"จอคอมเกมมิ่ง" อุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับเหล่าเกมเมอร์ในยุคปัจจุบัน นับว่าเป็นไอเทมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมเป็นอย่างมาก ราวกับว่าได้เข้าไปเล่นอยู่ในเกมนั้นจริง ๆ และในปัจจุบันแบรนด์ต่าง ๆ ได้ทำการเพิ่มความสามารถในการแสดงผลของจอคอมเกมมิ่งอีกด้วย เช่น การแสดงความละเอียดของสภาพแวดล้อมต่าง ๆ สี เงา การสะท้อนแสง ความลื่นไหล รวมไปถึงอัตราการรีเฟชเรท หรือความถี่ที่มีตั้งแต่ 60Hz ไปจนถึง 240Hz เนื่องจากจอคอมเกมมิ่งนั้นมีอัตราการีเฟรชเรท ความละเอียด โหมดการใช้งานเฉพาะ และขนาดหน้าจอที่ต่างกัน จึงทำให้มีราคาตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว ใครที่กำลังสนใจอยู่ควรหาข้อมูลให้ดี ๆ ก่อนทำการตัดสินใจนะครับ
วันนี้ เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกจอคอมเกมมิ่งว่า เลือกอย่างไรให้เหมาะกับความต้องการมากที่สุด พร้อมทั้งการจัด 10 อันดับ จอคอมเกมมิ่ง ให้ด้วยว่ายี่ห้อไหนดี ยี่ห้อไหนน่าใช้มาเป็นตัวช่วยให้ทุกคนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น รับรองว่ามีตั้งแต่ราคาหลักพันไปจนถึงหลักหมื่นกันเลยให้เลือกกันเลยทีเดียว
ถ้าพูดถึงความแตกต่างระหว่างจอคอมเกมมิ่งกับจอคอมทั่วไปแล้ว สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนเลย ก็คือ "อัตราการรีเฟรชเรท" และ "ความเร็วในการตอบสนองของเม็ดพิกเซล" นั่นเอง
อัตราการรีเฟรชเรท คือ การที่จอภาพนั้น ๆ สามารถเขียนภาพของการเคลื่อนไหวได้หลาย ๆ ครั้งต่อวินาที โดยมีหน่วยเป็น Hz ครับ ถ้าใครนึกไม่ออก ก็ให้ลองจินตนาการว่า ถ้าใน 1 วินาที ที่มีการเขียนภาพเคลื่อนไหวมากมายก็จะทำให้การแสดงผลของภาพนั้น ๆ มีความลื่นไหลมากมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากว่าใน 1 วินาที สามารถเขียนภาพของการเคลื่อนไหวได้น้อย จะทำให้ประสิทธิภาพของการแสดงผลลดลงตามไปด้วย หรือขาดความลื่นไหลในการแสดงผลนั่นเองครับ
ความเร็วในการตอบสนองต่อเม็ดพิกเซล จะมีหน่วยเป็น MS ยิ่งตัวเลขมีค่าน้อย ก็จะมีประสิทธิภาพมาก โดยทั่วไปแล้ว จอคอมเกมมิ่งที่มีประสิทธิภาพสูงจะมีความเร็วในการตอบสนองต่อเม็ดพิกเซล คือ 1 MS สามารถทำให้คุณได้สนุกกับความเร็วของการแสดงผล ทั้งยังสามารถเพลิดเพลินไปกับ CG ของเกมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย
เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่า ถ้าต้องการจะซื้อจอคอมเกมมิ่งนั้นต้องดูอะไรบ้าง หรือเลือกใช้ยี่ห้อไหน รุ่นไหน ไม่ต้องกังวลไปเลยครับ เราได้รวบรวมเนื้อหารายละเอียดต่าง ๆ ที่ใช้ในการตัดสินใจมาฝากกันตรงนี้แล้ว เพื่อช่วยให้คุณเลือกได้ตรงตามความต้องการและตอบโจทย์สไตล์การเล่นของคุณมากที่สุด ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยครับ !
นักวิจารณ์บางคนมักจะบอกว่า จอภาพที่มีขนาดใหญ่ย่อมใช้งานได้ดีกว่า แต่สำหรับเหล่าเกมเมอร์มืออาชีพแล้ว จะนิยมใช้ขนาดหน้าจอระหว่าง 21 - 24 นิ้วเท่านั้นสำหรับการเล่นเกมและให้ความสำคัญกับเฟรมเรท แต่ถ้าจอคอมเกมมิ่งมีขนาดที่ใหญ่และเฟรมเรทสูง อาจจะทำให้ผู้เล่นไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ชื่นชอบการเล่นเกมประเภท รถแข่งหรือ MMORPG จอขนาดใหญ่จะทำให้ผู้เล่นสนุกสนานและเพลิดเพลินไปกับ CG ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่า
ถ้าพูดถึงจอคอมเกมมิ่งแล้ว ความละเอียดควรอยู่ที่ Full HD... ใช่เลยครับ ! Full HD คือ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งถือเป็นความละเอียดมาตรฐานในการใช้งานไป แต่ก็ยังมีจอที่มีลักษณะเป็นแนวนอนหรือยาวออกไปด้านข้าง จอคอมเกมมิ่งประเภทนี้มักจะมีความละเอียดอยู่ที่ 2K หรือ 2560 x 1440 พิกเซล ซึ่งสูงกว่า Full HD แต่จะมีอัตราส่วนของภาพเป็น (21 : 9) เนื่องจากตัวจอนั้นเป็นแนวยาวนั่นเอง โดยข้อดีของจอคอมเกมมิ่งประเภทนี้ คือ มีมุมมองที่กว้างขึ้น ช่วยในการมองเห็นที่ดี ทำให้เห็นเป้าหมายได้ง่ายขึ้น และถ้าใช้ในการแข่งขันรับรองว่าจะช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการเล่นอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ยังมีจอคอมเกมมิ่งคุณภาพสูงอีกประเภท คือ ความละเอียดระดับ 4K หรือ 3840 x 2160 พิกเซล โดยอัตราส่วนของภาพจะเท่ากับจอภาพระดับ Full HD ซึ่งก็คือ 16 : 9 เพียงแต่ความละเอียดของการแสดงผลนั้นจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของแสง เงา และสี เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การที่เราจะใช้จอคอมที่มีความละเอียดสูงขนาดนั้น ปัจจัยสำคัญอยู่ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราด้วย หากเราใช้จอคอมที่มีความละเอียดสูง แต่ตัวคอมพิวเตอร์ของเราไม่สามารถประมวลผลได้ ก็จะส่งผลให้เฟรมเรทของการแสดงผลลดลงไปด้วยเช่นกัน
อัตราการรีเฟรชเรท (Refresh Rate) ยังคงเป็นจุดสำคัญอย่างมากในการตัดสินใจ แม้ว่าคุณจะเลือกจอคอมเกมมิ่งที่มีอัตราการรีเฟรชที่สูง แต่นั่นก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป เพราะบางเกมมีการแสดงผลได้สูงสุดแค่ 60 เฟรมเรท ถ้าคุณเลือกใช้จอ 144Hz อาจจะเกิดภาพฉีกขาดหรือเป็นเส้นในระหว่างการแสดงผลได้ เพราะตัวเกมจะไม่รองรับอัตรารีเฟรชเรทของหน้าจอนั้น จึงขอแนะนำว่าควรเลือกให้เหมาะสมกับเกมที่คุณเล่นด้วย
