8 อันดับ มาส์กโคลน รุ่นไหนดี อัพเดทล่าสุดปี 2567

ชวนคุณมาช้อปออนไลน์กับสินค้าคุณภาพดี จากหลากหลายแบรนด์ดังพร้อมทั้งโปรโมชั่นอีกมากมาย ทั้งโปรส่งฟรี ทั่วประเทศ ไอเท็มเด็ดราคาถูก สายช้อปเตรียมตัวให้พร้อมกับโปรโมชั่นนี้ ให้คุณช้อปคุ้มชัวร์ด้วยดีลเด็ด มอบส่วนลดหลายต่อแบบไม่เกรงใจใคร สินค้าลดราคามากมาย
คุณภาพเจ๋ง ราคาคุ้มค่า เราแนะนำเลยเจ้านี้ มาส์กโคลน  สินค้าทางอินเตอร์เน็ต  ราคาพิเศษส่งให้คุณลูกค้าถึงหน้าบ้าน สั่ง มาส์กโคลน  ไป ราคาถุกจริงๆ สินค้าใส่ซองกันกระแทกมาตอนจัดส่งให้ด้วย ส่งเร็วทันใจ คุณภาพเยี่ยมพอดีเห็น ราคาจะลดลงอีกลองเข้าไปดูที่ร้านได้ สินค้าดีๆ ราคาถุก จัดส่งรวดเร็ว ของพรีเมี่ยม ได้รับสินค้าแล้วดีใจมาก ตรงตามต้องการในรุป ไม่มีปัญหา

     
หากคุณกำลังมองหามาส์กโคลนพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้หลากหลาย เราขอแนะนำให้รู้จักกับนวัตกรรมมาส์กโคลนชั้นเลิศจากแบรนด์ผู้ผลิตที่คร่ำวอดอยู่ในวงการ โดยแต่ละชนิดมีทั้งแบบ มาส์กโคลน ซึ่งวันนี้ทางเราจึงจัดอันดับ แนะนำ มาส์กโคลน ที่ตอบโจทย์กับตัวคุณมาให้เลือกกันแล้วดังนี้

เมื่อพูดถึงการบำรุงผิวหน้า อันดับแรกสาว ๆ หลายคนอาจจะนึกถึงการชโลมใบหน้าด้วยเซรั่ม เอสเซนส์หรือการทาครีมเช้า-เย็นเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วยังมีอีกขั้นตอนหนึ่งที่เป็นส่วนสำคัญในการบำรุงและฟื้นฟูผิวหน้าของเรา ที่ถ้าหากเป็นไปได้ก็อยากให้สาว ๆ รวมเข้าไว้ในกระบวนการของการดูแลผิวในแต่ละวันด้วย นั่นก็คือ การมาส์กหน้าค่ะ ซึ่งในปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์สำหรับมาส์กหน้าออกมาหลายชนิดหลายรูปแบบ ทั้งมาส์กแบบแผ่น, มาส์กแบบลอกออก, มาส์กก่อนนอน เป็นต้น แต่ในวันนี้เราจะขอเสนอมาส์กอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "มาส์กโคลน" ซึ่งเป็นมาส์กที่แสนจะเหมาะกับภูมิอากาศบ้านเรา


แม้จะเคยได้ยินชื่อกันมาแล้ว แต่หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า มาส์กโคลนมีประโยชน์อย่างไร มีชนิดไหนบ้างและเหมาะสมกับการใช้ในรูปแบบไหน ในบทความนี้เราจะขออธิบายวิธีการเลือกมาส์กโคลนอย่างง่าย ๆ ให้ลองอ่านกัน นอกจากนี้ เรายังมีผลิตภัณฑ์มาส์กโคลนที่น่าสนใจมานำเสนอถึง 10 อันดับอีกด้วย เชื่อว่าจะช่วยให้สาว ๆ สามารถเลือกใช้มาส์กโคลนได้ง่ายขึ้นและสนุกกับการดูแลผิวหน้ามากยิ่งขึ้นนะคะ

