หลายครั้งที่การทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือแม้แต่ขณะที่เราอยู่ในบ้าน หลายคนต่างเคยประสบปัญหาการถูกแมลงขนาดเล็กกวนใจ อาจจะกัดหรือต่อยจนทำให้เกิดอาการปวดหรือมีอาการบาดเจ็บบริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบ้านที่มีเด็กเล็กหรือในกลุ่มผู้ที่แพ้พิษแมลงสัตว์กัดต่อยก็อาจมีอันตรายร้ายแรงถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อเลยก็ว่าได้ แต่พอจะใช้ยาฆ่าแมลงสักครั้งนึง ก็มีความกังวลในเรื่องสารพิษและผลกระทบต่อสุขภาพอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
และด้วยเหตุนี้เอง ทางทีมงานของเราจึงไม่พลาดที่จะส่งทางเลือกอย่าง "สเปรย์ไล่แมลง" มาเป็นตัวเลือกให้คุณค่ะ เพราะไม่เพียงแค่จะช่วยไล่แมลงได้เท่านั้นแต่ยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย แถมในตอนท้าย เรายังมาพร้อมอันดับสเปรย์ไล่แมลงที่ครองใจผู้ใช้จากหลากหลายแบรนด์ทั้ง Skin Vape, Soffell, Saratekuto, MUHI ฯลฯ แต่ก่อนที่เราจะได้สเปรย์ที่ถูกใจ ก็ต้องไปเริ่มออกสตาร์ทที่ข้อมูลและเทคนิคในการเลือกกันก่อนเลยค่ะ
วิธีการเลือกสเปรย์ไล่แมลงนั้น นับเป็นหัวข้อสำคัญที่ทุกคนให้ความสนใจ เนื่องจากชนิดของสารออกฤทธิ์ ความเข้มข้น รูปแบบสเปรย์และกลิ่นล้วนแล้วแต่จะส่งผลต่อผู้ใช้โดยตรง ทั้งในแง่ของการช่วยป้องกันแมลงตลอดจนสารเคมีบางชนิดในสเปรย์ก็อาจส่งผลข้างเคียงต่อผู้ใช้ได้
สำหรับส่วนผสมในสเปรย์ไล่แมลงที่วางจำหน่ายโดยทั่วไปนั้นสามารถพบได้หลากหลายชนิด แต่ส่วนผสมที่เรียกได้ว่าพบมากเป็นส่วนใหญ่นั่นก็คือ "DEET" และ "Pyrethrins" นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมจากสมุนไพร เพื่อใช้เป็นทางเลือกผลิตภัณฑ์ไร้สารเคมีสำหรับเด็กเล็กหรือผู้ที่มีอาการแพ้สารเคมีบางชนิดด้วยเช่นกัน
Diethyltoluamide (DEET) คือ ส่วนประกอบหลักที่สเปรย์ไล่แมลงส่วนใหญ่นิยมใช้ เนื่องจากมีค่าความเป็นพิษสูง มีประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์แบบเฉียบพลันซึ่งช่วยไล่แมลงได้ในทันที แน่นอนว่า เป็นข้อควรระวังที่ผู้ใช้ต้องคำนึงถึงเป็นพิเศษ เพราะแม้ว่าสารเคมีดังกล่าวอาจไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อผิวหนังมากนัก แต่ก็อาจทำให้เกิดการะคายเคืองต่อผิวหนัง ดวงตา หรือการสูดดม จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่องทางเดินหายใจส่วนบน และหากสะสมเป็นระยะเวลานานก็มีโอกาสที่จะทำให้เกิดอาการแพ้
