวให้แข็งแรง ทำให้ผิวที่อ่อนแอและขาดน้ำกลับมามีสุขภาพดี หลายคนติดใจครีมบำรุงตัวนี้ตรงที่มีส่วนผสมเรียบง่าย เหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบางและไม่ต้องการให้ผิวต้องเจอกับสารที่อาจจะก่อให้เกิดการระคายเคือง

แบรนด์ Curel นั้นนอกจากจะมีชื่อเสียงในเรื่องของสกินแคร์เซราไมด์ในรูปแบบครีมแล้ว ตัวโลชั่นน้ำนมบำรุงผิวก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน โดยมีส่วนผสมของ Curel Ceramide ที่ทางแบรนด์คิดค้นขึ้นมาเหมือนกัน สามารถกระตุ้นให้มีการสร้างเซราไมด์ธรรมชาติเพิ่มขึ้นในผิว โดยที่มีเนื้อสัมผัสที่บางเบาลงกว่าเดิม ผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงประทับใจเป็นอย่างมาก เพราะเนื้อโลชั่นสามารถซึมลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทิ้งคราบไว้บนใบหน้า

อันดับ 1 ของครีมบำรุงสำหรับผิวผสมนั้นเป็นของเจลตัวนี้จาก Clinique ที่มักจะติดในลิสต์ของครีมให้ความชุ่มชื้นอยู่เสมอเพราะใช้เทคโนโลยีที่ช่วยให้ทั้งเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวและกักเก็บน้ำในผิวได้อย่างยาวนานยิ่งขึ้น จึงสามารถฟื้นบำรุงผิวจากความแห้งกร้านได้อย่างเร่งด่วน ผู้ใช้ต่างก็รักที่ครีมตัวนี้ทำให้ผิวกลับมาดูนุ่มฟูและเปล่งปลั่งในระยะเวลาอันสั้น และถึงจะมีความเข้มข้นสูงแต่เมื่ออยู่ในรูปแบบเจลจึงมีความบางเบาและซึมลงสู่ผิวได้อย่างง่ายดาย

มาถึงตรงนี้ หวังว่าทุกคนจะได้รับความรู้และความเข้าใจอย่างดียิ่งขึ้นเกี่ยวกับสภาพผิวผสมและวิธีการเลือกครีมบำรุงสำหรับคนที่มีผิวผสมกันไปแล้ว รวมไปถึงตัวเลือกครีมบำรุงผิวหลายตัวจาก 10 อันดับ ครีมบำรุงผิวสำหรับผิวผสม ที่เราได้รวบรวมมาแนะนำกันในวันนี้อีกด้วย


สภาพผิวของแต่ละคนนั้นมีการเปลี่ยนแปลงได้อยู่เสมอเนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้นและสิ่งแวดล้อมภายนอกต่าง ๆ ดังนั้นอย่าคิดว่าตอนนี้คุณมีสภาพผิวแบบนี้แล้วจะเป็นแบบเดิมตลอดไป คุณจึงควรลองสังเกตตัวเองอยู่เสมอว่าสกินแคร์ที่เคยใช้นั้นยังใช้ได้ผลเหมือนเดิมหรือไม่ อีกทั้งควรดูว่าความมันและความแห้งบนผิวนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร หากคุณเข้าใจในสภาพผิวของคุณได้เร็วมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนสกินแคร์ที่ใช้ให้เหมาะสมได้เร็วขึ้นเท่านั้น