มาส์กโคลนหรือที่เราเห็นเขียนตามผลิตภัณฑ์ว่า Clay Mask หรือ Mud Mask คือ มาส์กที่มีส่วนผสมทำมาจากดินโคลนตามธรรมชาติที่มีมากมายหลายชนิด เช่น ตามก้นบ่อน้ำร้อน ใต้ทะเล หรือภูเขาไฟ ซึ่ง Clay Mask กับ Mud Mask จะแตกต่างกันเล็กน้อยคือ Clay Mask จะเป็นมาส์กโคลนที่มีความหนืดมากกว่า Mud Mask นั่นเอง แต่มาส์กทั้งสองแบบถือว่า เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่ถูกคิดค้นมาตั้งแต่ยุคโบราณหลายพันปีมาแล้วเหมือนกันค่ะ


นอกจากมาส์กโคลนจะส่งผ่านแร่ธาตุจากธรรมชาติดี ๆ ที่ผสมอยู่ในเนื้อโคลนเข้าสู่ผิวเราได้แล้ว ยังขึ้นชื่อในเรื่องการดูดเอาสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกิน หรือแม้กระทั่งแบคทีเรียที่ผิวเราสะสมเอาไว้ออกมาได้อย่างหมดจด คนที่ผิวมัน มีปัญหาสิวเพราะการอุดตันของรูขุมขนถือว่าเหมาะกับการใช้มาส์กโคลนเป็นอย่างมาก แต่สาว ๆ ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะบางผลิตภัณฑ์คนผิวแห้งหรือผิวผสมก็สามารถใช้ได้ เพียงแค่ต้องเลือกและใช้ให้ถูกวิธี ซึ่งเนื้อหาเหล่านี้เราได้รวบรวมเอาไว้ให้แล้ว ลองตามไปอ่านได้เลยค่ะ

จุดเริ่มต้นของการใช้มาส์กโคลน ควรเริ่มต้นจากการเลือกใช้ชนิดของมาส์กที่เข้ากับผิวหน้าของคุณนะคะ ไปดูกันดีกว่าว่า มีอะไรที่เราควรมองหาในมาส์กโคลน หรือมีจุดไหนที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษเวลาเลือกซื้อบ้าง

มาส์กโคลนที่เห็นกันบ่อย ๆ ในบ้านเราอาจจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นโคลนอยู่ในกระปุกหรือในซอง แต่หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า มาส์กโคลนที่มาในลักษณะผงก็มีนะคะ ซึ่งแบบไหนมีข้อดีในการใช้แตกต่างกันไปดังนี้ค่ะ

มาส์กแบบนี้ส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์จะมาในกระปุกหรือถุงที่บรรจุโคลนที่ทำให้แห้งเป็นผงแล้ว สามารถเก็บไว้ได้นาน และถือว่าเป็นโคลนขั้นแอดวานซ์ที่เหมาะกับผู้ที่คุ้นชินกับการใช้มาส์กโคลนเป็นอย่างดี เพราะผู้ใช้ต้องทำการผสมโคลนกับน้ำหรือส่วนผสมอื่น ๆ เอง เพื่อให้ได้โคลนพอกหน้าด้วยตัวเอง หรือที่เรียกว่า มาส์กโคลนแบบโฮมเมด อาจจะฟังดูยุ่งยากนิดหน่อย แต่ข้อดีก็คือ เราสามารถควบคุมทั้งความเข้มข้น และส่วนผสมที่ต้องการเพื่อให้ได้มาส์กที่เข้ากับสภาพผิวของเราในวันนั้น ๆ ที่สุดได้ นอกจากจะได้ประโยชน์สูงสุดต่อตัวเราแล้ว ยังให้ความเพลิดเพลิน สนุกสนานไปกับการดูแลผิว ถือเป็นกิจกรรมเพื่อการผ่อนคลายอีกแบบเวลาอยู่บ้าน อีกทั้งสามารถแชร์กับเพื่อนร่วมห้องก็ได้แม้จะมีลักษณะผิวที่แตกต่างกันค่ะ

