รถยนต์ รุ่นไหนดี 7 อันดับ ที่น่าซื้อ อัพเดทล่าสุดปี 2567

แหล่งรวมสินค้ามากกว่า 10000 แบรนด์ชั้นนำ ให้คุณได้เลือกได้อย่างจุใจ 24/7 สั่งซื้อได้ตลอดเวลา ช้อปออนไลน์ได้ตลอด 24 ชม. มั่นใจส่งไว โปรดีๆ แบบนี้พลาดไม่ได้เข้ามาช้อปกันด่วนเลย โปรโมชั่นเพียบ ซื้อวันนี้ ส่งวันนี้ โปรพิเศษเฉพาะช้อปออนไลน์ ส่งทั่วประเทศ
ราคาเด็ดถุกใจลุกค้าแน่นอน ราคาถูกมาก เราแนะนำเลยเจ้านี้ รถยนต์  สินค้าทางอินเตอร์เน็ต  ราคาพิเศษส่งให้คุณลูกค้าถึงหน้าบ้าน สั่ง รถยนต์  ไป ราคาถุกกว่าร้านอื่นๆ สินค้าใส่ซองกันกระแทกมาตอนจัดส่งให้ด้วย ส่งเร็วทันใจ คุณภาพเยี่ยมพอดีเห็น ลดราคาลงมาอีก สินค้าดีๆ ราคาถุก ส่งไว คุณภาพเยี่ยม ได้ลองแล้วนับว่าดีเลยทีเดียว ไม่พบปัยหาเลยกับทางร้านค้า

     
คุณรู้หรือไม่ ? นอกจากรถยนต์ มีเรื่องที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้ออีกมากมายไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ สี ขนาด ราคา วัสดุที่ใช้และน้ำหนักซึ่งปั จจัยเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความชอบและลักษณะ ซึ่งมีทั้ง รถยนต์ และการใช้ของแต่ละบุคคล ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหา รถยนต์ วันนี้ทางเราได้จัด แนะนำ รถยนต์ยี่ห้อดีต่อใจมาให้คุณแล้ว!

