เมื่อพูดถึงการแต่งหน้าในยุคนี้ คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ลิปสติกประเภทลิควิดนั้นได้กลายเป็นไอเทมยอดนิยมในหมู่สาว ๆ ทั่วโลกไม่น้อยไปกว่าลิปสติกแท่งแบบดั้งเดิมเลย ซึ่งสาวไทยส่วนใหญ่ก็คงคุ้นเคยกันดีในชื่อที่เรียกง่าย ๆ ว่า " ลิปจิ้มจุ่ม " นี่เองค่ะ ซึ่งลิปจิ้มจุ่มที่ว่านี้ จะมาในรูปแบบหลอดพร้อมกับแปรงในตัว ทำให้สะดวกต่อการทาและเกลี่ยเนื้อผลิตภัณฑ์ลงบนริมฝีปากได้อย่างง่ายดายขึ้น และจุดเด่นสำคัญ คือ เป็นเนื้อลิปแบบเหลวที่เน้นความบางเบา แต่จะมีปริมาณเม็ดสีที่เข้มข้นและติดทนค่อนข้างยาวนาน
ปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเดินไปส่องเคาน์เตอร์แบรนด์ใด ก็ล้วนแต่มีลิปจิ้มจุ่มออกมาวางจำหน่ายทั้งนั้นและยังได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ใครเป็นมือใหม่ที่ไม่เคยลองใช้ลิปจิ้มจุ่มมาก่อนหรือมือเก่าที่อยากได้ลิปจิ้มจุ่มไปใช้งานอีกสักสองสามแท่ง ในครั้งนี้เรามีข้อมูลดี ๆ มาฝากกันเกี่ยวกับ วิธีการเลือกลิปจิ้มจุ่ม แถมในตอนท้ายเรายังมี 10 อันดับ ลิปจิ้มจุ่ม ที่น่าสนใจมาให้ทุกคนได้ดูเป็นแนวทางอีกด้วยค่ะ !
การเลือกลิปจิ้มจุ่มสักแท่งมาไว้ใช้งานนั้น ใช่ว่าจะเลือกแบบไหนก็ได้หรือแค่หยิบสีที่ชอบก็พอนะคะ เพราะหากเนื้อของลิปไม่เหมาะกับสภาพริมฝีปากของตัวเอง หรือไม่เข้ากับลุคที่เราต้องการ ความสวยปังก็จะกลายเป็นความพังได้เลยล่ะค่ะ ! ฉะนั้น เราไปทำความเข้าใจวิธีการเลือกลิปจิ้มจุ่มให้ถูกต้องกันก่อนดีกว่า
อันดับแรกเลยคุณต้องรู้ก่อนว่า ตัวเองอยากได้ Finish Look แบบไหนในวันนั้นหรือโอกาสนั้น ๆ เพราะลิปสติกแต่ละเนื้อก็จะให้ Finish Look และ Feeling ที่ได้ออกมาไม่เหมือนกันด้วย
"เนื้อแมตต์" เป็นลิปที่ได้รับการการันตีจากบรรดา Beauty Bloggers และสาว ๆ ที่ใช้ลิปแบบลิควิดจากทั่วโลกแล้วว่า เป็นลิปที่เลอค่าในด้านของเม็ดสีที่แน่นที่สุด สามารถกลบสีปากเดิมได้อย่างมิดชิด ด้วยความที่มีเนื้อแบบแห้งด้าน จึงให้ลุคที่ดูเป็นสาวมั่น สตรองและเซ็กซี่ไปด้วยในเวลาเดียวกัน ที่สำคัญ เนื้อแมตต์เมื่ออยู่ในรูปแบบลิปจิ้มจุ่มแล้วจะสามารถเก็บรายละเอียดเพื่อสร้างกรอบริมฝีปากได้ง่าย จึงใช้ทาและสร้างความเด่นชัดให้กรอบปากได้ดีทีเดียวค่ะ
เนื้อครีม เป็นลิปที่มีเม็ดสีชัดเจน สีสดใสสวยงามเช่นเดียวกับลิปเนื้อแมตต์ แต่จะให้สัมผัสที่เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น และมอบฟินิชลุคที่ดูแวววาวมากกว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบเรื่องระดับความติดทนกับเนื้อแมตต์แล้ว แบบครีมอาจจะสู้ไม่ได้นัก เพราะมักจะหลุดลอกออกง่ายเมื่อดื่มน้ำทานอาหาร แต่ด้วยความที่เป็นเนื้อครีมจึงมีความนุ่มลื่นกว่า เกลี่ยง่าย ไม่แห้งไวเท่าเนื้อแมตต์ สามารถเติมในระหว่างวันได้สบาย ๆ ค่ะ