โดยปกติแล้ว จอภาพทั่วไปมักจะมีอัตรารีเฟรชเรทอยู่ที่ 60Hz เท่านั้น ถ้าจอภาพนั้นมีอัตรารีเฟรชเรทมากกว่า 60Hz ภาพที่ได้ก็จะยิ่งมีการเคลื่อนไหวที่ลื่นมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับการเล่นเกม PC นั้น จอภาพควรมีอัตราอยู่ที่ 120Hz หรือมากกว่า จะช่วยให้การเคลื่อนไหวของภาพมีความลื่นไหลมาก ๆ รับรองเลยว่า มันส์แน่นอนครับ ! แต่ถ้าเป็นเกมที่มีการเคลื่อนไหวมาก ๆ ล่ะก็ ควรเลือกจอภาพที่มีอัตราอยู่ที่ 144Hz หรือมากกว่า
ในช่วงไม่นานมานี้ ได้มีการเปิดตัวจอภาพที่มีอัตรารีเฟรชเรทสูงถึง 240Hz เลยทีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่สูงมาก ๆ ทำให้เหล่าผู้คนที่ไปสัมผัสการเล่นครั้งแรกถึงกับตกใจกับการเคลื่อนไหวของภาพที่มีความลื่นไหลเอามาก ๆ เลยครับ
ถ้าให้แนะนำสำหรับเกมแนวแอคชั่นทั่วไป จอ 60Hz ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าเป็นแนว MMORPG หรือแนว Open World น่าจะเลือกจอที่มากกว่า 120Hz และสำหรับ 144Hz ขึ้นไป ก็จะเหมาะกับเกมแนวแข่งรถกับเกมแนว FPS แต่โดยทั่วไปแล้ว เกมในปัจจุบัน เฟรมเรทของเกมจะมากกว่า 60Hz อยู่แล้ว ดังนั้น ควรเลือกจอที่มีอัตรารีเฟรชเรทที่ 120Hz ขึ้นไปจะเหมาะกว่านั่นเอง
สำหรับเครื่องเกมคอนโซลต่าง ๆ เช่น PS4, Nintendo Switch เป็นต้น เพราะส่วนใหญ่แล้วตัวเครื่องเกมคอนโซลเองมักจะถูกกำหนดผลลัพธ์สูงสุดอยู่ที่ 60Hz เท่านั้น ต่อให้คุณเลือกใช้จอที่มีอัตรารีเฟรชเรทภาพมากกว่า 60Hz แต่จอภาพก็จะแสดงได้ตามค่าเครื่องคอนโซล จะไม่มากไปกว่านั้นแน่นอน เพราะฉะนั้น จึงไม่จำเป็นต้องเลือกจอที่มีอัตราการรีเฟรชมากกว่า 60Hz ก็ได้เช่นกัน
จอคอมเกมมิ่งส่วนใหญ่จะมีประสิทธิภาพที่สูงอยู่แล้ว ซึ่งความเร็วในการตอบสนองของเม็ดพิกเซลโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 1ms เพื่อให้เร็วพอต่อการร้องขอการแสดงภาพของเกม หากคุณเลือกจอคอมเกมมิ่งที่มีการตอบสนองช้า อาจจะทำให้เกิดภาพกระตุกหรือภาพค้างได้ อย่างไรก็ตาม ยิ่งตัวเลขของอัตราการตอบสนองน้อย ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพที่สูง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ราคาก็อาจจะเพิ่มขึ้นมาด้วยเหมือนกัน
ถ้าคุณเลือกจอคอมเกมมิ่งที่มีโหมดการใช้งานเฉพาะ เช่น เกม Visual ก็จะเป็นตัวช่วยในการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการเล่น ทำให้การเล่นเกมของคุณนั้นง่ายขึ้นและมีความสมจริงมากยิ่งขึ้นด้วย โดยโหมดหลัก ๆ ทั่วไปที่มีอยู่ก็คือ โหมด FPS หรือเกมแนวแอ็กชั่น, โหมดต่อสู้ หรือโหมดเกมกีฬา เป็นต้น นอกจากนี้ จอคอมเกมมิ่งบางรุ่นจะมีโหมดที่เรียกว่า NVIDIA 3D Vision เพื่อช่วยเพิ่มความสมจริงในการเล่นเกมประเภทกราฟิก หรือ 3D ราคาก็อาจจะสูงขึ้นมาหน่อย แต่รับรองได้ว่าคุณได้สัมผัสกับโลกแห่งเกมอย่างสมจริงอย่างแน่นอน