ดังนั้นแล้ว สเปรย์ไล่แมลงที่มีสาร DEET จึงเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือน และผู้ที่มีอาการแพ้สารเคมี เพราะอาจส่งผลต่อเนื่องถึงขั้นไปกดระบบประสาทส่วนกลาง เกิดผิวหนังอักเสบและส่งผลต่อไต รวมไปถึงในผู้ที่ตั้งครรภ์นั้นอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ที่เสี่ยงต่อการพิการแต่กำเนิดได้
จากผลข้างเคียงของ DEET ตามที่ได้กล่าวไว้ ย่อมสร้างความกังวลให้ผู้ใช้พอสมควร แต่อย่างไรก็ดี ยังคงมีสารออกฤทธิ์อีกหนึ่งกลุ่มอย่าง Pyrethrins and PyrethroidInsecticides ที่สังเคราะห์โครงสร้างให้ใกล้เคียงกับสารสกัดธรรมชาติมากที่สุดโดยได้มาจากพืชตระกูลดอกเบญจมาศ มีทั้งชนิด Allethrin และ Cyfluthrin มีประสิทธิภาพสูง ออกฤทธิ์ต่อเซลล์ประสาทของแมลงอย่างรวดเร็ว แต่เป็นพิษต่ำต่อผู้ใช้ไว้ให้เป็นทางเลือกอีกด้วย
ICARIDIN นั้นถือเป็นสารทดแทน DEET ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำ เพราะนอกจากจะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังหรือดวงตาแล้ว ยังเป็นมิตรต่อคนรอบข้างเนื่องจากละอองสามารถกระจายตัวได้ดีไม่เป็นอันตรายต่อการสูดดม ไม่มีกลิ่นฉุน และระเหยออกจากผิวได้ช้ากว่าสารเคมีชนิดอื่นซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพในการไล่แมลงมีความยาวนานขึ้น
อีกทั้งยังสามารถฉีดพ่นลงบนเสื้อผ้าที่สวมใส่แทนการฉีดลงบนผิวหนังได้ โดย ICARIDIN สามารถระเหยได้หมดเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งและล้างออกได้ง่าย ทำให้สามารถซักทำความสะอาดได้โดยไม่มีสารเคมีดังกล่าวตกค้างอยู่บนเนื้อผ้า เรียกได้ว่าเป็นทางเลือกที่ช่วยคลายกังวลในเรื่องของความปลอดภัยได้มากพอสมควรเลยทีเดียว
นอกจากส่วนผสมจากสารเคมีอย่าง DEET และ ICARIDIN แล้ว ยังมีกลุ่มสเปรย์สมุนไพรทางเลือกที่ครองความน่าสนใจในเรื่องของความปลอดภัยมาเป็นอันดับต้น ๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นสารเคมีของสเปรย์ไล่แมลง และไม่เพียงแค่ปลอดภัยหายห่วงเท่านั้น แต่โดยส่วนใหญ่ยังมีกลิ่นหอมสดชื่น ซึ่งผลให้ผู้ใช้ผ่อนคลายไปในตัว
ทั้งนี้รูปแบบส่วนใหญ่ที่พบได้ คือ น้ำมันหอมระเหยจากใบยูคาลิปตัส ตะไคร้หอม ลาเวนเดอร์ สะระเหน่ ใบกานพลู ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพในการไล่แมลงนั้นถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับสารเคมีออกฤทธิ์แรง รวมถึงระยะเวลาการออกฤทธิ์ค่อนข้างน้อย ทำไม่เหมาะกับการใช้งานนอกสถานที่ เช่น การปิกนิก การท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติ หรือการเดินป่า เป็นต้น
ถึงแม้ว่าระยะเวลาการออกฤทธิ์จะแตกต่างกันไปตามที่มาของสารสกัด แต่การใช้ซ้ำอีกครั้งภายหลังการฉีดพ่น 1 ชั่วโมง ก็ยังคงถือว่าปลอดภัยไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้มากนัก นอกจากนี้ สเปรย์ไล่แมลงชนิดนี้ยังถือได้ว่าปลอดภัยต่อเด็กทารก ผู้ที่ตั้งครรภ์และผู้ที่มีอาการแพ้สารเคมีมากที่สุดอีกด้วย