ลิปเนื้อเชียร์หรือเนื้อซาตินจะคล้ายกับแบบเนื้อครีม คือ ให้ลุคที่แวววาว ดูปากฉ่ำ ๆ แบบมีสุขภาพดี ไม่แห้งด้านแบบเนื้อแมตต์ แต่ถ้าเทียบกับเนื้อครีมแล้ว ทั้งเชียร์และซาตินจะให้ความฉ่ำวาวมากขึ้นไปอีกระดับเลยล่ะค่ะ เพราะลิปสติกประเภทนี้จะมีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากมากกว่า โดยเฉพาะส่วนผสมของน้ำมัน จึงเหมาะกับสาว ๆ ที่มีริมฝีปากแห้งเป็นอย่างมาก
ฟินิชลุคแบบ ทินท์หรือกลอส จะเน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่เน้นการแต่งหน้าแบบจัดหนักจัดเต็ม เพราะเนื้อลิปจะมีความบางเบา เหมือนเป็นตัวที่เคลือบริมฝีปากไว้ ซึ่งอาจให้ความรู้สึกเหนียวและไม่สบายริมฝีปากเท่าไหร่ แต่จะให้ความฉ่ำวาวสูงมาก บางรุ่นก็จะแทรกด้วยกลิตเตอร์เป็นประกายแบบ Glossy เพื่อริมฝีปากที่ดูมีสุขภาพดี พร้อมกับสีสันให้เลือกมากมายตั้งแต่สีปากแดงแปร๊ดไปจนถึงสีอ่อนแบบลุคใส ๆ วัยรุ่นชอบ จึงเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียนนักศึกษาและสาววัยทำงานที่ไม่ชอบแต่งหน้าจัด ที่สำคัญก็คือ โดยส่วนใหญ่แล้วลิปทินท์หรือกลอสจะ มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยในการบำรุงริมฝีปาก ด้วยค่ะ
ในปัจจุบัน ลิปสติกนั้นมีเฉดสีให้เลือกมากมาย ไม่ใช่แค่สีเบสิกแบบส้ม ชมพู แดงเหมือนแต่ก่อนอีกแล้วนะคะ และว่ากันว่า เพียงแค่เฉดเดียวอย่างสีส้มนั้นก็มีส้มในแบบที่ต่างกันไปมากกว่า 100 เฉดสีเลยทีเดียวค่ะ ดังนั้น การจะเลือกลิปสติกให้เหมาะสมสำหรับสาว ๆ คงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไปค่ะ เพราะเคล็ดลับการเลือกเฉดสีลิปสติกนั้นอันที่จริงแล้วง่ายนิดเดียว เพียงแค่เราคำนึงถึงโทนสีผิวของตนเองโดยการเช็ก Undertone ที่ข้อมือขึ้นเพื่อดูสีของเส้นเลือด Veins เท่านั้นเองค่ะ ซึ่งโทนสีที่ได้จะแบ่งออกได้เป็น 3 โทน ดังต่อไปนี้
- Warm Tone - ใครที่มีเส้นเลือดตรงข้อมือเป็นสีเขียว จัดว่ามีโทนสีผิวอบอุ่น ซึ่งจะเหมาะกับลิปสติกโทนสีส้ม สีน้ำตาล สีแดงอิฐ สีพีชหรือจะเป็นโทนสีนู้ดก็ย่อมได้เช่นกันค่ะ
- Cool Tone - ส่วนใครที่มีเส้นเลือดออกสีน้ำเงินหรือสีน้ำเงินอมม่วง ก็จะอยู่ในกลุ่มโทนสีผิวเย็น ซึ่งเหมาะกับลิปโทนสีแดง สีกุหลาบ สีเบอร์รี่ หรือเฉดสีใด ๆ ที่อยู่ภายใต้เฉดสีน้ำเงินหรือม่วงนั่นเอง
- Neutral Tone - สำหรับสาว ๆ กลุ่มนี้ที่มีเส้นเลือดสีเขียวและสีน้ำเงินปนกัน ถือว่าเป็นผู้โชคดีที่ใคร ๆ ต่างก็อิจฉาตาร้อน เพราะเป็นโทนกลางอยู่ระหว่างสองสี จึงสามารถทาลิปสีอะไรได้ เพราะก็เข้ากันได้ดีไปหมดค่ะ แต่ก็ระวังอย่ารีบร้อนซื้อไปหมดทุกสีนะคะ เพราะควรคำนึงก่อนด้วยว่า ต้องใช้ทาในโอกาสไหนหรือสไตล์การแต่งตัวของเราเป็นอย่างไร ไม่เช่นนั้นอาจจะพังแบบไม่รู้ตัวนะคะ !