นอกเหนือจากพอร์ตสำคัญอย่าง HDMI และ DVI แล้ว ยังมีพอร์ตอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นในการใช้งานอีกมากมาย อย่างเช่น Display Port, USB เป็นต้น บางจอที่มีจำนวนพอร์ตเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ราคาสูงขึ้นตามไปด้วย แต่อาจจะไม่จำเป็นในการใช้งานสำหรับคุณก็ได้ เพราะฉะนั้น ขอแนะนำให้ดูตามความต้องการของคุณว่า พอร์ตอะไรที่จำเป็นต่อการใช้งานของคุณบ้าง
เมื่อได้ Display ที่ถูกใจกันไปแล้ว หลายคนอาจมองหาอุปกรณ์เสริมเพิ่มอรรถรสมากยิ่งขึ้น เช่น โต๊ะหรือเก้าอี้สำหรับเล่นเกม และแม้ว่าเราจะสามารถใช้โต๊ะหรือเก้าอี้ธรรมดาได้ แต่เชื่อเถอะครับว่า ของที่ถูกออกแบบมาเพื่อเหล่าเกมเมอร์โดยเฉพาะนั้น ให้ความรู้สึกสะดวกสบายแตกต่างอย่างแน่นอน
หลังจากที่เราได้แนะนำวิธีการเลือกจอคอมเกมมิ่งไปแล้ว เรายังนำ 10 อันดับ จอคอมเกมมิ่งยี่ห้อที่น่าใช้และเป็นที่นิยมกันในบรรดาเหล่าเกมเมอร์มาฝากกันอีกด้วย ถ้าอยากรู้แล้วว่ามียี่ห้อไหนติดท๊อปบ้าง ไปติดตามกันเลยครับ !
รุ่นนี้ถือเป็นรุ่นยอดนิยมสำหรับเหล่าเกมเมอร์ทั่วไป เหมาะกับคนที่ชอบจอภาพขนาดใหญ่ เพราะมาในขนาด 27 นิ้ว มี HDMI 2 พอร์ตและลำโพงในตัว มาพร้อมคุณภาพการแสดงผลหน้าจอในระดับ Full HD แม้อัตราการรีเฟรชเรทจะอยู่ที่ 60Hz ก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด และด้วยราคาที่ไม่สูงมาก ถือเป็นจอรุ่นเริ่มต้นที่เหมาะกับเหล่าเกมเมอร์ครับ ใช้ในการเล่นเกมทั่วไปได้อย่างสบาย
จอคอมเกมมิ่งจาก BenQ รุ่น ZOWIE เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่นิยมกันอย่างมากของเหล่าเกมเมอร์ ด้วยคุณสมบัติการใช้งานต่าง ๆ เช่น ปุ่มลัดในการปรับความเหมาะสมของการแสดงผลให้เหมาะกับเกมที่กำลังเล่น, การจัดการการแสดงส่วนภาพที่มืดให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น มีเทคโนโลยี Flicker-Free ที่ช่วยป้องกันสายตาล้าจากการจ้องหน้าจอนาน ๆ และยังมาพร้อมกับอัตราการรีเฟรชภาพถึง 75Hz รับรองว่าเล่นเกมกันไปเพลิน ๆ แน่นอน
คุณสมบัติเด่น ๆ ของรุ่นนี้ คือ จอที่มีขนาดใหญ่ถึง 27 นิ้วและยังมาพร้อมกับอัตรารีเฟรชเรทถึง 144Hz กันเลยทีเดียว ทั้งยังมีฟีเจอร์ Shadow Boost ที่ช่วยเพิ่มรายละเอียดในจุดที่มืดให้สามารถมองเห็นได้ พร้อมฟังก์ชัน ELMB ที่ช่วยลดอาการภาพเบลอและยังเพิ่มความคมชัดให้ภาพอีกด้วย ความไวการตอบสนอง 1ms ไม่ว่าจะเป็นเกมไหน ๆ ไม่มีภาพฉีกขาด ภาพแตก หรือภาพกระตุกอย่างแน่นอน
