“เมคอัพเบส” หนึ่งในไอเทมที่ช่วยปรับสภาพผิวก่อนแต่งหน้าเพื่อฟินิชลุคที่สวยสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น แต่สาว ๆ รู้ไหมคะว่า เมคอัพเบสลักษณะไหนที่เหมาะกับสภาพ “ผิวผสม” หรือสภาพที่บริเวณแก้มมักจะแห้งลอก แต่ช่วง T-Zone (หน้าผาก, จมูกและคาง) นั้นกลับมันเยิ้ม จะเป็นสูตรเพิ่มความชุ่มชื้นดี? หรือจะสูตรควบคุมความมันดี? ถ้าใครไม่รู้ล่ะก็ วันนี้เราขอแนะนำข้อมูล “วิธีการเลือก” มาให้อ่านกันเลยค่ะ เพราะจะช่วยให้สาว ๆ หลายคนเข้าใจสิ่งที่ผิวหน้าของตัวเองต้องการมากขึ้น จะได้สามารถเลือกผลิตภัณฑ์ได้เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
นอกจากนี้ อีกหัวข้อที่สำคัญที่เราจะนำมาฝากกันก็คือ “10 อันดับสินค้า” ที่ผ่านการเปรียบเทียบทั้งในเรื่องของราคา, คุณสมบัติและรีวิวการใช้งานจริง เพื่อช่วยให้คุณได้สินค้าที่มีคุณภาพดี ปลอดภัยตามข้อมูลจริง ถือเป็นการประหยัดเวลาช็อปปิ้งไปในตัวด้วย ว่าแล้วอย่าเสียเวลากันอยู่เลยค่ะ ไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีเนื้อหาสำคัญอะไรบ้าง!
ตามที่ได้เกริ่นกันไปในตอนต้น สาว ๆ คงพอจะเห็นภาพแล้วว่าลักษณะของผิวผสมนั้นเป็นอย่างไร แต่หลายคนคงยังไม่รู้กันใช่ไหมคะว่า ผลิตภัณฑ์แบบไหนที่เหมาะกับผิวตัวเองมากที่สุด มาค่ะ เราได้รวบรวมคำตอบไว้ที่ด้านล่างนี้เรียบร้อยแล้ว
ลักษณะเด่นของผิวผสมคือ ช่วง T-Zone จะมัน ในขณะที่บริเวณแก้ม, ดวงตาและปากกลับแห้ง แต่ทุกวันนี้ยังไม่มีนวัตกรรมที่ช่วยแก้ทั้งสองปัญหานี้ไปพร้อม ๆ กันได้ ดังนั้น สาว ๆ จึงควรเลือกสูตรที่ให้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการแทน
ถ้าคุณเคยเจอปัญหาเมคอัพเบสที่ใช้หลุดง่าย ทำให้เมคอัพติดไม่ทน แนะนำให้เลือก “สูตรคุมความมัน” ที่จะช่วยทำให้เครื่องสำอางติดทนนาน ช่วยดูดซับน้ำมันบนผิวหน้า ไม่ให้หน้าเยิ้มจึงไม่ต้องคอยเติมเครื่องสำอางในระหว่างวันบ่อย ๆ
การที่ผิวขาดน้ำจากภายในเป็นสาเหตุทำให้ผิวแห้งแต่หน้ามัน เพราะต่อมไขมันใต้ชั้นผิวหนังพยายามผลิตน้ำมัน (Sebum) ออกมาเคลือบผิวที่แห้งของเรา ดังนั้น เราจึงต้องเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวโดยเลือกเบสสูตรที่มีมอยส์เจอไรเซอร์สูง
การเลือกเมคอัพเบสสูตรนี้จะใช้ได้ดีกับสาวผิวผสมที่มีปัญหาผิวบริเวณแก้ม ปากและรอบดวงตาแห้ง ซึ่งแตกต่างจากบริเวณ T zone มาก แต่ไม่ต้องกังวลว่าหน้าจะฉ่ำจนเยิ้มนะคะ เพราะเดี๋ยวนี้มีหลายสูตรจากแบรนด์ต่าง ๆ ที่พัฒนามาให้มีเนื้อบางเบาและซึมง่ายกว่ารุ่นเก่า ๆ
อีกหนึ่งปัญหาที่น่าปวดหัวของหลาย ๆ คน คือ “รูขุมขนกว้าง” กรณีนี้แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยอำพรางหรือปกปิดความไม่สม่ำเสมอของผิว หรือช่วยให้ผิวดูผ่องขึ้น ซึ่งต้องขอบอกก่อนเลยว่า “เมคอัพเบสไม่สามารถปกปิดได้ 100% ” นะคะ แต่ถ้าเราเลือกสูตรที่ช่วยเบลอได้บ้าง เวลาลงรองพื้นทับ ก็จะยิ่งแนบเนียนมากยิ่งขึ้น