นอกจากเรื่องความสวยของสีสันและเม็ดสีที่ชัดจนกลบสีปากเดิมได้อย่างเนียนกริ๊บแล้ว การเลือกลิปที่มีส่วนผสมของสารบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นด้วยนั้นก็เป็นอะไรที่จัดว่า Perfect เลยค่ะ เพราะทุกครั้งที่เราแต่งแต้มลิปลงบนริมฝีปาก ก็จะได้รับการบำรุงไปด้วยในตัว โดยส่วนใหญ่แล้วสารบำรุงต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นพวกวิตามินอี (Vitamin E) สารสกัดจากพืชหรือน้ำมันต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น Jojoba Oil, Coconut Oil, Argan Oil หรือบางแบรนด์อาจทุ่มทุนสร้างโดยการเลือกใช้ส่วนผสมเติมความชุ่มชื้นจาก Hyaluronic Acid ลงไปให้ด้วย เป็นต้น
นอกจากนี้ การที่ลิปจิ้มจุ่มของเรามีสารบำรุงนั้น ก็ไม่ได้ความว่าจะมีดีแค่การบำรุงนะคะ แต่ยังช่วยให้การทาและเกลี่ยลิปของเราง่ายขึ้น ทั้งยังไม่ทำให้ริมฝีปากดูแห้งแตกหรือเกิดการตกร่องของลิปในระหว่างวันด้วยค่ะ
มาต่อกันที่ 10 อันดับ ลิปจิ้มจุ่มที่เราบรรจงคัดสรรมาฝากชาวบิวตี้โดยเฉพาะ ใครที่กำลังอยากได้ลิปจิ้มจุ่มสักแท่ง แต่ยังไม่มียี่ห้อในใจ เราขอเชิญให้มามองหาทางเลือกไปพร้อมกันค่ะ !