อีกหนึ่งหัวข้อสำคัญที่ต้องย้ำเตือนผู้ใช้ให้พลิกอ่านฉลากผลิตภัณฑ์กันเลยก็ว่าได้ เนื่องจากความเข้มข้นของส่วนผสมนี้เองที่เป็นตัวบ่งชี้ว่าสเปรย์ตัวนี้มีประสิทธิภาพในการไล่แมลงได้มากน้อยแค่ไหน และในทางกลับกัน ก็เป็นข้อควรระวังว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้อย่างเรา ๆ มากแค่ไหนด้วย
ผู้ใช้ส่วนใหญ่มีจุดประสงค์เพื่อใช้สเปรย์ไล่แมลงในชีวิตประจำวัน แต่ความเข้มข้นที่มากขึ้นไม่ได้หมายถึงประสิทธิภาพที่สูงขึ้นแต่อย่างใด เพียงแค่บ่งบอกระยะเวลาที่ใช้ป้องกันแมลงเท่านั้น ฉะนั้น ความเข้มข้นของ DEET ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันจึงไม่ควรเกิน 10% หรือหากเป็น CARIDIN ที่ไม่เกิน 5% ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
ทั้งนี้ ปริมาณความเข้มข้นในระดับนี้ มีความสามารถป้องกันแมลงได้ประมาณ 2 ชั่วโมง และในส่วนนี้เอง นับเป็นข้อสังเกตที่เตือนให้เราระมัดระวังในการใช้ผลิตภัณฑ์ เพราะหากความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์มีมากเท่าไหร่ ระยะเวลาในการป้องกันก็จะเพิ่มมากเท่านั้น ซึ่งผลข้างเคียงก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
เมื่อเรามีความจำเป็นต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานหรือต้องออกนอกสถานที่ แนะให้เลือกใช้สเปรย์ไล่แมลงที่มีค่า DEET อยู่ในช่วง 15 - 30% และ CARIDIN ไม่เกิน 15% เพราะยิ่งมีความเข้มข้นสูง ก็จะยิ่งสามารถป้องกันตัวเองจากแมลงได้นานขึ้นรวมถึงยังเป็นความเข้มข้นที่ส่งผลต่อครอบคลุมชนิดของแมลงได้มากขึ้นอีกด้วย
ในขณะที่ DEET 20% ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 4 ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่าความเข้มข้นที่มากขึ้นนั้นแม้จะส่งผลต่อแมลงรวดเร็วและยาวนานขึ้นอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม แต่ก็ต้องแลกมากับผลข้างเคียงที่ผู้ใช้บางรายไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เช่น ผื่นแดง ลมพิษ คลื่นไส้ หรืออาการปากชา มีนงง เป็นต้น ดังนั้น ขอแนะนำให้เลือกใช้เฉพาะกรณีหรือตามความจำเป็นเท่านั้น
สำหรับชนิดของสเปรย์ที่เราพบได้ทั่วไป หลัก ๆ จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ ประเภทละอองน้ำ และ ประเภทละอองลอย โดยทั้ง 2 ชนิดมีความสามารถในการกระจายตัวที่แตกต่างกัน การเลือกใช้จึงขึ้นอยู่กับจุดประสงค์และสภาพแวดล้อมที่ใช้งานเป็นสำคัญ