เพราะการมีผิวหน้าบางส่วนที่มันง่าย จึงทำให้มีโอกาสเป็นสิวมากกว่าคนที่มีสภาพผิวแห้งไปเลย ดังนั้น สูตรเมคอัพเบสที่ควรเลือก คือ “สูตรที่ได้รับการรับรองจากทางการแพทย์แล้วว่าไม่มีสารที่ก่อให้เกิดสิว (Non-Comedogenic)” หรือเป็นสูตรสำหรับคนเป็นสิวโดยเฉพาะ เพื่อความปลอดของผิวและป้องกันปัญหาสิวที่จะตามมาค่ะ
มาถึงตรงนี้ หลายคนคงเห็นแล้วว่า ไม่มีสูตรสำหรับผิวผสมโดยเฉพาะ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เมคอัพเบส 1 หลอดจะช่วยควบคุมทั้งความมันพร้อมคืนความชุ่มชื้นได้เพียงพอในหลอดเดียว ดังนั้น เราจึงมีวิธีแก้ไขอยู่ 2 วิธีด้วยกันค่ะ
- คนผิวผสมค่อนไปทางผิวแห้ง : ลงเบสที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า แต่บริเวณ T-Zone ให้ใช้สูตรที่เหมาะกับลักษณะผิวตนเอง
- คนผิวผสมค่อนไปทางผิวมัน : ทาสูตรควบคุมความมันให้ทั่วใบหน้า บริเวณ T-Zone ให้ใช้สูตรที่เหมาะกับลักษณะผิวตนเอง
หลายคนชอบคิดว่าเมคอัพเบสไม่จำเป็นต้องมีสารกันแดดก็ได้ เพราะยังไงก็ต้องทาครีมกันแดดก่อนลงอยู่แล้ว แต่เพื่อความมั่นใจควรเลือกสูตรที่มีด้วยจะดีกว่าค่ะ เพื่อเสริมเกราะป้องกันไว้อีกขั้น เพราะรังสี UV นี่แหละ ที่เป็นหนึ่งในตัวการที่ทำลายสมดุลของการผลิตน้ำมันใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวผสมเสียสมดุลมากกว่าเดิม จึงเป็นสาเหตุทำให้ผิวหมองคล้ำและเสื่อมโทรมได้
อย่างไรก็ตาม เมคอัพเบสที่มีสารกันแดดนั้นไม่ได้หมายความว่าต้องทาเฉพาะเวลาจะออกไปข้างนอกหรือช่วงหน้าร้อนอย่างเดียวนะคะ แต่ควรทาทุกวัน เพราะรังสี UV สามารถมาจากแหล่งอื่น ๆ ได้อีก เช่น หลอดไฟหรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ สาว ๆ จึงควรเลือกรุ่นที่มีค่าเหมาะกับปริมาณของรังสีที่เราต้องเจอในแต่ละวัน
เกร็ดน่ารู้ : SPF (Sun Protection Factor) คือ ค่าความสามารถในการปกป้องผิวจากการถูกไหม้ด้วยรังสี UVB โดยยิ่งค่าสูงเท่าไรก็จะปกป้องได้นานขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม อัตราความสามารถในการปกป้องจะเพิ่มช้าลงจนแทบไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงเมื่อค่า SPF สูงตั้งแต่ 25 ขึ้นไป นอกจากนี้ ยิ่งค่าสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งก่อให้เกิดการระคายเคืองง่าย ใครที่ผิวแพ้ง่ายควรจะระวังกันสักนิดนะคะ
สำหรับค่า PA (Protection Grade of UVA) คือ ค่าความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVA โดยถูกแทนด้วยเครื่องหมาย + ซึ่งถ้าใครทำงานหรือเรียนอยู่แต่ในที่ร่ม ใช้แค่ PA++ ก็พอแล้วค่ะ