ประเภทของรถยนต์และความแตกต่าง
รถยนต์
  • รถกระบะ คือรถที่สามารถโดยสารได้ 4 ที่นั่งและใช้บรรทุกของด้านหลังได้ เช่น มิตซูบิชิ ไทรทัน(Mitsubishi Triton), ฟอร์ด เรนเจอร์ (Ford Ranger), นิสสัน นาวารา (NISSAN NAVARA) ฯลฯ
  • รถตอนเดียว คือรถ 2 ที่นั่งที่ไม่มีเบาะโดยสารด้านหลัง กระบะกว้าง ใช้สำหรับการบรรทุกโดยเฉพาะ เช่น ISUZU D-MAX Spark cab, Toyota Hilux Revo Standard Cab, Mitsubishi triton Single Cab ฯลฯ
  • รถแค็บ คือรถกระบะ 2 ประตูที่โดยสารได้ 4 ที่นั่ง และมีกระบะท้ายสำหรับบรรทุกของ เป็นรถที่ใช้บรรทุกของได้เหมือนรถตอนเดียวแต่นั่งได้สบายเหมือนรถกระบะ เช่น Toyota Revo Smart Cab, Ford Ranger Open Cab ฯลฯ
  • รถเก๋ง คือรถ 4 ประตูที่มีห้องโดยสารกว้าง นั่งได้ 4 ที่นั่ง เช่น Toyota Altis, Mitsubishi Attrage, Toyota Yaris ATIV ฯลฯ
  • รถ SUV คือรถอเนกประสงค์ที่มีประโยชน์มากกว่ารถทั่วไป SUV ย่อมาจากคำว่า Sport Utility Vehicle หมายถึงอรรถประโยชน์ที่มากกว่า สามารถโดยสารได้ 4 ที่นั่งและเก็บสัมภาระด้านหลังได้ เช่น Honda HR-V, Mazda CX-3, Toyota C-HR ฯลฯ
  • รถ PPV ย่อมาจากคำว่า Pick-Up Passanger Vehicle เป็นรถอเนกประสงค์ที่มีพื้นฐานมาจากรถกระบะเพื่อให้มีที่นั่งโดยสารมากขึ้นและนั่งได้สบายขึ้น สามารถนั่งได้มากถึง 7 ที่นั่ง เช่น Isuzu Mu-X, Mitsubishi All-New Pajero Sport, Toyota Fortuner ฯลฯ
  • รถ MPV ย่อมาจากคำว่า Multi Purpose Vehicle เป็นรถอเนกประสงค์ที่มีความสะดวกมากกว่ารถประเภท SUV และ PPV มีลักษรณะคล้ายกับรถตู้ นั่งได้หลายที่นั่ง เช่น Hyundai H1, Honda Odyssey, Toyota Alphard ฯลฯ
  • รถอีโคคาร์ เป็นรถที่มีข้อจำกัดในการผลิต โดยจะต้องผ่านมาตรฐานระดับสูง UNECE 94 และ 95, ต้องมีระดับการปล่อยมลพิษอยู่ที่ Euro 4 คือ จะต้องปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์น้อยกว่า 120 กรัม/ระยะทาง 1 กิโลเมตร และต้องมีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 1 ลิตร/ระยะทาง 20 กิโลเมตร เพื่อประหยัดน้ำมันและรักษาสภาพแวดล้อม ยกตัวอย่างรถอีโคคาร์ ได้แก่ Toyota Yaris, Suzuki Swift, Honda Brio ฯลฯ
  • รถไฮบริด เป็นรถที่มีระบบการขับเคลื่อน 2 อย่างคือ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์เผาไหม้ เช่น Toyota Alphard 5 Hybrid, Nissan X-Trail 2.0 V 4WD Hybrid, Toyota Camry Hybrid ฯลฯ
  • รถ Crossover คือ รถเก๋งแฮตช์แบ็ค 5 ประตูที่ยกสูงเพื่อพร้อมลุยทุกสภาพถนน เช่น Mazda CX-3, MG3 Xross, Honda BR-V ฯลฯ
  • รถสปอร์ต คือรถที่นั่งตอนเดียวที่มีกำลังเครื่องยนต์สูงกว่ารถทั่วไป เป็นรถที่ใช้ความเร็วสูง ปราดเปรียว และสวยงาม เช่น Audi R8, Ford Mustang, Porsche Boxster ฯลฯ
  • รถซุปเปอร์คาร์ เป็นรถที่มีการออกแบบพิเศษและมีนวัตกรรมยานยนต์เป็นของตัวเอง จุดเด่นของรถซุปเปอร์คาร์คือ รูปลักษณ์ที่สวยหรู ปราดเปรียว และมีความเร็วสูงสุดที่ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง ยกตัวอย่างรถซุปเปอร์คาร์ ได้แก่ Ferrari 812 Superfast V12, Mercedes - benz AMG, Audi R8 Coupe V10 ฯลฯ
  • รถตู้ คือรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่เหมาะสำหรับการโดยสาร นั่งได้ 14 ที่นั่ง นิยมใช้ในการเดินทางไกล เช่น Hyundai H1 Touring, Toyota Commuter 3.0 ฯลฯ
  • ใช้เพื่อบรรทุก เหมาะสำหรับรถตอนเดียว, รถแค็บ, และรถกระบะ
  • ใช้งานทั่วไป เช่น การขับไปเรียน ไปทำงาน เหมาะสำหรับรถเก๋ง, รถอีโคคาร์, และรถไฮบริด
  • ใช้ในครอบครัว เหมาะสำหรับรถ SUV, รถ PPV, รถ MVP
  • ใช้ความเร็วสูงและเน้นความสวยงาม เหมาะสำหรับรถสปอร์ตและรถซุปเปอร์คาร์
  • ใช้สำหรับโดยสาร เหมาะสำหรับรถตู้
รถยนต์ เป็นยานพาหนะที่มีราคาสูง จึงควรเลือกรถยนต์ที่ตรงกับการใช้งานของตนเองมากที่สุดเพื่อความคุ้มค่าในการใช้งาน cars-vehicles เช่น การเลือกรถ SUV, รถ PPV, รถ MVP และรถตู้สำหรับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน เพื่อใช้ในการเดินทางโดยไม่ต้องใช้รถหลายคัน ทำให้สะดวกและช่วยประหยัดน้ำมันได้