จอภาพของ Dell ที่มากับความละเอียดระดับ 2K กราฟิกคมชัดบาดตาแน่นอน ผู้เล่นสามารถปรับหมุนจอได้ตามใจ ว่าอยากเล่นแนวนอนหรือแนวตั้งก็ได้ รองรับการใช้งานกับการ์ดจอ NVIDIA โดยมีฟังก์ชันที่ชื่อว่า G-Sync ทำให้ภาพมีความคมชัด ลดอาการภาพฉีกได้อีกด้วย และที่พิเศษกว่านั้น คือ ยังมีฟีเจอร์ 3D VISION อีกด้วย ทั้งความละเอียดและอัตรารีเฟรชเรทขนาดนี้ และยังมาในหน้าจอขนาด 27 นิ้ว รับรองว่าสมจริงสมจังกับการเล่นแน่นอน
สำหรับคนที่ชอบหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ รุ่นนี้ตอบโจทย์ทุกอย่างของคุณแน่นอน ด้วยจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 31.5 นิ้ว สามารถมองเห็นรายละเอียดในเกมทุกอย่างได้เต็มตาเต็มใจแน่นอน อีกทั้งยังมาพร้อมกับอัตรารีเฟรชเรทถึง 144Hz ภาพที่ได้จึงมีความลื่นไหล ไม่มีสะดุด ด้านหลังของจอยังมีไฟที่บอกถึงความเป็นจอคอมเกมมิ่งอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นราคา ขนาดจอ หรืออัตรารีเฟรชเรทที่แรงขนาดนี้ สำหรับเหล่าเกมเมอร์แล้ว ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว
Alienware รุ่นนี้ มาด้วยจอมาตราฐานแบบพอดี ๆ ขนาด 24.5 นิ้ว พร้อมกับอัตรารีเฟรชเรทสูงที่สุดถึง 240Hz รองรับเทคโลยีที่ใช้รวมกันกับการ์ดจออย่าง NVIDIA G-SYNC หรือ AMD Freesync ที่ช่วยควบคุมเฟรมเรทกับอัตรารีเฟรชเรทของจอให้เหมาะสมกับการเล่น จึงช่วยลดการเกิดภาพฉีกขาด การเคลื่อนไหวของภาพก็ลื่นไหล ไม่มีสะดุด จะทำให้คุณเหมือนได้เข้าไปเล่นอยู่ในเกมนั้นจริง ๆ และยังมาพร้อมไฟ RGB ที่เราสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบได้อีกด้วย
เป็นอีกรุ่นนึงจากแบรนด์ Acer รุ่นนี้มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 24 นิ้ว มาพร้อมกับอัตรารีเฟรชเรทสูงถึง 144Hz และอัตราการตอบสนองเม็ดพิกเซลเพียงแค่ 1ms จัดได้ว่าคุ้มค่าแน่นอนครับ รุ่นนี้ยังมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า AMD Adeptive-Sync สำหรับสาวกค่ายแดงอย่าง AMD ที่ช่วยในเรื่องการแสดงผลแบบเฟรมต่อเฟรมรับรองว่าภาพที่ได้ ทั้งคมชัดและลื่นไหลอย่างแน่นอน
อีกหนึ่งจอคอมเกมมิ่ง Legion จาก Lenovo ที่มีขนาดหน้าจอมาตราฐานเพียง 24.5 นิ้ว พร้อมจอการแสดงผลแบบไร้ขอบ รุ่นนี้สามารถปรับเป็นแนวตั้งหรือแนวนอนก็ได้ พร้อมกับเทคโนโลยี AMD FreeSync ที่ช่วยลดอาการภาพแตก ภาพขาด หรือภาพเป็นเส้น เพิ่มความคมชัดของการแสดงผลได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมรองรับอัตราการรีเฟรชเรทสูงถึง 144Hz จอภาพเป็นแบบด้านไม่สะท้อนแสง แถมรุ่นนี้ยังมีที่แขวนหูฟังที่อยู่ที่ด้านข้างอีกด้วย ฟังก์ชันให้มาขนาดนี้ น่าสนใจทีเดียวครับ