ขั้นตอนแรกที่ขาดไม่ได้ก่อนการลงรองพื้นก็คือการใช้ "ไพรเมอร์" ซึ่งเป็นไอเทมที่สำคัญมาก เมคอัพจะร่วงหรือจะรอดขึ้นอยู่กับขั้นตอนนี้เลย จริง ๆ แล้วไพรเมอร์มีหลากหลายสูตรมาก ๆ ไม่ว่าจะสูตรชุ่มชื้นสำหรับผิวแห้ง สูตรคุมมันหรือพรางรูขุมขนสำหรับคนที่มีผิวมัน-ผิวผสม แต่สำหรับสาว ๆ ผิวมัน ผิงอยากแนะนำตัวนี้เลย เป็นไพรเมอร์ในตำนานก็ว่าได้ ชื่อเสียงเรียงนามไม่ธรรมดา บรรดาบล็อกเกอร์ ยูทูปเบอร์ชอบกันมาก
เนื้อผลิตภัณฑ์ของ Benefit ตัวนี้จะมีความซิลิโคนนิดนึง ช่วยพรางรูขุมขนได้ด้วย ชอบมาก ที่สำคัญคือช่วยคุมความมันตลอดทั้งวัน หน้าไม่เยิ้มแน่นอน
เอาล่ะค่ะ ตอนนี้สาว ๆ คงคันไม้คันมือ รู้สึกอยากเสียเงินกันแล้ว แต่ก่อนอื่นเลย ต้องขอแนะนำก่อนว่า ลำดับต่อไปเป็นการจัดอันดับรวมทั้งเบสและไพรเมอร์ เพราะถือเป็นไอเทมสำหรับเตรียมผิวก่อนลงรองพื้นเหมือนกัน ซึ่งปัจจุบันนี้มีหลายรุ่นที่รวมคุณสมบัตินี้ไว้ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม อย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์โดยคำนึงลักษณะผิวของตัวเองเป็นพื้นฐาน แล้วจึงอ้างอิงจากอันดับเสริมกันไปนะคะ
เบสจาก Skinfood หรือที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อ “เบสองุ่นในตำนาน” โดยรุ่นนี้เป็นแพ็กเกจใหม่ แต่ยังคงคุณภาพทุกอย่างเหมือนเดิมค่ะ เนื้อครีมอุดมด้วยสารสกัดจากองุ่นขาว ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสอย่างสม่ำเสมอ พร้อมเพิ่มความชุ่มชื้นอย่างพอเหมาะ ทำให้เครื่องสำอางเกาะติดผิวได้ดี ซึ่งหลายคนต่างการันตีว่าใช้แล้วไม่อุดตัน โดยปัจจุบันมีให้เลือก 3 เฉดสี ขึ้นอยู่กับสีของรอยที่ต้องการลดเลือน เหมาะกับทุกปัญหาผิว
รุ่นนี้มีเนื้อค่อนข้างบางเบา ช่วยให้เกลี่ยง่าย สบายผิว แต่เนื้อแห้งไว ควบคุมความมันได้เล็กน้อย และบางคนบอกว่ามีกลิ่นค่อนข้างแรง ดังนั้นใครที่ไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมฉุน ๆ อาจต้องลองมองหารุ่นอื่นแทนนะคะ
สาวผิวผสมคนไหนที่กังวลเรื่องผิวแห้งมากเป็นพิเศษแนะนำให้ใช้รุ่นนี้เลยค่ะ เพราะเนื้อเจลอุดมไปด้วยวิตามินซี และบี3 ที่ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ใบหน้าดูอิ่มเอิบและมีสุขภาพดีขึ้นโดยไม่ทำให้หนักหน้าจนเกินไป นอกจากนี้ ยังช่วยเติมเต็มรูขุมขนให้ดูตื้นขึ้นในระดับหนึ่ง ปรับสภาพผิวให้ลงรองพื้นได้ง่ายขึ้นและยังช่วยให้เครื่องสำอางติดทนนานกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม รุ่นนี้ไม่ช่วยคุมความมันนะคะ และยังเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีปัญหาผิวเท่าไร แต่ใครที่มีปัญหาผิวมากก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะยังมีเพื่อนร่วมไลน์สูตรอื่น ๆ ให้เลือกอีก ใครที่สนใจลองไปเลือกดูกันได้นะคะ