รถยนต์มีหลากหลายประเภทและมีจุดประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ควรเลือกซื้อรถให้ตรงความต้องการและคุ้มค่ามากที่สุด เพื่อจะได้รถที่ตอบสนองการใช้งานของผู้ซื้อได้มากที่สุด

1. รถยนต์นั่งแบบ Micro Car  มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดารถยนต์ทั้งหมด ในไทยถือว่าเป็นรถที่ไม่ค่อยเห็นบนท้องถนน เพราะเล็กมาก ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 500 ซีซีเท่านั้น มี 2 ที่นั่งรวมคนขับ


2. Eco Car เป็นชื่อที่เรียกกันเฉพาะในไทย และค่อนข้างนิยม เพราะเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก ที่ออกแบบมาเพื่อประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์ไม่เกิน 1200ซีซี เน้นขับในเมืองเป็นหลัก เช่น Nisson March,Toyota Yaris, Honda Brio


3. Sub-Compact car คือรถเก๋ง 3-5 ประตู ขนาดเล็กมากๆ ที่เราเห็นทั่วไป เช่น Ford Fiesta, honda city, Toyota ATIV ขนาดเครื่องยนต์ประมาณ 1200-1500ซีซี สมรรถนะเหมือนรถทั่วๆไป เพียงแต่มีขนาดตัวรถเล็กกว่าเท่านั้นเอง

4. Compact Car เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่คนนิยมซื้อมากสุด ด้วยขนาดรถและขนาดเครื่องยนต์ที่ลงตัว 1500-2000 ซีซี เหมาะเป็นรถครอบครัว เดินทางไกลได้สะดวกขึ้น โดยในกลุ่มรถยนต์นั่งประเภทหรูหรา ก็จะเรียกเป็น Entry-level luxury car เช่นรถเปอโยต์ 308, BMW ซีรีส์ 3, Benz C class และเลกซัส IS เป็นต้น

5. รถยนต์นั่งขนาดกลาง Mid-size car และ Mid-size luxury car รถที่ออกแบบภายในตัวรถให้ใหญ่พอที่จะรองรับผู้ใหญ่ 5 คน ได้โดยไม่เบียดเสียด มีเครื่องยนต์ที่สมรรถนะสูงขึ้น ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0-3.5 ลิตร เพื่อรองรับน้ำหนักตัวรถที่มากขึ้น สามารถใช้เป็นรถสำหรับครอบครัวได้ดี

6. รถยนต์นั่งขนาดใหญ่  Full-size car รวมถึง Full-size luxury car เป็นรถเก๋งขนาดใหญ่สุด เน้นสมรรถนะ ความแรง และความหรูหรา สำหรับกลุ่มครอบครัวใหญ่ ผู้บริหาร เจ้าของกิจการ รถยนต์ในกลุ่มนี้ได้แก่ โตโยต้า คราวน์, เลกซัส LS460, Benz S class, BMW ซีรีส์ 7, ออดี้ A8, จากัวร์ XJ, ซีตรอง C6

7. Sports car รถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อเน้นสมรรถนะ น้ำหนักของตัวถังให้เบากว่ารถปกติทั่วไป เพื่อที่จะทำให้รถนั้นมีสมมรรถนะให้ออกมาได้มากที่สุด รถสปอร์ต ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรถยนต์ 2 ที่นั่ง มีทั้งทรงคูเป้และทรงซีดาน เช่น Chevrolet Corvette , Toyota 86 , Subaru WRX STi , Subaru BR-Z