ถือเป็นมาส์กโคลนที่เราคุ้นเคยกันดี มักจะมาในรูปแบบกระปุกหรือแบบซอง สำหรับคนที่เริ่มใช้ใหม่ ๆ แนะนำให้ใช้มาส์กโคลนแบบนี้เลยค่ะ ผลิตภัณฑ์จะมีทั้งส่วนผสมของโคลนและส่วนผสมบำรุงผิวอื่น ๆ ผสมมาให้เรียบร้อย เน้นความสะดวกสบายในการใช้และง่ายในการพกพา เพราะเปิดกระปุกมาก็สามารถใช้ได้เลย เพียงแค่ต้องเลือกสูตรที่เข้ากับผิวของเราเท่านั้นเอง ในปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์ในเลือกมากมาย รับรองว่าคุณจะหาสูตรที่เหมาะกับตัวเองได้ไม่ยากเลยค่ะ ถ้ามีงบประมาณก็อาจจะเลือกมาหลาย ๆ สูตรเพื่อให้เหมาะกับผิวแต่ละวัน หรือแบ่งใช้ตามโซนของผิวหน้าก็ได้ ส่วนเรื่องการใช้มาส์กโคลนแบบแบ่งโซนบนใบหน้า เราได้แนะนำไว้ที่ท้ายบทความ อย่าลืมติดตามอ่านกันไปจนจบเลยนะคะ

ตามที่เกริ่นไปว่า มาส์กโคลนนั้นมีส่วนผสมที่มาจากโคลนหลายชนิดทั่วโลก โดยแต่ละผลิตภัณฑ์ก็เลือกใช้ชนิดโคลนที่แตกต่างกันไป หัวข้อนี้เราจะมาแนะนำโคลนชนิดที่เรากันเห็นบ่อย ๆ ที่มักถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมหลักของมาส์กโคลนว่า โคลนแต่ละชนิดมีข้อแตกต่างอย่างไร

Bentonite (เบนโทไนท์) เป็นโคลนจากดินภูเขาไฟ เรียกว่าเป็นโคลนที่มีความเก่าแก่และมีความดิบมากที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นชนิดของโคลนที่เห็นบ่อยที่สุดในผลิตภัณฑ์ประเภทมาส์กโคลนในทุกระดับราคา มีความสามารถที่หลากหลาย เริ่มจากการดีท็อกซ์และรักษาผิว เมื่อผสมกับส่วนผสมที่เป็นน้ำจะเกิดประจุไฟฟ้าอ่อน ๆ จึงสามารถดูดซับน้ำมัน (Sebum) สิ่งสกปรก แบคทีเรียในชั้นผิวได้เป็นอย่างดี สำหรับคนที่ผิวค่อนข้างมันถึงมันมากและมีปัญหาเรื่องสิวและผิวอุดตัน จึงเหมาะกับการใช้มาส์กจากโคลนชนิดนี้ ในขณะเดียวกันคนที่มีผิวแห้งหรือผิวระคายเคืองง่ายอาจจะต้องระวังในการใช้ เพราะอาจจะดึงความชุ่มชื้นของผิวมากจนเกินไป และอุปกรณ์ที่ใช้ผสมหรือทาก็ไม่ควรทำจากเหล็ก เพราะจะทำให้มาส์กสูญเสียคุณสมบัติสำคัญในการดูดซับไปค่ะ

Kaolin Clay อ่านว่า คาโอลินหรือเคโอลิน บางครั้งอาจจะถูกเรียกว่า White Clay หรือ China Clay เป็นโคลนที่มีสีขาวเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งโดยทั่วไปสียิ่งขาวเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีความบริสุทธิ์ของโคลนมากเท่านั้น แต่หากมีแร่ธาตุอื่น ๆ ผสมอยู่ด้วย สีของ Kaolin ก็จะเปลี่ยนไปได้ เช่น สีชมพู สีเขียวอ่อน เป็นต้น มีลักษณะเนื้อโคลนที่นิ่มและมีความอ่อนโยนต่อผิวมากที่สุดในบรรดาโคลนทั้งหลาย มีส่วนช่วยลดการเกิดสิวและกระชับรูขุมขน อีกทั้งยังช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนได้ แต่โคลนจะไม่ดึงน้ำมันออกจากชั้นผิวมากเท่าโคลนชนิดอื่น ๆ จึงเหมาะกับการใช้กับผิวแห้ง ผิวผสม หรือผิวที่แพ้ง่ายอีกด้วย