สำหรับประเภทละอองน้ำ ถือเป็นรูปแบบที่พบได้มากในสเปรย์ไล่แมลงชนิดสมุนไพรหรือชนิดที่มี CARIDIN เนื่องจากมีคุณสมบัติเป็นละอองของเหลวที่กระจายตัวได้เฉพาะจุด โดยหากต้องการฉีดพ่นเป็นบริเวณกว้างอาจต้องใช้เวลาสักระยะ ซึ่งสเปรย์ประเภทนี้จัดได้ว่าเป็นข้อได้เปรียบของผู้ที่ต้องการพกพาออกไปใช้งานนอกสถานที่นั่นเอง
ทั้งนี้ยังเป็นประเภทที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากการสูดดมต่ำ และมีปริมาณที่จะเกาะติดตามเสื้อผ้าน้อย แต่ด้วยความที่เป็นสเปรย์ฉีดพ่นระยะใกล้ จึงมีโอกาสที่ละอองจะกระจายเลอะมือขณะใช้งานได้
สเปรย์ละอองลอยเป็นลักษณะที่พบได้ทั่วไปในสเปรย์ไล่แมลง ยาฆ่าแมลง ยาดับกลิ่น หรือสีสเปรย์ ใช้งานง่ายเพียงกดหัวฉีดค้างไว้เพื่อให้สารผลักดัน (Propellant) ดันให้ของเหลวปรากฎอนุภาคเป็นหยดละอองที่มีความละเอียดคล้ายหมอกออกมา โดยสามารถแพร่กระจายได้ง่ายและกระจายตัวได้ในบริเวณกว้าง
เนื่องจากเป็นภาชนะที่บรรจุแก๊สแรงดันสูงเอาไว้ ทำให้ผู้ใช้ต้องตระหนักถึงขั้นตอนการใช้งานและการเก็บรักษาอย่างเคร่งครัด และยังมีข้อแนะนำว่า หลังจากฉีดแล้วควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีการฉีดพ่นเพราะละอองที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศนั้นมีโอกาสที่สารออกฤทธิ์จะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางปากและจมูกได้
ในปัจจุบัน สเปรย์ไล่แมลงที่มีส่วนผสมของ DEET โดยส่วนใหญ่ ผู้ผลิตจะนิยมแต่งกลิ่นเพื่อให้มีความหอมน่าใช้งาน ทั้งยังเป็นการกลบกลิ่นไม่พึงประสงค์ของสารออกฤทธิ์ไปในตัว นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์ไร้กลิ่นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การใช้ผลิตภัณฑ์ไร้กลิ่นนั้นทำให้ผู้ใช้บางรายเกิดความเข้าใจผิดว่า การที่ผลิตภัณฑ์นั้นไม่มีกลิ่นใด ๆ จึงไม่เป็นอันตราย ทั้งที่จริงแล้วหากสูดดมเข้าไปก็อาจมีสารเคมีที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้เช่นเดียวกัน
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ CARIDIN มักเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีกลิ่นฉุนและสามารถระเหยไปเองได้หลังจากเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง แต่ถ้าเป็นสเปรย์ที่ทำจากสมุนไพรแล้วล่ะก็ มักจะมีกลิ่นตามธรรมชาติหรือกลิ่นเฉพาะของส่วนผสมนั้น ๆ ที่อาจมีกลิ่นฉุนและสามารถติดผิวคุณไปตลอดวันได้ ดังนั้น การเลือกกลิ่นที่ไม่รบกวนเราจนเกินไป ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกเช่นกัน
เริ่มต้นกันด้วยสเปรย์ไล่แมลงแบบละอองน้ำ ที่ทั้ง 5 อันดับต่างก็มาพร้อมคุณสมบัติที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพและถูกใจมากแค่ไหนนั้น ไปดูกันเลยค่ะ !