8. Supercar หลายๆ คนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี เป็นรถที่เน้นในเรื่องของสมรรถนะแบบเต็มๆ  เครื่องยนต์ขนาด 6สูบขึ้นไป เช่น Lamborghini Huracan ,Ferrari 458 italia , McLaren MP4-12Cเป็นต้น

9. Grand tourer

เป็นกลุ่มรถสปอร์ตที่มีความหรูหรา ขึ้นมามากกว่าสปอร์ตคาร์ทั่วไป มีสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นมาอีกระดับ เช่น Nissan GT-R Aston Martin DB9, Porsche 911

10. รถ MPV เป็นรถยนต์เอนกประสงค์ ที่พัฒนามาจากรถตู้ เบาะนั่งอาจจะมี 2-3 แถวเพื่อรองรับการโดยสารตั้งแต่ 5-8 ที่นั่ง เน้นการใช้งานที่อเนกประสงค์ เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ หรือการเดินทางเป็นหมู่คณะ

11. รถยนต์ SUV รถยนต์เอนกประสงค์สมรรถนะสูง มีทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ตัวรถค่อนข้างใหฯ่พื้นที่ใช้สอยมากเพียงพอที่จะเรียกว่าเป็นรถอเนกประสงค์ มีสมรรถนะสูงกว่า สามารถใช้ไต่เขาชัน และวิ่งทางวิบากได้ดีกว่า และมักใช้เครื่องยนต์ดีเซล

12. รถกระบะ Pick Up รถยนต์ประเภทมี cap ด้านหลังเป็นกระบะสำหรับวางของ ซึ่งรถประเภทนี้เหมาะกับการใช้บรรทุกสิ่งของจำนวนมาก ไม่เน้นเรื่องความจุผู้โดยสาร ออกแบบมาให้ทนทานรองรับการใช้งานที่สมบุกสมบัน

13. รถตู้ ออกแบบมาเพื่อการบรรทุกผู้โดยสารจำนวนมาก สูงสุด 12 คนตามกฎหมาย โดยปัจจุบันสามารถแบ่งประเภทของรถออกเป็นกลุ่มรถตู้ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ยังมีแบบหรูหราให้เลือกอีกด้วย คล้ายกับกลุ่มของรถกระบะ สำหรับรถยนต์ในกลุ่มตลาดนี้ (มีขายในไทย) ได้แก่ โตโยต้า ไฮเอช/คอมมิวเตอร์ , โตโยต้า เวนจูรี่ และ นิสสัน เออแวน เป็นต้น

CC รถยนต์ที่คนมักพูดถึงกัน นั้นคือขนาดความจุของกระบอกสูบของเครื่องยนต์แบบเผาไหม้ภายใน ยิ่งมีค่า CC มาก พลังการจุดระเบิดก็จะมาก  และก็ถือว่าเป็นตัวบอกถึงกำลังของเครื่องยนต์ด้วยว่าจะมีแรงม้าและแรงบิดมาก-น้อยเพียงใด เพราะซีซีที่สูงขึ้นแรงม้าและแรงบิดจะมากขึ้นตาม

ข้อสำคัญของการเลือกซื้อรถยนต์ ว่าจะเลือกขนาดเครื่องยนต์เท่าไรดีนั้น ควรดูเรื่องการใช้งานจริงของรถเราในอนาคตเป็นสำคัญ เพราะรถยนต์นั้นมีตั้งแต่ขนาดเล็ก 1000 ซีซี ไปจนถึงขนาดใหญ่ ออกแบบมาให้ตอบสนองการใช้งานในรถที่แตกต่างกัน และถ้ามองไม่ออกว่าควรเลือกกี่ซีซี ให้ดูข้อมูลดังนี้

เครื่อง 1.2-1.5 ลิต ร เน้นการใช้งานในเมือง ออกท่องต่างจังหวัดเป็นครั้งคราว ทางยาวไม่บ่อยเน้นทางสั้นความเร็วไม่สูงมากนัก