จอจากค่าย MSI มีจอภาพขนาด 23.6 นิ้ว มาด้วยความละเอียดระดับ Full HD อัตรารีเฟรชเรทถึง 144Hz โดยรุ่นนี้จะเป็นจอภาพแบบโค้งที่ช่วยเพิ่มมุมมองในการเล่น ทำให้สามารถมองเห็นได้กว้างและง่ายยิ่งขึ้น มาพร้อมเทคโนโลยี AMD FreeSync และอัตราการสนองต่อเม็ดพิกเซลเพียง 1ms เท่านั้น ตัวจอภาพรุ่นนี้ยังมี Anti-Flicker และ Less Blue Light ป้องกันการสะท้อนแสงของจอภาพ ทั้งยังช่วยลดแสงสีฟ้าที่ส่งผลเสียต่อดวงตาได้อีกด้วย ใครที่ต้องการเล่นเป็นระยะเวลานาน ๆ รุ่นนี้ตอบโจทย์คุณแน่นอน
จอเกมมิ่งขนาด 24.5 นิ้ว มาพร้อมอัตรารีเฟรชเรทที่แรงที่สุดในตอนนี้ มีเทคโนโลยี NVIDIA G-Sync ที่ช่วยจัดการปัญหาภาพเบลอ ทำให้คุณสามารถเล่นเกมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและสมจริงมากยิ่งขึ้น เสริมด้วย Ultra Low Motion Blur ที่ช่วยเพิ่มความคมชัดให้กับภาพวัตถุที่มีการเคลื่อนไหว และที่พิเศษมาก ๆ คือ เทคโนโลยี GamePlus ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ โดยมอบฟีเจอร์พิเศษสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ เช่น การแสดงการเล็งเป้า การจับเวลา การแสดงเฟรมเรท และมาตรวัดสำหรับการจัดตำแหน่งของจอให้เหมาะสมในการเล่นเกมอีกด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ หลังจากที่ได้อ่านวิธีการเลือกและได้เห็น 10 อันดับสินค้ากันไปแล้ว ทางทีมงานมายเบสท์เชื่อว่าเพื่อน ๆ คงทราบว่าตัวเองนั้นเหมาะกับจอคอมเกมมิ่งแบบไหนมากที่สุด แม้ว่าราคาจอคอมเกมมิ่งบางค่ายจะมีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพ ฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ ที่ได้รับ เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นให้มีความสมจริงมากยิ่งขึ้นแล้ว ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแน่นอนครับ
นอกจากนี้แล้ว คุณยังสามารถใช้งานจอคอมเกมมิ่งทำงานในด้านอื่น ๆ ได้อีกมากมาย นอกเหนือจากการเพลิดเพลินไปกับการเล่นเกม เช่น การดูหนัง การแต่งรูป การทำงานด้านกราฟฟิค เป็นต้น รับรองว่า คุ้มค่ากับคุณภาพที่ได้รับแน่นอน และทางเราก็หวังว่า 10 อันดับสินค้าที่เราได้ทำการคัดเลือกมา จะช่วยให้ทุก ๆ คนที่กำลังมองหาจอคอมเกมมิ่งที่ไว้ใช้งาน สามารถตัดสินใจเลือกได้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละคนได้นะครับ