ต้องบอกเลยว่ารุ่นนี้ฮอตหนักจริง ๆ ด้วยราคาที่ย่อมเยาแต่คุณภาพเกินคุ้ม โดยเนื้อเบสเป็นเจลครีมสีชมพูอ่อน ช่วยปรับสีผิวให้เปล่งปลั่งขึ้นด้วย Bright Up Pearl พร้อมเทคโนโลยี Anti-Sebum ช่วยดูดซับความมัน ทำให้เมคอัพติดทนนานขึ้น ผสานด้วยคุณค่าจากสารบำรุงต่าง ๆ จึงช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และไม่ทำให้ระคายเคืองเพราะปราศจากน้ำหอมและผ่านการทดสอบเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ ยังปกป้องผิวจากแสงแดดได้ถึงระดับ SPF50+ PA++++ หลายคนที่ใช้ยังบอกว่าช่วยอำพรางรูขุมขน ผิวหน้าดูเรียบเนียนขึ้น รอยแดงรอยดำดูจางลง พร้อมให้ฟินิชลุคแบบแมตต์ ผิวจึงดูสวยกำลังดี เหมาะกับสาวทุกสภาพผิวเลยค่ะ
หนึ่งในไพรเมอร์ลูกรักของสาว ๆ หลายคน แต่ก่อนจะไปทำความรู้จักกับรุ่นนี้ ต้องบอกก่อนว่าเค้ามีพี่น้องร่วมไลน์เยอะมาก และแทบทุกแพ็กเกจยังมีหน้าตาเหมือน ๆ กันด้วย วิธีเดียวที่แยกออกคือ อ่านข้อความด้านหน้าหลอด โดยจะมีทั้งรุ่นที่ช่วยอำพรางรูขุมขน รุ่นที่เพิ่มความชุ่มชื้นและรุ่นที่ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใส แต่ที่แนะนำในวันนี้คือ สูตร Oil-Free ที่ช่วยลดความมันและมีส่วนผสมของ Polymethyl Methacrylate ที่ช่วยเติมเต็มร่องเล็ก ๆ และอำพรางรูขุมขนและริ้วรอย
รุ่นนี้ไม่ทำให้ผิวอุดตันหรือระคายเคืองเพราะเป็นสูตร Water-Based เนื้อจึงบางเบาและล้างออกง่าย มาพร้อมอนุพันธ์วิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ ด้านคุณสมบัติการใช้งาน สาว ๆ รีวิวกันไว้ว่า เนื้อเจลใสเนียนลื่น เกลี่ยง่าย ทาแล้วแมตต์ไปกับผิว แต่รุ่นนี้ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวเยอะนะคะ
สาว ๆ ที่เป็นสายเซลฟี่จะถ่ายรูปลงโซเชี่ยลทั้งทีจะปล่อยให้เห็นรูขุมขนบนใบหน้าได้ยังไงกัน แทนที่จะต้องให้สารพัดแอพเพื่อกลบผิวหน้าให้เรียบเนียน ลองเปลี่ยนมาใช้เบสของ Etude สูตรเบลอรูขุมขนตัวนี้ ที่มาพร้อมสารกันแดดระดับกำลังดีที่ SPF 33 PA++ ดูดีกว่าค่ะ มีเนื้อครีมบางเบา ด้วยเบบี้ พิกเซล พาวเดอร์ และ คัพเวอร์ พาวเดอร์ที่ผสมผสานเพื่อทำหน้าที่สะท้อนแสงทั่วทิศทาง เป็นการอำพรางจุดบกพร่องทั้งหลายของผิว
ฉะนั้น ไม่ว่าจะรูขุมขนหรือจุดด่างดำต่าง ๆ บทผิว ก็ดูเรียบเนียนใสและขาวกระจ่างใสขึ้นอีกโทนแบบธรรมชาติ จากรีวิวสาว ๆ ให้ความเห็นว่าผลิตภัณฑ์เกลี่ยง่าย ให้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ ฟินิชลุคแบบผิวฉ่ำเล็กน้อย แต่ไม่ค่อยควบคุมความมันบนใบหน้าสักเท่าไหร่ค่ะ