Green Clay หรือบางทีจะรู้จักในนามของ Illite, French Green Clay หรือ Sea Clay เป็นโคลนที่พบได้ตามก้นทะเล ซึ่งแน่นอนว่าเนื้อโคลนจะอุดมไปด้วยแร่ธาตุหลากหลายชนิด เรียกว่ามากที่สุดในบรรดาโคลนต่าง ๆ จึงได้รับความนิยมค่อนข้างมาก ยิ่งเนื้อโคลนมีสีเขียวเข้มเท่าไหร่ยิ่งเป็นสัญญาณว่ามีความเข้มข้นของแร่ธาตุมากเท่านั้น นอกจากควบคุมความมันแล้ว ยังมีส่วนช่วยให้ผิวหนังกระชับขึ้นได้ด้วย ส่วนเรื่องความอ่อนโยนต่อผิวจะอยู่ตรงกลางระหว่าง Bentonite กับ Kaolin หากต้องการเพิ่มความอ่อนโยนต่อผิวก็ให้หาสูตรที่มี Kaolin ผสมอยู่ด้วยค่ะ

นอกจากโคลนชนิดหลัก ๆ ที่เราได้แนะนำไปแล้ว ยังมีโคลนอีกมากมายหลายชนิดที่แม้เราจะไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ แต่บางผลิตภัณฑ์ก็เลือกนำมาใช้หรืออาจนำมาผสมกันไปกับโคลนชนิดหลัก ๆ อย่างเช่น โคลน Rhassoul Clay เป็นโคลนที่พบในประเทศโมรอคโค สามารถใช้ได้กับผิวหน้าและเส้นผม โคลน Fuller’s Earth Clay เป็นโคลนธรรมชาติที่ดูดซับน้ำมันได้ดีเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีโคลนที่มีชื่อแบ่งตามสีอย่างโคลนสีเหลือง โคลนสีฟ้า เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เข้าใจคุณสมบัติของโคลนแต่ละชนิดใช้เป็นส่วนผสม อย่าลืมอ่านคำอธิบายผลิตภัณฑ์ที่ระบุไว้ข้างกล่องหรือสอบถามจากผู้จัดจำหน่ายกันด้วยนะคะ

มาส์กโคลนจะเป็นประโยชน์ต่อผิวมากขึ้นหากใช้ส่วนผสมในการบำรุงผิวอื่น ๆ เพิ่มเข้ามา ซึ่งจุดนี้ความต้องการของผิวแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป แอบกระซิบว่าคนที่อยากผสมมาส์กโคลนใช้เองก็สามารถดัดแปลงส่วนผสมตามนี้ได้นะคะ โดยเราขอสรุปตัวอย่างของส่วนผสมที่น่าสนใจให้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ


  • ส่วนผสมเพิ่มความชุ่มชื้นผิว : น้ำผึ้ง, อะโวคาโด, กลีเซอรีน, กรดไฮยาลูรอนิค, น้ำมันจากธรรมชาติ
    • ส่วนผสมลดความมันบนผิว : Witch Hazel, Apple Cider Vinegar, น้ำมะนาว
      • ส่วนผสมดูแลปัญหาสิว : Tea Tree Oil, Lavender Oil
      • ส่วนผสมช่วยปลอบประโลมผิว : สารสกัดดอก Chamomile, ว่านหางจระเข้

ส่วนผสมที่ควรระวังก็มีเช่นกันอย่างเช่น คนที่แพ้สารกันเสียประเภทพาราเบน ก็ควรหลีกเลี่ยงสูตรที่มีพาราเบนผสมอยู่ แต่ก็ต้องระลึกไว้ว่ามาส์กโคลนที่ไม่มีสารกันเสียก็จะเสื่อมสภาพได้ไว โดยทั่วไปเราควรใช้มาส์กให้หมดภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน หรือตามที่แบรนด์กำหนดค่ะ สำหรับคนที่แพ้น้ำหอมก็อาจจะเลือกสูตรที่ใช้กลิ่นหอมจากพืชพันธุ์ธรรมชาติแทนที่จะใช้กลิ่นสังเคราะห์ เท่านี้ก็จะได้ความผ่อนคลายในการใช้มากขึ้น โดยไม่เสี่ยงกับการระคายเคืองค่ะ

อาจจะไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญมากนัก เพราะสาว ๆ หลายคนก็มักจะใช้นิ้วมือในการทามาส์กโคลนกันอยู่แล้ว แต่ถ้ามีอุปกรณ์ในการทามาส์กมาให้ด้วยก็จะเพิ่มความสะดวกในการใช้มากขึ้น เพิ่มความสม่ำเสมอของปริมาณมาส์กที่ทา ลดความยุ่งยากในการทำความสะอาด และวัสดุของอุปกรณ์ในการทาที่แบรนด์ให้มาก็จะเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์มาส์กโคลนตัวนั้น ๆ ที่สุด ซึ่งอาจจะเป็นไม้พายหรือว่าแปรงก็ได้ค่ะ


ส่วนคนที่ผสมมาส์กโคลนเอง แนะนำให้ใช้ภาชนะกับช้อนหรือไม้พายที่เป็นเซรามิกหรือไม้ เวลาทามาส์กก็ใช้ช้อนหรือไม้พายนั้น ๆ ได้เลย ห้ามใช้อุปกรณ์ที่เป็นโลหะเพราะอาจจะทำให้ประจุไฟฟ้าที่เป็นประโยชน์ในมาส์กเสื่อมลงไปได้ค่ะ

และแล้วก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย ผลิตภัณฑ์มาส์กโคลนแจ่ม ๆ ที่เขาว่าน่าซื้อหามาลองใช้ เราได้รวบรวมมาไว้ให้สาว ๆ ตรงนี้แล้วค่ะ ไปชม 10 อันดับสินค้าของเรากันได้เลย หวังว่าจะช่วยลดเวลาในการตามหามาส์กโคลนให้ทุกคนได้นะคะ

โคลนจากฝั่งญี่ปุ่นแบรนด์ Tsururi เป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นในด้านการดูแลรูขุมขนค่ะ โดยโคลนสูตรนี้จะมีความเป็นสครับอยู่ด้วย จึงเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาดสิ่งสกปรกในรูขุมขนรวมไปถึงสิวเสี้ยนที่ต้นตอ เพื่อผลัดผิวให้หน้าใสและรูขุมขนที่กระชับมากขึ้น เนื้อโคลนประกอบด้วย Kaolin และโคลนแดงจากหินลาวาของโมรอคโค นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมช่วยเรื่องความชุ่มชื้นของผิวอย่างกรดไฮยาลูรอนิค, น้ำผึ้ง, รอยัลเจลลี่, สารสกัด Propolis พร้อมกลิ่นหอมแบบสปาที่ผ่อนคลายค่ะ

สำหรับคนที่อยากใช้มาส์กแบบผงแต่ต้องการสูตรที่อ่อนโยนหน่อย เราขอแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ เพราะทำมาจาก Cambrian Blue Clay ซึ่งเป็นโคลนในตระกูล Illite ที่อุดมด้วยวิตามินแร่ธาตุและ Kaolin ที่มีความอ่อนโยนแล้ว แบรนด์นี้ขึ้นชื่อเรื่องส่วนผสมออร์แกนิกที่ไร้สารเคมี ปราศจากส่วนผสมที่อาจทำร้ายผิว ยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจได้อีกระดับ แม้ว่าสาว ๆ บางคนจะยังผสมมาส์กเองไม่เก่งเท่าไรนัก ผู้ใช้หลายคนคอนเฟิร์มว่าหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลาขึ้น แต่ไม่เกิดความแห้งกร้าน และให้ความรู้สึกนุ่มกว่าค่ะ