เครื่อง 1.6-1.8 ลิตร เน้นการใช้งานระยะกลาง ตัวอย่างเช่นบ้านอยู่ชานเมืองทำงานในเมือง ใช้ทางยาวบ้างเป็นบางครั้ง ออกต่างจังหวัดถี่หน่อย แต่ไม่บ่อยมาก เน้นความลงตัวทั้งสมรรถนะและการประหยัดเป็นสำคัญ

เครื่อง 2.0- 3.5 ลิตร หรือมากกว่านั้น เน้นขับทางยาวบ่อยครั้ง สาวกทางด่วนขาประจำ ไปกลับต่างจังหวัด บ่อยๆ แทบทุกสัปดาห์ ไม่ค่อยได้ใช้งานในเมืองมากนัก โดยมาก รถกลุ่มนี้ มักเป็นคันที่ 2 ของ บ้าน หรือ ถ้าใช้งานบ่อยครั้ง เครื่อง 2.0-2.4 ลิตร จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า เรื่องความประหยัด

1. ความต่างในเรื่องการส่งเชื้อเพลิงและการจุดระเบิด ในเครื่องยนต์ดีเซลจึงไม่มีคาร์บูเรเตอร์และหัวเทียนสำหรับจุดระเบิด แต่อาศัยแรงดันจากปั๊ม ทำให้หัวฉีด ฉีดน้ำมันออกมาเป็นฝอย แล้วจึงเกิดเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ในเครื่องยนต์เบนซินหรือแก๊สโซลีนนั้น น้ำมันและอากาศจะถูกผสมกันในคาร์บูเรเตอร์และในท่อไอดีก่อน แล้วค่อยดูดและอัดเข้ากระบอกสูบ จากนั้นประกายไฟจากหัวเทียนเป็นตัวกระตุ้นให้มีการจุดระเบิดและเผาไหม้

2. อัตราส่วนของกำลังอัด ในเครื่องยนต์ดีเซลนั้น ต้องการอากาศที่ถูกอัดจนมีอุณหภูมิสูงพอที่จะไปจุดระเบิดน้ำมันเชื้อเพลิงในกระบอกสูบ จึงต้องการกำลังอัดในเครื่องยนต์ที่สูงกว่าเครื่องยนต์เบนซิน ในขณะที่เครื่องยนต์เบนซินอาศัยแรงดันสวนทางเคลื่อนที่ของลูกสูบที่เรียกว่าน็อค จึงใช้กำลังอัดที่ต่ำกว่า

3. การออกแบบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลนั้น ชิ้นส่วนต่างๆ ตั้งแต่ลูกสูบ กระบอกสูบ เพลาข้อเหวี่ยง แบริ่ง จะต้องทำหน้าที่รับแรงดันสูงมากจากการเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิง จึงต้องใช้ชิ้นส่วนที่แข็งแรงมากให้รับแรงดันได้ รวมถึงหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงก็ต้องมีแข็งแรงพอที่จะรองรับการเผาไหม้ได้ จึงทำให้เครื่องยนต์ดีเซลมีราคาแพงและน้ำหนักมากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน

รถยนต์ที่วางขายในตลาด ปัจจุบันจะมี2ประเภท คือรถเกียร์ออโต้ และรถเกียร์ธรรมดา เกียร์นั้นเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อนรถยนต์ให้แล่นอย่างนุ่มนวล ซึ่งเกียร์แต่ละประเภทก็จะมีข้อดีและข้อเสียของตัวเอง ถ้าหากใครที่กำลังตัดสินใจว่าจะใช้รถเกียร์ไหนก็ลองดูข้อมูลเหล่านี้ประกอบได้เลย