ใครที่เป็นคนผิวผสมที่ค่อนไปทางผิวแห้ง หรือคนดูหน้าหมองอยากให้ลองพิจารณาเบสตัวล่าสุดนี้ของ Bobbi Brown ดูอีกตัวค่ะ เพราะเป็นสูตรเติมน้ำให้ผิวด้วยส่วนผสมชั้นเลิศอย่างกรดไฮยาลูรอนิค, สควาเลน และสารสกัดจากพืชพันธุ์ต่าง ๆ อีกทั้งยังใช้ Pearl Pigment อณูละเอียดเพิ่มประกายให้ผิวดูมีสุขภาพดี ปกปิดข้อบกพร่องของผิวไปพร้อม ๆ กัน ให้ลุคสวยใสแบบธรรมชาติ อีกยังทั้งมีสารป้องกันรังสี UVA UVB ในระดับ SPF 35 อีกด้วย
นอกจากสูตรนี้แล้ว แบรนด์ยังมีสูตร Mattifier สำหรับคนที่ผิวค่อนไปทางผิวมัน ต้องการควบคุมความมันอีกด้วย แม้ขนาดปกติราคาจะดูแรงแต่มีไซซ์เล็กให้ลองใช้ก่อนด้วยนะคะ
เริ่มหาซื้อยากแล้วกับเบสคุณภาพที่คุ้มเกินราคา ด้วยสูตร ZERO Weight เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย ทาแล้วไม่เหนอะหนะ พร้อมมอบความชุ่มชื้นและช่วยดูดซับความมันส่วนเกินไปในตัวด้วยสารสกัดจากฝ้าย ทำให้เมคอัพติดทนนาน นอกจากนี้ ยังผสานคุณค่าจากโคลนฮาวายเอี้ยน ที่ช่วยปรับสภาพสีผิวให้กระจ่างใสและเติมเต็มความเรียบเนียน พร้อมปกป้องผิวจากแสงแดดด้วย SPF 30 PA++
ปัจจุบันมี 2 เฉดสีให้เลือก ขึ้นอยู่กับสีของรอยที่ต้องการอำพราง แต่ด้วยส่วนผสมโคลนรุ่นนี้จึงค่อนข้างเหมาะกับคนที่ผิวผสมค่อนไปทางผิวมัน เวลาใช้ลองแต้มทีละนิดก่อนนะคะ ไม่อย่างนั้นหน้าอาจลอยหรือเป็นคราบได้ โดยรวมแล้ว ต้องบอกเลยว่าคุณภาพครบเครื่อง พร้อมด้วยราคาที่น่าลองสุด ๆ ค่ะ
เมคอัพเบสสัญชาติญี่ปุ่นที่โด่งดังมาจากเว็บไซต์ Pantip มีเนื้อครีมที่อุดมไปด้วย Placenta ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น พร้อมคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ต่าง ๆ เช่น กรด Hyaluronic และ Lipidure, เซราไมด์ (Ceramide) ที่ได้จากผักและสารสกัดจากดอกคาโมมายล์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ผสมผสานกับเทคโนโลยีควบคุมความมัน ซึ่งได้รับการทดสอบแล้วว่าไม่ทำให้เกิดสิว หลังใช้แล้วเครื่องสำอางจึงติดทนนานตลอดทั้งวัน พร้อมปกป้องแสงแดดด้วย SPF 26 PA++
ปัจจุบันมีให้เลือก 2 เฉดสี ที่ครอบคลุมสีผิวของคนไทย อย่างไรก็ตาม หลายคนบอกว่ารุ่นนี้เนื้อค่อนข้างหนืด แนะนำให้ลงสกินแคร์เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวบริเวณที่แห้งก่อนลงเสมอนะคะ
ไพรเมอร์อำพรางรูขุมขนระดับตำนาน เพราะมีบิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดังรีวิวไว้ว่าเป็นตัวเด็ดในใจของเธอเลย ด้วยเนื้อซิลิโคนที่ช่วยเติมเต็มรูขุมขนและริ้วรอยต่าง ๆ ให้ผิวแลดูเรียบเนียนขึ้นแบบทันใจโดยไม่ทำให้รู้สึกหนักหน้า ได้ฟินิชลุคสุดแมตต์ พร้อมซิลิก้าช่วยควบคุมความมัน ทำให้เมคอัพติดทนนานขึ้นตลอดวัน นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วยวิตามินอี ที่ให้ความชุมชื้นและปกป้องผิวจากมลภาวะต่าง ๆ