มาส์กโคลนตัวดังอีกตัวหนึ่งที่สาว ๆ หลายคนชื่นชอบ ซึ่งไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้นที่ดูโดดเด่นเท่านั้น แต่ก็มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน ด้วย Kaolin ที่อ่อนโยน รวมกำลังกับวิตามินซีและกรดจากผลไม้ 7 ชนิด เพิ่มความเปล่งปลั่งสดใสให้ใบหน้า นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมบำรุงผิวดี ๆ มากมายจากแดนอาทิตย์อุทัยตามสไตล์ของ Tatcha เช่น Beautyberry ถือว่าเป็นมาส์กโคลนที่เป็น Anti - Aging ช่วยต่อต้านริ้วรอย มาพร้อมช้อนตักที่ช่วยลดความสกปรกที่อาจจะเข้าไปอยู่ในมาส์กได้ค่ะ

อีหนึ่งมาส์กขายดีที่โดดเด่นเรื่องการกระชับรูขุมขนและทำให้ผิวหน้าผ่องใส แม้ว่าจะเป็นแบรนด์หน้าใหม่ แต่ผลิตภัณฑ์มาส์กตัวนี้ก็ได้สร้างชื่อให้แบรนด์เป็นอย่างมาก มีส่วนผสมเป็น Kaolin จากออสเตรเลียเป็นหลัก ผสมกับ Bentonite สารบำรุงผิว และสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติอีกนับไม่ถ้วน พร้อมกับวิตามิน A และ E ที่ช่วยเพิ่มความสดใสและชุ่มชื้นให้ผิวหน้า ผลลัพธ์ที่ได้จากมาส์กคือ นอกจากการได้ดีท็อกซ์และปรับสมดุลให้ผิวหน้าแล้ว รูขุมขนยังเล็กลงและกระชับมากขึ้น แถมยังมีแปรงทามาส์กน่าใช้มาให้ด้วยนะคะ

แบรนด์รักโลกอีกตัวที่ออกมาส์กโคลนมาให้เราลองใช้กันบ่อย ๆ โดยสูตรนี้เป็นสูตรโคลน Kaolin สีชมพูกุหลาบ ผสม Montmorillonite, Bentonite, Jojoba Beads ทำให้เป็นมาส์ก 2 in 1 เพราะทำหน้าที่เหมือนสครับนั่นเองค่ะ ด้านการบำรุงก็มาพร้อมน้ำมันสกัดจากพืชพันธุ์ธรรมชาติมากมาย และที่ขาดไม่ได้คือ สารสกัดจาก Willowherb พืชมหัศจรรย์ที่ช่วยปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนตามแบบฉบับของ Origins นอกจากนี้ มาส์กยังปราศจากพาราเบน คนผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้อย่างมั่นใจค่ะ

สำหรับมาส์กสูตรนี้ ถือเป็นมาส์กโคลน Kaolin ที่อ่อนโยน สามารถปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคืองและการอักเสบ เพราะมีคุณสมบัติ Anti-Bacteria ในขณะที่ช่วยดูดซับพร้อมทำความสะอาดผิวไปด้วยในเวลาเดียวกัน เป็นสูตรที่เหมาะสำหรับสาวที่มีปัญหาสิว ผด และหน้ามันมากค่ะ เนื้อมาส์กมีความเย็นสดชื่นช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายเมื่อทา มีส่วนผสมสำคัญที่ขึ้นชื่อเรื่องการช่วยปัญหาสิวอย่าง Tea Tree Oil นอกจากนี้ ยังมีประสิทธิภาพลดรอยด่างดำ เผยผิวกระจ่างใส อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ที่หาซื้อได้ง่ายในบ้านเราด้วยค่ะ

มาส์กแบรนด์คุ้นเคยที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ มีส่วนผสมของ Montmorillonite Clay ซึ่งเป็นโคลนตระกูล Bentonite ที่ค้นพบได้จากภูเขาไฟใต้ทะเล บวกกับ Kaolin และ Moroccan Lava Clay นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมของผงถ่าน ช่วยทำหน้าที่ทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก อีกทั้งอุดมไปด้วยแร่ธาตุช่วยดีท็อกซ์ผิวที่ได้รับผลกระทบจากมลภาวะในสภาพแวดล้อม หรือจากความเครียดให้กลับสู่สมดุล มีกลิ่นหอมสะอาด สาว ๆ ที่ใช้ต่างบอกว่า ผิวมันน้อยลงและมีคใบหน้ากระจ่างใสมากขึ้น