หนึ่งในดวงใจของสาว ๆ ที่รักการแต่งหน้าเติมปากจาก Maybelline เพราะมาในราคาที่ย่อมเยามาก แต่คุณภาพไม่ย่อมเลย เพราะมีกิตติศัพท์ในเรื่องความติดทนนานถึง 16 ชั่วโมง ซึ่งเป็นระยะเวลาที่แม้แต่สีทนได้ยังต้องยอมรับ แต่ตัวเนื้อสัมผัสกลับเบาสบาย ไม่หนักไป ให้ลุคแมตต์ที่ไม่แห้งด้านมาก แถมแอบวาวเล็กน้อย คนที่ชอบเนื้อแมตต์สนิทอาจไม่ถูกใจเท่าไหร่ ในเรื่องของเฉดสีก็ต้องบอกเลยว่า มีให้เลือกเยอะมากจนตาลาย หลายเสียงที่ใช้จริงคอนเฟิร์มว่า กลบสีปากได้เรียบเนียนและติดยาวนานตลอดทั้งวันเลยจริง ๆ ค่ะ
ลิปจิ้มจุ่มจาก L’OREAL ที่ต้องติดโผของการจัดอันดับลิปสติก เพราะมีเฉดสีมาให้เลือกมากถึง 30 สี แบบว่าโนสนโนแคร์ว่าจะแต่งหน้าสายเกาหลี สายไทยหรือสายฝอ มีให้เลือกหมด แถมราคาก็ดีต่อใจมาก ๆ สามารถซื้อติดกระเป๋าไว้ได้หลายแท่งเละล่ะค่ะ ความพิเศษของรุ่นนี้ที่ได้รับการกล่าวขานกันมากก็คือ ระดับความติดทน ที่ยาวนานแนบแน่นจนตกดึกแล้วยังไม่จางจนต้องอุทานว่า คุณพระ ! เพราะสียังติดสนิทอยู่เลยค่ะ มาพร้อมแปรงพู่กันหัวแหลมที่ช่วยให้วาดขอบปากได้เป๊ะ ทาทุกซอกทุกมุมปากได้ปัง เนื้อลิปก็เบาสบายด้วยสูตรน้ำ แต่ติดตรงที่ไม่ชุ่มชื้นเท่าไหร่จึงอาจมีตกร่องได้สำหรับคนที่ปากแห้ง
ใครที่อยากได้ลุคสวยสดใสสไตล์เกาหลีต้องถูกใจสิ่งนี้ค่ะ ! ด้วยลิปทินท์จาก 3CE ที่เด่นดังในเรื่องพิกเมนต์สีที่ทั้งคมชัดและดูเป็นธรรมชาติ เน้นโทนสีซอฟต์ ๆ ที่เราใช้กันได้บ่อยในชีวิตประจําวัน มีเนื้อสัมผัสนุ่มลื่น ออกมูส ๆ ไม่จับตัวเป็นก้อน ไม่ทำให้ปากดูแห้ง เกลี่ยง่าย ไม่เหนอะหนะ ทาแล้วปากบนปากล่างไม่มีติดหนึบแน่นอน และจุดเด่นที่หลายคนพูดถึง คือ กลิ่นที่หอมหวนผ่อนคลายที่ชวนให้อยากทามาก ๆ แต่ยังมีอีกสิ่งที่หลายคนติติงคือ รุ่นนี้ไม่ติดทนเท่าไหร่ ต้องคอยเติมบ่อย ๆ ในระหว่างวันค่ะ
และแล้ว MAC ก็ได้สร้างสรรค์ผลงานดีมีคุณภาพออกมาอีกแล้วค่ะ กับรุ่นนี้ที่โดดเด่นด้วยเนื้อทินท์ที่ผสานความวาวแบบ Gloss ซึ่งผลิตมาเอาใจกลุ่มสาวปากแห้งโดยแท้ เพราะให้เนื้อที่ชุ่มฉ่ำแบบมงลง ไม่มีตกร่องเลยค่ะ เสริมฟินิชลุคแวววาว แต่ไม่เยิ้มเหมือนกินไก่ทอดมา ริมฝีปากดูมีสุขภาพดี แถมมีเฉดสีแบบเผ็ด ๆ และแนว Summer แบบบ้านเราออกมาให้เลือกมากมาย นอกจากนี้ ยังค่อนข้างติดทน ไม่หลุดลอกออกได้ง่ายแม้จะผ่านการดื่มน้ำหรือโดนเหงื่อก็ตาม ด้วยความที่เคลมว่าเป็นสูตร Stain สาว ๆ สาย Enjoy Eating จึงไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไปค่ะ