สำหรับรุ่นนี้มีเนื้อสีครีมแต่เมื่อทาไปแล้วจะไม่มีสี จึงเข้าได้กับทุกสีผิว โดย 1 ครั้งไม่ต้องใช้เยอะ แถมทาซ้ำได้อีกระหว่างวันหากรู้สึกว่ารูขุมขนเริ่มเด่นชัดอีกแล้ว แต่ควรลงสกินแคร์เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวบริเวณที่แห้งมาก ๆ ก่อนทาเสมอด้วย เหมาะกับสาว ๆ ที่มีปัญหารูขุมขนกว้างเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ
มาที่อันดับ 1 ในใจของสาว ๆ หลายคนกับไพรเมอร์ที่รวมการเตรียมผิวให้พร้อมในขั้นตอนเดียว ผลิตภัณฑ์ตัวล่าสุดของ Clarins แบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำของฝรั่งเศส โดยในบ้านเราจะมีให้เลือกถึง 6 เฉดสี เพื่อแก้ไขและอำพรางทุกความบกพร่องของผิวได้ทุกลักษณะ มีส่วนผสมคุณภาพอย่างสารสกัดจากซีลิลลี่ (Sea Lily) ออร์แกนิคที่มีความสามารถในการรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนานสูงสุดถึง 24 ชม
ในขณะเดียวกันก็มีส่วนผสมของ Pearl Powder และ Soft-Focus Powders ที่ช่วยปรับสมดุลทำให้ผิวดูสดใสไม่มันเยิ้ม ช่วยทำให้เครื่องสำอางติดทนนาน เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นแบบ Oil-Free จึงบางเบา ไม่หนักผิว ให้ฟินิชลุคฉ่ำวาวแบบผิวสุขภาพดี เหมาะกับทุกสภาพผิว จากความเห็นของสาว ๆ ทราบว่าใช้ปริมาณนิดเดียวก็เพียงพอ และหลายคนถูกใจในกลิ่นที่หอมผ่อนคลายของผลิตภัณฑ์ด้วยค่ะ
นอกจากเมคอัพเบสแล้ว ไอเทมที่ช่วยให้เรามีผิวสวยไร้ที่ติอีกชิ้นคือ “รองพื้น” ซึ่งถือเป็นชิ้นที่สำคัญที่สุด ดังนั้น สาว ๆ จึงควรเลือกสูตรที่ให้ความชุ่มชื้นที่พอเหมาะกับสภาพผิวหน้า ขณะเดียวกันก็ยังติดทนนาน โดยมีลำดับการลงเครื่องสำอางตามนี้เลยค่ะ เริ่มจากครีมกันแดด (ถ้าเมคอัพเบสหรือรองพื้นมีสารกันแดดเพียงพอ อาจจะไม่ลงก็ได้) > ไพรเมอร์ > เมคอัพเบส > รองพื้น
มาถึงตรงนี้ สาว ๆ ทั้งหลายคงเข้าใจหน้าที่และความสำคัญของเมคอัพเบสกันมากขึ้นแล้ว เจ้าไอเทมชิ้นนี้อาจจะไม่ได้สร้างความแตกต่างที่ชัดเจนทันทีที่ทา แต่เมื่อทำงานร่วมกับไอเทมชิ้นอื่น ๆ แล้ว จะช่วยให้ฟินิชลุคของคุณสวยสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ทุกครั้งที่เลือกซื้อผลิตภัณฑ์นี้ ต้องอย่าลืมเลือกตัวที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองกันให้มากที่สุดนะคะ
นอกจากนี้ การเลือกรองพื้นก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ ทุกครั้งที่เลือกซื้อ ขอให้คำนึงอยู่เสมอว่า “ต้องมีความชุ่มชื้นพอประมาณ” และ “ควบคุมความมันได้กลาง ๆ ” อย่าเลือกคุณสมบัติใดคุณสมบัติหนึ่งเป็นพิเศษ เพราะผิวหน้าของคุณเป็นแบบผสม ไม่อย่างนั้นอาจทำให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมาให้คุณหนักใจได้ค่ะ