สำหรับสเปรย์อ่อนโยนต่อผิวจากญี่ปุ่นตัวนี้ เรียกได้ว่า ถูกอกถูกใจผู้ใช้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่มากทีเดียว ด้วยเอกลักษณ์ที่แม้จะมีเอทิลแอลกอฮอล์ซึงจะส่งผลให้ผิวแห้ง แต่กลับมีการเพิ่มส่วนผสมจากไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) เข้าไปเพื่อช่วยบำรุงผิวไปพร้อม ๆ กับการไล่แมลง อ่อนโยน และปราศจากสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ สามารถป้องกันได้ยาวนานถึง 7 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีหัวล็อกสเปรย์เพื่อช่วยป้องกันอันตรายที่เด็ก ๆ อาจเผลอไปเล่นให้ด้วย
สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องของกลิ่นหรือไวต่อสารเคมีแล้วล่ะก็ ต้องห้ามพลาดสเปรย์จาก Pureen ที่ใช้ IR3535 ซึ่งเป็นสารชีวสังเคราะห์มาไล่แมลงทดแทนสาร DEET ไม่มีผลข้างเคียงและถือได้ว่าเป็นอันตรายต่อมนุษย์น้อยมาก โดยมีประสิทธิภาพรองลงมาจาก DEET และ Icaridin แต่ไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนัง ปกป้องนาน 2 - 4 ชั่วโมง กลิ่นไม่ฉุนและมีความหอมแบบอ่อนโยน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นทีเดียว
ถือได้ว่าโดดเด่นจริง ๆ กับสเปรย์สกัดจากธรรมชาติแท้ 100% ของสกีโทลีน ที่มีส่วนผสมของตะไคร้หอมและน้ำมันยูคาลิปตัส ช่วยไล่ยุงได้ยาวนานถึง 7 ชั่วโมง สเปรย์มีความใสไม่เหนียวเนอะหนะ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย สามารถใช้ได้กับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม สเปรย์ตัวนี้ยังมีข้อควรระวังที่ห้ามฉีดพ่นบนเนื้อผ้าไนลอน ผ้าโพลีเอสเตอร์และผ้าฝ้าย รวมถึงไม่เหมาะกับการใช้ในผู้ที่ตั้งครรภ์นั่นเอง
มาที่สเปรย์มีคุณสมบัติกันน้ำดีเยี่ยมกันบ้างกับ INSECT BLOCK 95 ที่ช่วยไล่แมลงได้หลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นยุง, ยุงก้นปล่อง, คุ่น, ทาก, ริ้นดำ ฯลฯ และยังช่วยปกป้องได้ยาวนานถึง 7 ชั่วโมง ถือเป็นผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบมาเผื่อกิจกรรมแอดเวนเจอร์เลยก็ว่าได้ แต่เนื่องจากส่วนผสมของ DEET ที่มีความเข้มข้นสูงมาก จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่เด็กและผู้ที่มีผิวบอบบางหรือรายที่มีอาการแพ้สารเคมีควรหลีกเลี่ยง
มาถึงอันดับ 1 ครองใจผู้ใช้ที่ไม่ว่าใครก็คงคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดีกับ Soffell กลิ่นฟลอร่าที่มีประสิทธิภาพไล่ยุงและแมลงได้อย่างดีเยี่ยม มีกลิ่นหอม มีขนาดเล็กกะทัดรัดง่ายต่อการพกพาไปใช้นอกสถานที่ ช่วยปกป้องเราจากแมลงได้นานสูงสุดถึง 7 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีมอยส์เจอไรเซอร์เป็นส่วนประกอบซึ่งช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังในขณะที่ใช้สเปรย์ไล่ยุงไปในตัวอีกด้วย ทั้งนี้ยังคงมีข้อควรระวังที่ห้ามใช้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 4 ปี
ต่อเนื่องกันเลยกับสเปรย์ไล่แมลงแบบละอองลอย ที่เรียกได้ว่า 5 อับดับต่อไปนี้ ต่างก็พกพาประสิทธิภาพและจุดเด่นกันมาอย่างเต็มที่ ซึ่งจะน่าซื้อน่าใช้แค่ไหนนั้นไปดูพร้อม ๆ กันเลย
จัดเต็มคุณภาพกันไปเลยกับสเปรย์แป้งสูตรอ่อนโยนจากญี่ปุ่น ที่ไม่ใช้สารเติมแต่งใด ๆ ไร้กลิ่น และผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ระคายเคืองต่อผิว ปลอดภัยต่อผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เนื้อสเปรย์แห้งเร็วไม่เนียวเนอะหนะ สามารถไล่แมลงได้ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมง รวมไปถึงมีการออกแบบหัวฉีดแบบ 3 รู ซึ่งช่วยให้การฉีดพ่นกระจายตัวได้ทั่วถึงมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้สามารถใช้ได้ในเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์สารสกัดธรรมชาติที่ไม่ควรพลาดจริง ๆ กับสเปรย์ปลอดสาร DEET จากตราเสือซึ่งผลิตขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ มีส่วนผสมของน้ำมันยูคาลิปตัสและน้ำมันตะไคร้หอม ซึ่งให้กลิ่นหอมผ่อนคลายตามธรรมชาติและติดทนนานมากกว่าสเปรย์ทั่วไป นอกจากนี้ ยังมีประสิทธิภาพในการไล่ยุงต่อเนื่องนานกว่า 3 ชั่วโมง สามารถฉีดลงบนผิวหนังและเสื้อผ้าโดยตรงได้ โดยฉีดให้มีระยะห่างประมาณ 15 ซม.