อย่างที่ทราบกันดีว่า ลิปจิ้มจุ่มแบบเชียร์หรือซาตินนั้นหายากมากถึงมากที่สุด ฉะนั้น สาวคนไหนที่ถูกใจลิปเนื้อประเภทนี้ล่ะก็ จะต้องตกหลุมรัก Stila รุ่นนี้แน่นอน เพราะมีเนื้อบางเบาตามแบบฉบับเนื้อ Sheer ให้ลุคดูซอฟต์ ๆ แบบเป็นธรรมชาติ ทาแล้วดูกลมกลืนไปกับริมฝีปาก แม้จะไม่ติดทนยาว ๆ ไปทั้งวันเหมือนเนื้อแมตต์ แต่รุ่นนี้ทางแบรนด์ก็เคลมว่าอยู่ได้นานถึง 12 ชั่วโมงเลย แถมพิกเมนต์ของสีก็ค่อนข้างชัดเจน ทั้งยังเน้นการบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นด้วย Vitamin E และน้ำมัน Avocado เรียกได้ว่า สวยสดใสไตล์ Make Up No Make Up ได้ดีทีเดียว ข้อเสียเล็กน้อยก็คือ สีที่มีอาจะเลือกให้เข้ากับริมฝีปากและโทนผิวยากไปหน่อยค่ะ
ใครที่ยังไม่เคยได้ยินชื่อแบรนด์นี้ต้องรีบทำความรู้จักไว้เลยก่อนที่เพื่อน ๆ จะหาว่าเชยได้นะคะ เพราะเป็นแบรนด์จาก Beauty Blogger ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งลิปจิ้มจุ่มที่เราหยิบยกมาแนะนำรุ่นนี้เป็นเนื้อครีมกึ่งแมตต์ จึงให้เนื้อเรียบเนียน ไม่แมตต์สนิทจนดูแห้งเกินไป หลงเหลือความวาว ๆ แบบลุค Velvet ไว้ด้วยเนื้อครีม แถมเพิ่มความพิเศษด้วยนวัตกรรมเฉพาะอย่าง Maxi-Lip™ ที่ช่วยเติมคอลลาเจนเพื่อให้ริมฝีปากยืดหยุ่น ไม่แห้งตึง ทาแล้วสีชัดเจนไม่ลอก ไม่เป็นคราบ ไม่ตกร่องแน่นอนค่ะ
ลิปจิ้มจุ่มที่มาแรงตามกระแสสาว ๆ สายฝอในยุคนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ลิปของ Fenty Beauty แบรนด์น้องใหม่ของนักร้องสาว Rihanna ที่มาด้วยแพ็กเกจแนวเท่ ๆ คูล ๆ ฝาเหลี่ยมสีเงินโลหะ ซึ่งคุณสมบัติก็ไม่เบาเช่นกัน เพราะมีส่วนผสมของ Shea Butter ที่จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากแบบฉ่ำ ๆ มอบลุคที่แวววาวมากจนสาว ๆ ขนานนามว่าเป็น Super Glossy กันเลยทีเดียว แถมบางเฉดสียังมีชิมเมอร์ผสมเพื่อเพิ่มลูกเล่นให้ปากดูมีสีสัน จะทาไปเดินห้างชิล ๆ ก็ได้ ไปปาร์ตี้สังสรรค์ก็ดี และราคาก็ไม่แรงมาก ถือว่ายังถูกใจกระเป๋าสตางค์อยู่ค่ะ
รุ่นนี้สาว ๆ หลายคนเห็นราคาแล้วบอกว่า สูงไม่กลัวแต่กลัวไม่ได้ใช้มากกว่า เพราะเป็นหนึ่งในตัวเด่นดังของแบรนด์ ESTĒE LAUDER ที่ให้ริมฝีปากโดดเด่นหลายสไตล์ มีให้เลือกทั้งลุคแมตต์ และ Vinyl ที่เป็นเนื้อครีมเข้มข้น จัดไปตามสไตล์ที่ชอบ แต่ทั้ง 2 เนื้อลิปจะเหมือนกันตรงที่ให้การบำรุงแบบจัดเต็มด้วยสารสกัดน้ำมันธรรมชาติมากมาย พร้อมเซรั่มไฮยาลูรอนิคเข้มข้น ทาแล้วรับรองว่าไม่แห้งตึง ยิ้มได้กว้าง และมีเนื้อที่นุ่มมาก จนหลายคนถึงกับเปรยว่า เนื้อดีสุดเท่าที่เคยใช้มา อีกทั้งยังมีสีให้เลือกละลานตาครบทุกโทนสีผิว เรื่องความติดทนอาจจะมีหลุดลอกบ้าง แต่ด้วยคุณสมบัติอื่นแล้วให้อภัยได้เลย