มาดูแบรนด์จากฝั่งอังกฤษอย่าง Pixi กันบ้าง สูตรนี้เนื้อมาส์กเป็นโคลนนิ่มแบบ Mud มีความอ่อนโยนต่อผิว จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว มีส่วนผสมที่จัดเต็มทั้งโคลน 3 ชนิด ได้แก่ Kaolin, Diatomaceous Earth (โคลนจากการย่อยสลายของสาหร่ายทะเล), Bentonite ซึ่งมีแร่ธาตุและเกลือที่ช่วยดีท็อกซ์ผิว พร้อมสารสกัดจากโสมและว่านหางจระเข้ เพื่อความสว่างและเนียนนุ่มของผิว ตบท้ายด้วยกรดไฮยาลูรอนิค มีกลิ่นหอมผ่อนคลาย แต่ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน จึงห้ามเก็บไว้นาน ๆ ควรให้ใช้หมดภายใน 4 - 6 สัปดาห์ค่ะ

มาส์กตัวดังจากแบรนด์เกาหลีที่มีการผสมเอาโคลน Kaolin และ Bentonite มาไว้ด้วยกัน โดยเป็นโคลนจากเถ้าถ่านภูเขาไฟใน Jeju ทำหน้าที่ปรับสภาพผิวให้เนียนนุ่ม พร้อมให้ความเย็นสบาย รู้สึกผ่อนคลายขณะใช้ ทั้งยังเป็นมาส์กที่เหมาะกับสภาพอากาศฝุ่นควันในตอนนี้มาก เพราะเนื้อโคลนช่วยทำความสะอาดรูขุมขนที่ฝุ่นละอองมักเข้าไปสะสมอยู่ได้อย่างหมดจด ส่งผลให้รูขุมขนกระชับขึ้นและดูเล็กลง มี AHA ช่วยเร่งการผลัดผิว แถมสูตรเนื้อโคลนที่ปรับใหม่ยังเพิ่มความชุ่มชื้นมากกว่าทำให้ผิวไม่แห้งกร้านเมื่อใช้ค่ะ

มาส์กสูตรนี้ใช้โคลน Umbrian Clay จากประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นโคลนในตระกูล Fuller's Earth ที่กว่าจะทำให้โคลนละเอียดและมีความบริสุทธิ์ระดับนี้ได้ต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ เป็นเวลาหลายปี เนื้อโคลนช่วยบำบัดผิว ลดการอักเสบและแบคทีเรีย ล้างความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้ แถมยังมี Sandalwood Oil, Chamomile และ Lavender Water ช่วยลดการระคายเคืองผิว ซึ่งสาวผิวมันส่วนใหญ่คอนเฟิร์มว่า มีผลในการลดสิวและความมันโดยไม่ทำให้หน้าแห้ง รู้สึกได้ว่าผิวอ่อนนุ่มและเรียบเนียนมากขึ้นค่ะ

มาส์กโคลนเป็นไอเทมดูแลผิวที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็มีข้อควรระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ การรู้ทริคและรักษากฎในการใช้งานจะยิ่งเพิ่มประสิทธิผลที่ได้จากผลิตภัณฑ์มากขึ้นนะคะ

การมาส์กหน้าด้วยมาส์กโคลนควรทำหลังจากที่เช็ดเครื่องสำอาง และทำความสะอาดผิวหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว มาส์กโคลนเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงที่ดีต่อผิวก็จริง แต่ก็ไม่ควรใช้ทุกวัน แนะนำให้ใช้แค่อาทิตย์ละ 1 - 2 ครั้งก็เพียงพอแล้วค่ะ ส่วนปริมาณในการทาอาจจะต่างกันไปตามแต่ผลิตภัณฑ์ แต่โดยทั่วไปก็ให้ทาบาง ๆ พอที่จะครอบคลุมผิวหน้า เพียงแค่นี้ส่วนผสมในมาส์กก็สามารถทำงานได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องโปะหนา ๆ เพราะจะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช้เหตุค่ะ


