จัดอันดับ 9 อันดับ ของ คอนซีลเลอร์ใต้ตา ยอดฮิตน่าซื้อ อัพเดทล่าสุดปี 2567

หากคุณกำลังมองหา คูปองส่วนลดมากมาย มีให้เลือกหลากหลาย ส่งฟรี ส่งไว เก็บเงินปลายทาง ช้อปออนไลน์ 24 ชั่วโมง ช้อปได้ที่ร้านค้าแนะนำของเรา
คุณภาพเจ๋ง ราคาถูกมาก เราขอแนะนำ คอนซีลเลอร์ใต้ตา  สินค้าทางอินเตอร์เน็ต  ราคาถูกที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา สั่ง คอนซีลเลอร์ใต้ตา  ไป ราคาถูกกว่าซื้อห้าง สินค้าใส่ซองกันกระแทกมาตอนจัดส่งให้ด้วย ส่งเร็วทันใจ คุณภาพเยี่ยมพอดีเห็น ลดราคาลงมาอีก ซื้อเลย สินค้าไม่เสียหาย มีคุณภาพ จัดส่งรวดเร็ว คุณภาพเยี่ยม ได้ลองแล้วนับว่าดีเลยทีเดียว ไม่มีปัญหา

     
คุณรู้หรือไม่? การเลือกซื้อคอนซีลเลอร์ใต้ตาแต่ละชนิดนั้นมีทั้ง คอนซีลเลอร์ใต้ตา นอกจากจะพิจารณาเรื่องของการใช้งานไม่ว่าจะเป็น งบประมาณ คุณภาพ ความทนทาน ชื่อเสียงของแต่ละรุ่นแล้ว ยังควรพิจารณาในเรื่องของพื้นที่ในการจัดวางและพื้นที่ใช้สอยในคอนซีลเลอร์ใต้ตาอีกด้วย โดยวันนี้เราได้จัดอันดับ คอนซีลเลอร์ใต้ตาแบบที่มีคุณภาพดีมีประสิทธิภาพมาให้คุณได้เลือกกันแล้ว ดังนี้

เราเชื่อเหลือเกินว่า สาว ๆ หลายคนคงเคยพบกับปัญหาในการเลือกซื้อ "คอนซีลเลอร์ใต้ตา" เพราะเราจะต้องคำนึงถึงหลายสิ่งหลายอย่างก่อนการเลือกซื้อ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัมผัส ความสามารถในการปกปิด เฉดสีที่มีมากมาย ความเป็นธรรมชาติของฟินิชลุค รวมไปถึงคุณสมบัติกันน้ำและติดทนนาน เพราะสำหรับคนที่มีปัญหาใต้ดวงตาหมองคล้ำแล้ว หากเลือกคอนซีลเลอร์สำหรับใต้ตาได้ไม่ดีพอ ก็จะทำให้การแต่งหน้าดูไม่สมบูรณ์ มิหนำซ้ำอาจทำให้ดูแย่กว่าเดิม อย่างไรก็ตาม นอกจากคุณสมบัตินานัปการที่เราควรจะพิจารณาเมื่อเลือกซื้อคอนซีลเลอร์ใต้ตาแล้ว ยังมีในเรื่องความหลากหลายของแบรนด์ที่สาว ๆ ควรจะคำนึงถึงอีกนะคะ

ในครั้งนี้ ทีมงานของเราจึงขอนำเสนอ "วิธีการเลือกคอนซีลเลอร์ใต้ตา" พร้อมกับการจัด "10 อันดับ คอนซีลเลอร์ใต้ตา ยอดฮิต" ซึ่งผ่านการเปรียบเทียบทั้งด้านราคา คุณสมบัติ และรีวิวจากผู้ใช้จริง เพื่อให้สาว ๆ ได้ตัดสินใจก่อนการเลือกซื้อ ที่สำคัญ ยังสามารถหาซื้อออนไลน์ได้ง่ายมาก ๆ ด้วยค่ะ !

ในการเลือกคอนซีลเลอร์ใต้ดวงตาให้เหมาะสมกับแต่ละคน จะต้องอาศัยการคำนึงถึง 3 จุดหลัก ๆ ที่สำคัญ ดังต่อไปนี้ค่ะ

สิ่งแรกที่สาว ๆ ควรจะรู้จักก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ก็คือ "สีของรอยคล้ำใต้ตา" ซึ่งเป็นสิ่งที่บางคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน แต่การทำความเข้าใจในจุดนี้ จะช่วยให้ทุกคนเลือกซื้อคอนซีลเลอร์ใต้ตาสำหรับตนเองได้ง่ายดายขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

รอยคล้ำสีน้ำเงิน ซึ่งบางทีอาจดูเหมือนสีเขียว-ม่วงแบบรอยฟกช้ำ เป็นรอยคล้ำที่มีสาเหตุมาจากเลือดบริเวณดังกล่าวไหลเวียนไม่ดีพอ บางครั้งหลายคนจึงอาจพบว่า รอยคล้ำจะดูจางลงประมาณ 15 นาทีเมื่ออาบน้ำเสร็จโดยเฉพาะน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน แต่รอยคล้ำประเภทนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ อีก เช่น เกิดจากการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ความเหนื่อยล้า ความเครียด และความไม่สมดุลทางฮอร์โมน เป็นต้น การเลือกคอนซีลเลอร์ในการปกปิดรอยคล้ำประเภทนี้ จึงควรเลือกแบบที่เป็นเฉดสีส้มหรือสีชมพูค่ะ