ลิปตัวท๊อปของ NARS ที่ให้พลัง Power สมคำร่ำลือตามชื่อรุ่นเลยค่ะ เพราะให้เนื้อแมตต์สนิทติดทนนาน แม้แต่ Bella Hadid นางแบบดังระดับโลกยังใช้ รุ่นนี้ให้เม็ดสีชัดเจน กลบสีปากได้อย่างเรียบเนียน มาพร้อม Applicator คู่ใจที่เป็นหัวฟองน้ำเรียว จึงวาดขอบปากได้อย่างคมชัด ในส่วนของเนื้อลิปนั้นจะค่อนข้างเหลวแต่แห้งไว จึงเกลี่ยได้ไม่ยากค่ะ นอกจากนี้ ยังมีเฉดสีที่จัดมาให้เลือกแบบจัดหนักจัดเต็มเช่นกัน แถมยังมีสีแนวเข้ม ๆ สำหรับสาวสาย Rock ให้เลือกใช้อีกด้วย แต่มีเสียงเตือนเล็กน้อยว่า ทาแล้วปากค่อนข้างแห้งหน่อย อาจจะต้องลงลิปมันก่อนทานะคะ
ลิปในตำนานที่สาว ๆ หลายคนกล่าวว่า "ของมันต้องมี" ค่ะ ! เพราะนอกจากจะมีแพ็กเกจที่ดูหรูหรา หวาน ๆ สไตล์คุณหนูตามแบบฉบับของ Dior แล้ว ยังโดดเด่นด้วยเนื้อสัมผัสที่บางเบามาก รู้สึกเหมือนมีเลเยอร์บาง ๆ เคลือบริมฝีปาก จึงดูเป็นธรรมชาติมาก เหมาะกับการแต่งหน้าแนว Everyday Look ไม่จัดจ้าน นอกจากนี้ ยังเป็นเนื้อทินท์ที่ทาง่ายและเติมได้บ่อยในระหว่างวัน หลายคนติดอกติดใจในเรื่องของสีที่เรียบหรูดูแพง พร้อมทั้งยังมีกลิ่นหอมหวานเติมมาให้อีกด้วย ที่สำคัญติดทนได้ดีในระดับนึงเลยค่ะ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมลิปจิ้มจุ่มรุ่นนี้จึงกลายเป็นไอเทมประจำกระเป๋าของสาวทั่วโลก
มาถึงตรงนี้แล้ว มีลิปจิ้มจุ่มตัวไหนเข้าตาสาว ๆ กันบ้างไหมคะ ? ต้องขอบอกเลยว่าบรรดาลิปจิ้มจุ่มทั้ง 10 อันดับนี้ เราไปจิ้มไปจุ่มมาให้อย่างตั้งใจเลยค่ะ เพราะแต่ละตัวนั้นล้วนเป็นไอเทมชูโรงของแต่ละแบรนด์เลยก็ว่าได้ ทั้งบรรดา Beauty Blogger และสาว ๆ ที่ใช้งานจริงต่างก็ยกนิ้ว กดไลค์ กดแชร์ให้เลยค่ะ
แต่ก่อนที่จะเลือกลงทุนกับลิปเหล่านี้ เราอยากนะนำให้คุณได้คัดเลือกโทนสีที่คิดว่าจะสามารถหยิบมาใช้ได้บ่อย ๆ และมีโทนสีที่เข้ากับผิวของเราได้จริง ๆ เพื่อที่จะได้ซื้อมาสวยได้อย่างคุ้มค่าคุ้มราคา นอกจากนี้ อย่าลืมดูสไตล์การแต่งตัวและโทนสีเสื้อผ้าส่วนใหญ่ของตัวเองด้วยว่ามีโทนไหนเยอะ เพื่อที่คุณจะได้ลิปจิ้มจุ่มมาตอบโจทย์ความสวยหรูดูแพง คุ้มค่ากับการใช้งานมากที่สุดค่ะ