สำหรับการใช้แต่ละครั้ง ก็จะต้องรักษาระยะเวลาที่ควรทามาส์กทิ้งไว้ตามที่ทางแบรนด์ระบุอย่างเคร่งครัด ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 10 - 15 นาที ยิ่งคนที่ผิวบอบบางให้ทิ้งไว้ 5 -10 ก็เพียงพอแล้ว แต่สาว ๆ บางคนอาจจะกลัวไม่คุ้ม หรืออาจจะต้องการความสะใจแล้วปล่อยให้มาส์กโคลนแห้งจนลอกออกมาเอง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อใบหน้าเลย เพราะมาส์กอาจจะดึงเอาปราการผิวที่จำเป็นในการรักษาสุขภาพของผิวออกมาด้วยจนผิวเกิดการระคายเคืองได้


หลังจากใช้มาส์กเสร็จแล้ว ผิวก็อยู่ในสภาพที่ได้สมดุล พร้อมรับการปรนนิบัติผิวขั้นต่อไป แน่นอนว่าต้องบำรุงผิวตามขั้นตอนปกติ เพื่อเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวในทันทีด้วยนะคะ

ตามที่แนะนำเอาไว้ว่า คนที่ผิวบอบบางควรใช้โคลน Kaolin ส่วนคนที่ผิวมันก็อาจจะใช้ Bentonite หรือตัวอื่น ๆ ก็ได้ แต่ผิวหน้าของคนเรา 100 คนก็มีความแตกต่างของผิว 100 แบบ จะให้มาส์กตัวเดียวตอบรับความต้องการของผิวทุกจุดบนใบหน้าได้อย่างลงตัวนั้นคงเป็นไปได้ยาก ถ้าคุณเป็นคนที่ผิวมีความซับซ้อน การแบ่งโซนบนใบหน้าในการลงมาส์กก็เป็นทางออกที่ดีค่ะ


โซนของผิวหน้าที่มีมักความมันอย่างบริเวณหน้าผาก จมูก คาง หรือที่เรียกว่า T-Zone และบริเวณแก้มตรงใต้ตาที่มักมีรูขุมขนกว้าง ก็ควรลงมาส์กโคลนที่เน้นการดึงดูดน้ำมันและสิ่งสกปรกได้ดีหน่อย ส่วนบริเวณกรอบหน้า แก้มส่วนล่างที่ผิวมักแห้งกว่า ก็ควรเลือกสูตรที่ถนอมผิวมากขึ้นหรืออาจจะใช้มาส์กชนิดอื่นที่เน้นการให้ความชุ่มชื้นแทนก็ได้ บางคนอาจจะลงมาส์กโคลนแค่ตรงจมูกและหน้าผากอย่างเดียว ในขณะที่บางคนใช้มาส์ก 3 ชนิดในการมาส์กหน้าแต่ละครั้งเลยก็มีค่ะ ซึ่งวิธีเหล่านี้ไม่มีกำหนดตายตัว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญคือการเข้าใจความต้องการของผิวของตัวเองนั่นเองค่ะ

เป็นไปได้ว่าด้วยวิถีชีวิตที่รีบเร่ง ทำให้กิจกรรมในการบำรุงผิวหน้าอย่างการมาส์กหน้าด้วยการพอกโคลนนั้นดูเป็นเรื่องยุ่งยากและมักถูกมองข้ามไป ทำให้คนส่วนใหญ่เปลี่ยนมาเป็นการมาส์กหน้าแบบรวดเร็ว อย่างการใช้มาส์กแผ่นเข้ามาแทนที่มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่หากคุณใช้เวลาแค่อาทิตย์ละ 1 วัน ลองดูแลตัวเองอย่างพิถีพิถันดูแล้ว รับรองได้ว่าสาว ๆ จะต้องรู้สึกเพลิดเพลินและยิ่งสนุกสนานกับการประทินผิวมากขึ้น เหมือนกับเป็นการเพิ่มความสุนทรีย์ในการใช้ชีวิตอีกอย่าง โดยที่ไม่ต้องพึ่งการเข้าสปาให้เปลืองเงินในกระเป๋า อย่างไรก็ตาม หวังว่าสาว ๆ จะถูกใจกับข้อมูลที่เรานำมาฝากกันและได้ประโยชน์ในการเลือกซื้อมาส์กโคลนที่เหมาะกับตัวเองนะคะ