หากเราลองดึงหนังใต้ตาแล้วเงยหน้าขึ้นแต่รอยคล้ำกลับยังไม่จางลงไป นั่นหมายถึงรอยคล้ำของเราเป็นแบบสีน้ำตาลค่ะ สาว ๆ ที่ไม่ชอบทาครีมกันแดดหรือชอบขยี้ตาอาจต้องระวังรอยคล้ำประเภทนี้มากเป็นพิเศษ เพราะรังสี UV และการขยี้ตาจะกระตุ้นเซลล์ให้สร้างเม็ดสีใต้ผิวหนังในบริเวณดังกล่าวเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดเป็นรอยคล้ำสีออกน้ำตาลออกมานั่นเอง


การเลือกคอนซีลเลอร์สำหรับรอยคล้ำประเภทนี้ ควรเลือกเฉดสีที่มีความใกล้เคียงกับสีผิวของเราค่ะ เช่น สีเนื้อ สีเหลือง หรือสีน้ำตาล เป็นต้น แต่สำหรับคนที่รอยคล้ำดูเด่นชัดเป็นพิเศษ กรณีนี้ต้องเปลี่ยนไปเลือกใช้เฉดสีเขียวแทนนะคะ

ในการตรวจสอบว่า รอยคล้ำใต้ดวงตาของคุณเป็นสีดำหรือเปล่า ให้ลองถือกระจกไว้ในมือแล้วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วสังเกตบริเวณใต้ดวงตาจะพบว่า รอยคล้ำจะดูจางลงเล็กน้อยค่ะ ซึ่งการเกิดรอยคล้ำสีดำมีสาเหตุหลักมาจากริ้วรอย กรรมพันธุ์ ภูมิแพ้ หรือแม้แต่การพักผ่อนไม่เพียงพอและอายุที่เพิ่มมากขึ้น


ทว่า วิธีจัดการกับรอยคล้ำประเภทนี้ง่ายนิดเดียว เพราะสาว ๆ สามารถใช้คอนซีลเลอร์สีที่ใกล้เคียงกับผิวหน้าของตนเองในการปกปิดได้เลย เพียงแต่เนื้อสัมผัสของคอนซีลเลอร์จะต้องเป็นแบบบางเบา จากนั้นให้เติมไฮไลท์สีประกายมุกลงไปเพื่อเพิ่มความเปล่งประกาย เพื่อปกปิดรอยหมองคล้ำและเพิ่มความสดใสให้กับรอบดวงตาของเราค่ะ

เราสามารถแบ่งคอนซีลเลอร์ใต้ตาที่ขายตามท้องตลาดได้เป็น 5 ประเภทหลัก ๆ ค่ะ โดยแต่ละประเภทก็มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันออกไป ทำให้เราสามารถเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสมค่ะ

คอนซีลเลอร์เนื้อครีมและเนื้อลิควิดนั้น ขึ้นชื่อในแง่ของความใช้งานง่าย เพราะเมื่อลงรอบดวงตาแล้วสามารถเกลี่ยให้เรียบเนียนได้สะดวก โดยเฉพาะแบบเนื้อลิควิดที่มักอยู่ในรูปแบบของขวดพร้อมหัวแปรงหรือแบบปากกา ทำให้แม้ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ด้านการแต่งหน้าก็ใช้ได้ไม่ยาก แถมยังพกพาใส่กระเป๋าไปด้วยได้ทุกที่ แต่ข้อเสียของคอนซีลเลอร์แบบนี้จะอยู่ที่ความคงทนค่ะ เพราะมักจะหลุดลอกได้ง่ายระหว่างวันนั่นเอง


ส่วนแบบเนื้อครีมนั้นมักจะมาในรูปแบบของกระปุกหรือตลับพาเลท (Palette) ที่เมื่อต้องการใช้งานจะต้องใช้นิ้วมือหรือหัวแปรงในการกวาดเนื้อครีม จึงดูเหมือนจะยุ่งยากสักหน่อยในการใช้งาน แต่หากใครที่ใช้แบบตลับพาเลทอยู่จะพบว่า มีคอนซีลเลอร์หลายเฉดสีให้เลือกใช้เลยล่ะค่ะ ซึ่งถือได้ว่าเป็นข้อดีของคอนซีลเลอร์ประเภทนี้เลยนะคะ เพราะคุณสามารถผสมเฉดสีที่ต้องการได้เอง จึงช่วยเพิ่มทางเลือกในการปกปิดความคล้ำใต้ตาได้ดีทีเดียว

หากเทียบกับประเภทอื่น ๆ แล้ว คอนซีลเลอร์แบบแท่งถือว่าให้การปกปิดที่ดีที่สุด นอกจากนี้ ยังเป็นอีกรูปแบบของคอนซีลเลอร์ที่ง่ายต่อการใช้งานและการพกพาอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หากสาว ๆ ไม่ระมัดระวังในการใช้คอนซีลเลอร์ประเภทนี้ ก็จะทำให้ใต้ตาดูหนาเตอะจนเหมือนใช้สีน้ำมันฉาบเอาไว้ ซึ่งคงจะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน


ดังนั้น เราจึงควรระมัดระวังในการใช้งานคอนซีลเลอร์ประเภทนี้หรืออาศัยเทคนิคที่ช่วยในการเมคอัพ ด้วยการเลือกใช้คอนซีลเลอร์แบบแท่งที่มีเนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม แล้วเกลี่ยด้วยหัวแปรงหรือฟองน้ำอีกที เพียงเท่านี้ ทุกคนก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องความหนาที่ดูผิดธรรมชาติอีกต่อไปค่ะ

หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับคอนซีลเลอร์แบบดินสอนัก เพราะเรานิยมใช้คอนซีลเลอร์ประเภทอื่น ๆ กันมากกว่า แต่คอนซีลเลอร์ประเภทนี้ก็มีความโดดเด่นเฉพาะตัวเช่นกัน โดยเฉพาะในแง่ของการปกปิดเฉพาะจุดและความง่ายของการใช้งาน เพราะสามารถวาดลากไปบนส่วนที่ต้องการปกปิดได้เลย


อย่างไรก็ตาม หากคุณซื้อคอนซีลเลอร์แบบดินสอที่ไม่มีคุณภาพมากพอมาใช้งาน เนื้อของดินสออาจแข็งจนก่อให้เกิดความระคายเคืองรอบดวงตาได้ แถมยังอาจปกปิดได้ไม่เป็นที่น่าพอใจอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีข้อเสียในแง่ของการเกลี่ยที่อาจยากกว่าแบบอื่น ๆ ค่ะ

ด้วยความที่ผิวหนังบริเวณรอบดวงตาของคนเรามักมีการขยับอยู่ตลอดเวลา แถมยังแห้งตึงได้ง่ายอีกด้วย ทำให้เมคอัพบริเวณนั้นมักจะตกร่องหรือหลุดลอกได้ง่าย สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่ ทางเราขอแนะนำให้เลือกใช้คอนซีลเลอร์ใต้ตาประเภทเนื้อครีมหรือเนื้อลิควิดค่ะ เพราะกลืนไปกับผิวได้ง่ายแม้ว่ารอบดวงตาจะมีการขยับก็ไม่ค่อยมีปัญหาตกร่อง

ส่วนถ้าใครที่กังวลเรื่องปัญหาความชุ่มชื้น การเลือกคอนซีลเลอร์แบบที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์อย่างกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) หรือคอลลาเจน (Collagen) ก็สามารถช่วยคุณได้นะคะ เพราะสารทั้งสองชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นทำให้ผิวไม่แห้งกร้าน แต่ถ้าไม่สามารถหาคอนซีลเลอร์ที่มีส่วนผสมดังกล่าวได้ คุณสามารถลงอายครีมเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวก่อนการทาคอนซีลเลอร์ได้เลยค่ะ

ในการแต่งหน้า สิ่งที่จำเป็นอีกอย่างเลยก็คือ คอนซีลเลอร์ค่ะ บางทีแค่มีคอนซีลเลอร์เราก็ไม่จำเป็นต้องลงรองพื้นก็ได้ค่ะ เพราะคอนซีลเลอร์จะช่วยปกปิดเฉพาะจุดที่เราอยากปกปิดได้นั่นเอง

ซึ่งคอนซีลเลอร์ที่เราจะมาแนะนำเพื่อน ๆ ในครั้งนี้ เป็นคอนซีลเลอร์ที่คิดว่าใคร ๆ ก็สามารถใช้ได้ค่ะ เพราะเป็นคอนซีลเลอร์ที่เนื้อเกลี่ยง่าย อีกทั้งยังมีความชุ่มชื้น เหมาะกับใช้บริเวณใต้ดวงตามาก ๆ ค่ะ เพราะผิวบริเวณใต้ดวงตาเป็นผิวที่แห้งง่ายมาก ๆ ตัวนี้ทาแล้วไม่ตกร่อง ปกปิดอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่หนาไม่โบ๊ะ มือใหม่ก็สามารถใช้ได้ค่ะ ที่สำคัญราคาไม่แพงและสามารถหาซื้อได้ง่าย ๆ ตามร้าน Drugstore หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ง่าย ๆ เลยค่ะ

สาว ๆ ก็ได้รู้หลักการสำคัญในการเลือกคอนซีลเลอร์ มาช่วยปกปิดความหมองคล้ำกันไปแล้วนะคะ แต่ปัจจุบันคอลซีลเลอร์เองมีหลายชนิด ทั้งแบบธรรมดา, แบบอ่อนโยนสำหรับผิวแพ้ง่าย, หรือแม้กระทั่งแบบลิป ออกมาวางขายมากมาย ซึ่งแต่ละอย่างก็มีเทคนิคการเลือกต่างกันเล็กน้อย หากเพื่อน ๆ สนใจแบบไหนเพิ่มเติม กดคลิกเข้าไปดูรายละเอียดกันเลยค่ะ