ติดอันดับกันต่อเนื่องสำหรับสเปรย์ไล่แมลงจากประเทศญี่ปุ่น ที่ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ เนื้อสเปรย์แห้งเร็วให้ความรู้สึกเย็นสบาย มีส่วนผสมของไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) และน้ำมันโจโจ้บา (Jojoba Oil) ซึ่งเป็นจุดเด่นสำคัญที่ช่วยให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้นมากขึ้นนั่นเอง แต่ข้อควรระวังที่ห้ามฉีดต่อเนื่องเกิน 70 วินาที เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือส่งผลข้างเคียงต่อผิวหนังได้
สำหรับมูฮิส สเปรย์สูตรอ่อนโยนจากประเทศญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยการผสมแป้งทำให้ไม่เหนียวเนอะหนะ รวมถึงสามารถใช้เป็นจุดสังเกตสารตกค้างบนเสื้อผ้าได้อีกด้วย ใช้ได้กับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป สามารถออกฤทธิ์ได้นาน 4 - 6 ชั่วโมง โดยควรฉีดให้ห่างจากผิวหนังหรือเสื้อผ้าอย่างน้อย 10 - 15 ซม. อย่างไรก็ตาม ไม่ควรฉีดเข้าบริเวณหน้าและลำคอโดยตรง แนะนำเป็นการฉีดลงฝ่ามือแล้วทาตามบริเวณที่ต้องการแทนค่ะ
และแล้วก็มาถึงผลิตภัณฑ์คุณภาพจาก SC Johnson ที่คว้าอันดับที่ 1 ไปครองได้สำเร็จ โดยแม้จะมีราคาสูงกว่ายี่ห้ออื่นไปบ้าง แต่ก็ขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพการไล่แมลงได้ทันใจ สามารถออกฤทธิ์ได้ยาวนานกว่า 6 ชั่วโมง กลิ่นไม่ฉุนและมีกลิ่นหอมของส้มอ่อน เหมาะกับทุกสถานการณ์โดยเฉพาะกิจกรรมการเดินป่าหรือการตั้งแคมป์ แต่เนื่องจากตัวสเปรย์มีปริมาณ DEET ค่อนข้างสูง จึงมีข้อควรระวังที่ต้องหลีกเลี่ยงบริเวณดวงตาและห้ามฉีดลงใบหน้าโดยตรง
จากอันดับสเปรย์ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า แต่ละผลิตภัณฑ์ต่างก็มีความโดดเด่นในประสิทธิภาพที่ชวนให้เลือกซื้อมาไว้ใช้งานกันจริง ๆ แต่สิ่งที่มากไปกว่าคะแนนความนิยมก็คือ การเลือกคุณสมบัติของสเปรย์ที่ต้องตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันของเราควบคู่ไปกับความปลอดภัยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วย
เพราะถึงแม้สเปรย์ไล่แมลงจะมีความเสี่ยงต่ำกว่ายาฆ่าแมลงก็ตามที ผู้ใช้ก็ยังจำเป็นที่จะต้องตระหนักถึงอันตรายของสารเคมี ด้วยการทบทวนและปฏิบัติตามคำแนะนำของฉลากผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันตัวเองและช่วยให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดนั่นเอง