อันดับทั้งหมดนี้ คือ คอนซีลเลอร์ยอดฮิตที่สามารถปกปิดรอยคล้ำใต้ตา ใครมีปัญหาแบบไหน ก็ลองเลือกตามคุณสมบัติต่าง ๆ ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้เหมาะกับปัญหาของตัวเองกันดูนะคะ

แบรนด์ ZA (ซีเอ) เครื่องสำอางจากไต้หวัน ภายใต้การคิดค้นและพัฒนาคุณภาพโดยศูนย์วิจัยชิเซโด้ประเทศญี่ปุ่น โดยคอนเซปต์เฉพาะตัวว่า “ความงามในแบบฉบับสาวเอเชียที่ดูทันสมัยและมีสไตล์เป็นของตัวเอง” ดังนั้น สาว ๆ จึงมั่นใจได้ว่า คอนซีลเลอร์ตัวนี้เหมาะสำหรับสาวไทยแน่นอน

จากรีวิวผู้ใช้จริงพบว่า แม้เนื้อจะค่อนข้างเหลวแต่มีเม็ดสีแน่น ทำให้ทั้งง่ายต่อการเกลี่ย ได้ลุคที่ดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ปกปิดรอยคล้ำใต้ตาทั้งประเภทสีดำและสีน้ำตาลที่ไม่เข้มมากได้ดีด้วยเทคโนโลยีช่วยกระจายแสงทำให้ใต้ตาดูสว่างขึ้นเล็กน้อย ติดทนนานระหว่างวันไม่ตกร่องและสามารถกันน้ำกันเหงื่อได้ดีในระดับหนึ่ง ปัจจุบันมีเฉดสี 3 ให้เลือกซื้อ
คอนซีลเลอร์รุ่นนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Colorstay มีจุดเด่นอยู่ที่ "สีคงทน" และ "ติดทน" ยาวนานตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้น สาว ๆ จึงมั่นใจได้ว่าสีจะไม่ดรอประหว่างวันและไม่เป็นคราบให้ไหลเยิ้มจนถูกเพื่อนทัก ด้วยเนื้อของผลิตภัณฑ์เป็นแบบน้ำกึ่งครีม เม็ดสีแน่น เมื่อแห้งแล้วดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ให้การปกปิดค่อนข้างสูง สามารถอำพรางรอยคล้ำสีน้ำตาลได้ดี

ข้อเสียของรุ่นนี้ คือ เนื้อครีมค่อนข้างหนาจึงจำเป็นต้องระมัดระวังไม่ให้ลงหนักมือจนเกินไป เพราะอาจทำให้หน้าดูหนาไม่เป็นธรรมชาติ และเนื้อครีมซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ฉะนั้น มือใหม่หัดแต่งหน้าอาจประสบปัญหาเกลี่ยครีมไม่ทันก่อนแห้งได้ค่ะ
NYX แบรนด์เครื่องสำอางน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาตีตลาดในไทยได้ไม่นานนักแต่กลับได้รับความนิยมอย่างมากเพราะคุณภาพที่ดีเกินราคาทำให้คอนซีลเลอร์รุ่น “HD Photogenic” ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ “ให้การปกปิดในระดับ HD” ทั้งยังมีให้เลือกถึง 23 เฉดสี จึงกลายเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่สาว ๆ หลายคนชื่นชอบ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยคล้ำสีน้ำตาลและสีดำที่ไม่เข้มมากนัก

จากรีวิวผู้ใช้จริงพบว่า เนื้อครีมเป็นแบบน้ำกึ่งครีม มีความหนาเล็กน้อย ไม่ควรใช้มากเกินไปเพราะอาจทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ สามารถเกลี่ยได้ง่าย กระจายแสงได้ดี ให้ฟินิชลุคแบบแมตต์ ไม่เป็นคราบ สีไม่ดรอประหว่างวัน ติดทนระดับหนึ่ง ที่สำคัญ ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวจากส่วนผสมของสารสกัดจากว่านหางจระเข้ด้วยค่ะ
อีกหนึ่งคอนซีลเลอร์ที่ถูกสาว ๆ ตามหาตั้งแต่ยังไม่เข้าไทยเพราะมีบิวตี้กูรูรีวิวไว้เยอะเหลือเกิน นอกจากจะทำหน้าที่เป็นเครื่องสำอางแล้วยังอุดมไปด้วยสารสกัดจากโกจิเบอร์รี่ซึ่งมีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระจากการทำลายเซลล์และชะลอความชรากับสาร Haloxyl ที่ช่วยลดรอยหมองคล้ำและริ้วรอยรอบดวงตาให้แลดูจางลง ทำให้คอนซีลเลอร์ตัวนี้เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่มีปัญหารอยคล้ำสีน้ำเงินและน้ำตาลเป็นอย่างมาก

จากรีวิวผู้ใช้จริงพบว่าเนื้อค่อนข้างเหลว เกลี่ยง่าย ให้ลุคค่อนข้างแมตต์แต่ยังดูเป็นธรรมชาติ ระหว่างวันสีไม่ดรอป ไม่มีปัญหาการตกร่องและเป็นคราบ มาในแพ็กเกจแบบแท่งพร้อมหัวแบบคุชชั่นสะดวกต่อการใช้งาน เหมาะสำหรับมือใหม่หัดแต่งหน้า ปัจจุบันมี 3 เฉดสีออกมาให้สาว ๆ เลือก

เรียกได้ว่าตลับเดียวเอาอยู่ค่ะ กับคอนซีลเลอร์แบบพาเลทจาก MAC รุ่นนี้ ที่ 1 ตลับมีเฉดสีให้เลือกถึง 6 เฉดสีพร้อมกับมีวางจำหน่ายให้สาว ๆ เลือกใช้ตามโทนสีผิวของตัวเองอีก 4 ตลับ รวม ๆ แล้วจึงมีถึง 24 เฉดสีเลยทีเดียว ! และด้วยความทีมีสีสันหลากหลายขนาดนี้ ทำให้ไม่ว่ารอยคล้ำใต้ตาของเราจะเป็นสีอะไรก็ไม่มีปัญหา สามารถเลือกเมคอัพได้ตามใจชอบเลย นอกจากนี้ ในตลับยังแบ่งออกเป็น Concealer 4 ช่องและ Corrector 2 ช่อง พร้อมกับผสมสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อบำรุงรอบดวงตาให้กับเราด้วยนะคะ


ในส่วนของเนื้อครีมมีความเนียนลื่นในตัว เกลี่ยง่าย ไม่ต้องวอร์มก่อนก็สามารถลงให้เรียบเนียนได้ดีค่ะ แต่ต้องระมัดระวังว่าห้ามปาดเนื้อคอนซีลเลอร์แต่ต้องค่อย ๆ ตบหรือใช้ฟองน้ำเกลี่ยนะคะ ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ ความทนทานค่ะ เพราะคอนซีลเลอร์รุ่นนี้เกาะผิวของเราได้ค่อนข้างนานเลย จึงไม่น่าเป็นห่วงแม้วันลุย ๆ ค่ะ

คอนซีลเลอร์สูตรนี้มีดีที่ส่วนผสมเพื่อช่วยบำรุงรอบดวงตาค่ะ เพราะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติเสียส่วนใหญ่ เช่น Indian Tree Root เห็ดถั่งเช่า และอื่น ๆ ที่มีส่วนช่วยในลดเลือนรอยคล้ำใต้ตาที่มีการสร้างเม็ดสีเมลานิน พร้อมกับพลิกฟื้นความเหนื่อยล้าให้ดูสดใส กะปรี้กะเปร่า แถมยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังใต้ตาด้วยนะคะ หากใครที่แพ้สารเคมีในกลุ่มสารกันเสียก็สามารถใช้คอนซีลเลอร์รุ่นนี้ได้อย่างสบายใจ เพราะว่าไม่มีสารในกลุ่มพาราเบน ซัลเฟตและซัลไฟต์ค่ะ


เนื้อของคอนซีลเลอร์รุ่นนี้เป็นแบบลิควิด จึงสามารถลงบนผิวแล้วเกลี่ยได้ง่าย เบาสบาย แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ไม่กันน้ำหรือกันเหงื่อค่ะ ทำให้อาจหลุดลอกได้ง่ายในระหว่างวัน แต่ถ้าหากใช้ในกรณีที่อยู่ในห้องแอร์หรือบริเวณที่อากาศเย็น ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ค่ะ

บอกลาความดำคล้ำใตตาด้วยคอนซีลเลอร์จากแบรนด์ดังของอเมริกาอย่าง Tarte  รุ่นนี้ขึ้นชื่อมากด้านความเนียนสวย ช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ลงด้วยการปกปิดที่ดีเยี่ยม ไม่ว่ารอยคล้ำจะชัดเจนเพียงใดก็เอาอยู่ แถมยังเป็นสูตรที่ผสมสารบำรุงต่าง ๆ มากมายที่ฟื้นบำรุงผิวบริเวณรอบดวงตาอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นโซเดียมไฮยาลูโรเนตและสควาเลน ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นอิ่มน้ำ หรือคาเฟอีน ที่ช่วยปลุกพลังความสดใสและลดอาการตาบวมได้เป็นอย่างดี


ส่วนเนื้อครีมก็ยังมีความเนียนนุ่ม เกลี่ยง่าย ใช้แล้วไม่หนักหน้าและแนบเนียนไปกับผิวได้สนิท แต่เฉดสีมีไม่มากสาว ๆ จึงต้องเลือกให้ดีนะคะ ที่สำคัญ รุ่นนี้ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน ทุกคนจึงสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องกังวลว่าจะแพ้หรือระคายเคืองเลยล่ะค่ะ

คอนซีลเลอร์รุ่นนี้แม้ว่าจะมาในรูปแบบแท่ง แต่เมื่อใช้งานแล้วเนื้อครีมกลับไม่ดูหนาจนเกินไป แถมยังดูเป็นธรรมชาติด้วยการปกปิดแบบ Sheer ที่ดูบางเบาแต่มีประสิทธิภาพ จึงชนะเลิศทั้งในด้านฟินิชลุคและความใช้งานง่ายเลยก็ว่าได้ ในส่วนของส่วนผสมเพื่อการฟื้นบำรุงก็น่าสนใจมาก ๆ เพราะมีมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นแบบเต็มเปี่ยมยาวนานถึง 6 ชั่วโมง แถมยังมีสารสกัดจากเมล็ดแอปเปิลที่ช่วยลดเลือนความหมองคล้ำและริ้วรอยต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี


นอกจากนี้ เฉดสีทั้ง 6 ยังออกแบบมาเป็นอย่างดีเพื่อให้สาว ๆ ทุกคนใช้งานได้ไม่ว่าจะมีสีผิวแบบใดก็ตาม สามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์โดยจะลงด้วยคอนซีลเลอร์ตัวนี้อย่างเดียวเพื่อเพิ่มความอ่อนเยาว์หรือใช้ร่วมกับเมคอัพเพื่อเพิ่มระดับความดูดีก็ได้นะคะ

NARS อีกหนึ่งแบรนด์เครื่องสำอางที่เป็นที่รู้จักอย่างมากในไทย มีจุดเด่นอยู่ที่ “สีสันสดชัด โฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์” ซึ่งคอนซีลเลอร์รุ่นนี้ก็ไม่ทิ้งคอนเซปต์ดังกล่าว คือมีเม็ดสีแน่นและสม่ำเสมอมาพร้อมกับเทคโนโลยีช่วยกระจายแสงให้ดวงตาของสาว ๆ เปล่งประกายตามชื่อของรุ่นอย่าง “Radiant” แถมยังช่วยปกปิดริ้วรอย จุดด่างดำ รอยแดงและรูขุมขนบนใบหน้า ช่วยให้ผิวเรียบเนียนสวยจนใคร ๆ ก็ต้องหลงใหล

จากรีวิวผู้ใช้จริงต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าให้การปกปิดดีเยี่ยมและยังช่วยให้ใต้ตาแลดูกระจ่างขึ้น นอกจากนี้แม้ว่าเนื้อคอนซีลเลอร์จะเข้มข้นแต่กลับเกลี่ยได้ง่ายโดยไม่ต้องมีทักษะอย่างมืออาชีพ ได้ฟินิชลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ ใบหน้าดูโดดเด่น สีไม่ดรอประหว่างวัน ไม่เป็นคราบและติดทนนาน ที่สำคัญ มาพร้อมกับ 30 เฉดสีให้เลือกครอบคลุมสีรอยคล้ำทั้งสามชนิดและทุกระดับความเข้ม
ดาวเด่นอีกตัวหนึ่งที่หลายคนเลือกใช้แม้ราคาค่อนข้างสูง คือ ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Yves Saint Laurant ที่มีคุณสมบัติในการปกปิดน้อยถึงปานกลางแต่สามารถกำหนดความหนาได้ตามที่เราต้องการ เหมาะกับการปกปิดรอยคล้ำสีดำ เนื้อผลิตภัณฑ์นุ่มบางเบาเป็นธรรมชาติและช่วยกระจายแสงให้ความฉ่ำวาวกำลังดี

บรรจุภัณฑ์มีลักษณะเป็นแท่ง ส่วนปลายเป็นพู่กันขนนุ่ม เวลาใช้ก็เพียงแค่กดเหมือนดินสอกดให้เนื้อลิควิดออกมาแล้วทาไปที่ใต้ตาโดยตรง จากนั้นจึงใช้มือหรือฟองน้ำเบลนด์ มีสารบำรุงผิวอย่างกรดไฮยาลูรอนิคและวิตามินอีในส่วนผสมเพื่อดูแลผิวแห้งกร้าน แถมยังมีให้เลือกหลายเฉดสีอีกด้วยค่ะ

อย่างที่เราได้เกริ่นไปบ้างแล้วว่า คอนซีลเลอร์บางประเภทอย่างเช่น แบบแท่ง ถ้าลงไม่ดีก็อาจทำให้ฟินิชลุคของสาว ๆ ดูแย่ได้ เราจึงควรเรียนรู้แนวทางการลงคอนซีลเลอร์แบบต่าง ๆ เพื่อค้นหาวิธีการที่เหมาะกับตนเองค่ะ

มือใหม่มักจะคิดว่า หากเราฉาบคอนซีลเลอร์ลงไปเยอะ ๆ ก็จะสามารถปกปิดรอยคล้ำใต้ตาได้ดีและมีประสิทธิภาพ ซึ่งวิธีการนี้สามารถช่วยปกปิดได้จริง แต่ก็แลกมากับฟินิชลุคที่ดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัด เราจึงไม่ควรทาคอนซีลเลอร์ลงไปตรง ๆ อย่างเดียวโดยไม่ทำอะไรเลย


ดังนั้น เพื่อให้ใต้ดวงตาของทุกคนเรียบเนียนสวยและปกปิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงควรพึ่งพาอุปกรณ์ในการเกลี่ยอย่างฟองน้ำและแปรงแต่งหน้าค่ะ ห้ามใช้นิ้วมือเกลี่ยเด็ดขาดนะคะ ที่สำคัญ จะต้องเลือกแปรงแบบนุ่มเท่านั้น เพื่อลดอาการระคายเคืองบริเวณรอบดวงตานั่นเอง


นอกจากนี้ การลงรองพื้นบาง ๆ ใต้ตาก่อนการทาคอนซีลเลอร์ ยังส่งผลให้คอนซีลเลอร์ของเราไม่หลุดลอกง่ายและดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ

การเกลี่ยคอนซีลเลอร์ให้สม่ำเสมอถือเป็นแนวทางลำดับแรก ๆ เพื่อให้การแต่งหน้าดูเป็นธรรมชาติ แต่อีกสิ่งที่ควรเอาใจใส่ก็คือ เทคนิคการแต้มทีละจุดค่ะ เพราะการแต้มทีละจุดจะช่วยให้เราปรับสภาพผิวให้เนียนสวยได้ง่ายกว่าการปาดแล้วเกลี่ยทีเดียว ซึ่งความห่างของแต่ละจุดควรอยู่ระหว่าง 4 มม. และไม่ควรแต้มใกล้กับบริเวณโคนขนตาล่างจนเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้คอนซีลเลอร์ออกมาดูหนาเตอะ สำหรับเทคนิคนี้ สามารถใช้ได้ดีกับผู้ที่มีรอยคล้ำใต้ดวงตาแบบสีน้ำเงินและสีน้ำตาลค่ะ

สาเหตุหนึ่งที่เป็นเมนใหญ่ของการเกิดรอยคล้ำใต้ตาก็คือ ความเหนื่อยล้า ซึ่งก่อให้เกิดรอยคล้ำได้ทั้งแบบสีน้ำเงินและสีน้ำตาลเลยล่ะค่ะ ในการปกปิดรอยคล้ำทั้ง 2 แบบและฟื้นคืนให้บริเวณรอบดวงตาดูสดใส กะปรี้กะเปร่ามากยิ่งขึ้น คุณสามารถเลือกใช้คอนซีลเลอร์ในเฉดสีส้มหรือสีชมพูได้เลยค่ะ เพราะเฉดสีเหล่านี้จะช่วยให้ผิวดูเหมือนมีเลือดฝาดและเสริมสร้างฟินิชลุคที่ดูมีชีวิตชีวาให้กับสาว ๆ ได้ แต่หากใครอยากให้ดวงตาดูเปล่งประกายมากกว่านี้ ก็สามารถใช้ไฮไลท์แต่งเติมเพิ่มได้ หรือจะใช้แค่แป้งผสมรองพื้นในการล็อกเมคอัพให้ติดทนนานก็ได้


ส่วนคนที่ไม่มีคอนซีลเลอร์ทั้ง 2 เฉดสีนี้ก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะคุณสามารถใช้ลิปสติกสีแดงเข้ามาช่วยเสริมในขั้นตอนการลงคอนซีลเลอร์ได้ค่ะ โดยลิปสติกสีแดงที่คุณใช้จะต้องมีส่วนผสมของน้ำมันน้อยที่สุดและควรเลือกเนื้อสัมผัสแบบปกติ ไม่แมตต์และไม่เยิ้มเป็นน้ำ เพราะจะเกลี่ยยาก จากนั้นให้ลงลิปสติกดังกล่าวปกปิดใต้ตาก่อนแล้วค่อยทาคอนซีลเลอร์ทับ ก็จะได้ลุคที่ปกปิดเนียน ๆ และดูสดใสแล้วล่ะค่ะ

วิธีในการจัดการกับรอยคล้ำใต้ตาประเภทนี้ได้ดีที่สุด คือ การเพิ่มแสงสว่างเข้าไปบริเวณที่ดำคล้ำด้วยคอนซีลเลอร์โทนสีมุกค่ะ ในส่วนของวิธีการก็ง่ายมาก ๆ เลย เพียงแค่คุณวาดเส้นคอนซีลเลอร์ตามทิศทางของรอยคล้ำ หรือเน้นบริเวณตรงกลางของเปลือกตาบนและขอบตาล่าง เพื่อรวมแสงและสร้างความโดดเด่นให้กับดวงตาของเรา จากนั้นจึงเกลี่ยด้วยฟองน้ำแล้วตบท้ายด้วยการลงแป้งผสมรองพื้นหรือแป้งฝุ่นลงไป เพื่อเพิ่มความคงทนให้กับเมคอัพของเราเป็นอันเสร็จสิ้นค่ะ เพียงเท่านี้สาว ๆ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องขอบตาคล้ำแบบหมีแพนด้าอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ

ผู้หญิงหลายคนต้องทำกิจกรรมในระหว่างวันมากมาย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเมคอัพของเราเกิดเลือนลางหรือหลุดลอกออกไปในระหว่างวัน โดยเฉพาะคอนซีลเลอร์ที่ลงบริเวณรอบดวงตาที่มีการขยับเขยื้อนอยู่ตลอดเวลา แถมยังต้องพบเจอกับสิ่งสกปรกและมลภาวะต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องอีกด้วย


แต่การจะลงเมคอัพใหม่ทันทีโดยไม่ทำความสะอาดของเก่าออกก่อนถือเป็นไอเดียที่ไม่ดีนะคะ เพราะเครื่องสำอางที่ลงใหม่จะไม่ติดผิว เราจึงขอแนะนำให้ทุกคนใช้อิมัลชันหรือแฮนด์ครีมในการล้างเมคอัพเก่าออกก่อน โดยบีบครีมลงบนสำลีแล้วเช็ดทำความสะอาดให้หมดจด จากนั้นจึงค่อยเติมหน้าเพิ่ม ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้สาว ๆ แต่งหน้าได้สวยงามและดูดีราวกับพึ่งแต่งในตอนเช้าเลยทีเดียวค่ะ

จริงอยู่ที่เราสามารถปกปิดรอยคล้ำใต้ดวงตาได้ง่ายด้วยคอนซีลเลอร์ แต่จะดีกว่าไหม หากใต้ตาของเราไม่มีรอยคล้ำหม่นหมองมากวนใจเลยตั้งแต่แรก ซึ่งทางเราก็ได้นำเทคนิคดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณขจัดรอยคล้ำใต้ตาได้มาฝากกันค่ะ จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย !

เพื่อการลดเลือนและป้องกันรอยคล้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดรอยคล้ำแบบต่าง ๆ ค่ะ สำหรับรอยคล้ำใต้ตาสีน้ำเงินนั้นมีสาเหตุมาจากเลือดบริเวณดวงตาไหลเวียนไม่ดี ความอ่อนเพลีย การอดนอน ความหนาวและอื่น ๆ วิธีในการป้องกันรอยคล้ำแบบนี้ จึงเป็นการสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายและกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดค่ะ โดยคุณสามารถททำได้หลายวิธี เช่น ยืดเหยียดร่างกาย อาบน้ำอุ่น หรือประคบร้อนดวงตา เป็นต้น


สำหรับรอยคล้ำสีน้ำตาลที่เกิดจากผิวหนังบริเวณรอบ ๆ สร้างเม็ดสีขึ้นมาเพราะเกิดการระคายเคืองนั้น ให้ลดการสัมผัสที่รุนแรงอย่างการขยี้ตาลง พร้อมทั้งระมัดระวังในตอนเช็ดเครื่องสำอางว่า อย่าเผลอเช็ดแรงจนเกินไป ส่วนรอยคล้ำสีดำเองก็แก้ไขได้ง่ายเช่นกันค่ะ เพียงแค่บำรุงรอบดวงตาด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์บ่อย ๆ โดยเน้นใช้โลชั่นน้ำนมหรืออายครีมในการนวดดวงตา เพื่อฟื้นคืนความสดใสให้กับดวงตาของเราค่ะ

ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจในการเพิ่มอัตราการไหลเวียนของเลือดรอบดวงตาเลยล่ะค่ะ เพราะผ้าขนหนูร้อนสามารถเตรียมได้ง่าย ด้วยการนำผ้าขนหนูไปชุบน้ำแล้วบิดหมาดที่สุด จากนั้นนำเข้าไปอุ่นในเตาไมโครเวฟเป็นระยะเวลา 40 - 60 วินาที ขึ้นอยู่กับระดับความร้อนของเตา แต่ต้องระมัดระวังตอนเอาออกมาด้วยนะคะ และคุณจะต้องไม่ลืมเอามาทาบที่ท้องแขนเพื่อตรวจสอบด้วยว่า ความร้อนอยู่ในระดับที่พอดีหรือยัง เพราะหากนำไปประคบตาทันทีอาจจะร้อนเกินไปจนลวกใบหน้าได้ค่ะ


หลังจากประคบดวงตาด้วยผ้าขนหนูจนเริ่มหายร้อนแล้ว เราสามารถใช้การประคบเย็นต่อได้เลยค่ะ และเมื่อประคบด้วยการสลับแบบร้อนและเย็นไปเรื่อย ๆ ก็จะช่วยลดอาการปวดและบวมรอบ ๆ ดวงตาได้อย่างเห็นผล สำหรับใครที่ใช้สายตามาก ๆ ในแต่ละวัน รับรองว่าวิธีนี้เวิร์กแน่นอนค่ะ

คอนซีลเลอร์ถือเป็นเครื่องสำอางที่สามารถปกปิดปัญหาผิวได้ดีมากเลยล่ะค่ะ คอนซีลเลอร์จึงไม่ได้มีเพียงแบบที่ปกปิดรอยคล้ำใต้ดวงตาเท่านั้น แต่ยังมีแบบที่ใช้ร่วมกับปัญหาผิวอื่น ๆ ได้ดีอีกด้วย หากใครที่สนใจอยากรู้รายละเอียดของคอนซีลเลอร์แบบอื่นเพิ่มเติม จะต้องไม่พลาดบทความเหล่านี้นะคะ !

วิธีเลือกคอนซีลเลอร์ใต้ตาให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละคนนั้นไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะคะ เพียงแค่เราลองสังเกตว่าใต้ตาของเรานั้นมีสีอะไร มีความเข้มมากน้อยแค่ไหน และรู้คุณสมบัติที่แตกต่างกันของแต่ละเนื้อคอนซีลเลอร์ เพียงเท่านี้เราก็จะได้คอนซีลเลอร์ที่ตอบโจทย์ปัญหาของเราได้แล้ว


สุดท้ายนี้ เมื่อเราได้คอนซีลเลอร์ดี ๆ สักชิ้นหนึ่งแล้วอย่าลืมหาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนต่อผิวและสกินแคร์ดี ๆ ดูแลรอบดวงตาของเราควบคู่กันไปด้วยเพื่อให้ดวงตาของเราดูสดใสมีชีวิตชีวาและน่ามองสำหรับผู้พบเห็นนะคะ