เกียร์ธรรมดา หรือ MT เป็นรถที่มีราคาถูกกว่าเกียร์ออโต้ การขับขี่นั้นทำได้คล่องกว่า ทั้งการทำความเร็ว การเข้าโค้ง ไปจนถึงการเบรคนั้นทำได้ดี สร้างความมั่นใจได้มากกว่า อัตราเร่งของเกียร์ธรรมดาก็ทำได้ดีกว่า  แถมไม่สูญเสียพลังงานมากเท่าไหร่ เครื่องยนต์ทนทาน อีกทั้งการบำรุงรักษานั้นง่าย ไม่เสียค่าใช้จ่ายสูงนัก

แต่ทั้งนี้ เกียร์ธรรมดา มีข้อจำกัดตรงที่ ต้องใช้ขาทั้งสองในการเหยียบครัซท์ และคันเร่ง เบรค มือซ้ายคุมเกียร์ เปลี่ยนเกียร์ไม่นิ่ม จะเกิดแรงกระซากได้ แล้วถ้าขับในเมืองจะไม่ค่อยคล่องตัว จะทำให้เมื่อยขามาก แถมการขับต้องใช้ความคุ้นชินในการเข้าเกียร์ถึงจะขับได้ดี

เกียร์ออโต้ หรือ AT เป็นเกียร์ที่คนนิยมขับเพราะสะดวกสบายในการขับขี่ การเข้าเกียร์ทำได้ง่ายกว่าเกียร์ธรรมดามาก ไม่ต้องอาศัยทักษะและความคุ้นชิน เหมาะสำหรับการขับในเมือง แต่รถยนต์เกียร์ออโต้นั้น จะมีราคาที่แพงกว่ารถเกียร์ธรรมดาในรุ่นเดียวกันถึง 5-6 หมื่นได้ แล้วก็กินพลังงานมากกว่าเกียร์ธรรมดาเนื่องจากมีระบบที่มากกว่า นอกจากนี้ การทำความเร็วต้องรอรอบเกียร์ซึ่งอาจจะเร่งได้ไม่ทันใจเท่าเกียร์ธรรมดา ส่วนการบำรุงรักษานั้นจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารถเกียร์ธรรมดา

เมื่อต้องการรถยนต์ที่พร้อมสำหรับการใช้งานทั้งขาลุยและขาหรู ก็มีมีคำถามตามมาว่า แล้วจะเลือกซื้อรถยนต์เหล่านี้ในแบบไหนดี ระหว่างขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ และก็ยังมีแบบระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full-Time อีกด้วย แต่ละแบบต่างกันอย่างไร มาดูข้อมูลกัน

2WD (ขับเคลื่อน 2 ล้อ) เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถยนต์อเนกประสงค์ หรือเพื่อครอบครัว เน้นห้องโดยสารที่โปร่งโล่งสบาย เดินทางใกล้หรือไกลได้สะดวกด้วยช่วงล่างที่ยกสูงขึ้น ลุยน้ำลุยถนนขรุขระได้ สามารถปรับเปลี่ยนรูปเบาะได้ตามการใช้งาน บรรทุกสิ่งของได้มากกว่ารถซีดาน และใช้งานในเมืองหรือถนนเรียบๆ เป็นหลัก

4WD (ขับเคลื่อน 4 ล้อ) เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้รถเดินทางผจญภัย เช่น ขึ้นเขา เข้าป่า เดินทางในไร่ในสวน ใช้งานถนนทางลูกรุง ขรุขระบ่อยๆ ซึ่งรถ 4WD จะมีสมรรถนะของระบบตะกุย 4 ล้อที่รองรับได้สบาย

4WD Full-Time เป็นอีกหนึ่งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่จะเป็นการทำงานแบบส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ตลอดเวลา แต่จะปรับแรงล้อตามรูปแบบการขับขี่ หรือตามสภาพถนน เช่น การออกตัวอาจส่งกำลังไปที่ล้อคู่หน้าแบบ 70% และคู่หลัง 30% เพื่อให้การออกรถราบเรียบ หรือเมื่อขับบนถนนเปียกลื่น ระบบก็จะทำการปรับกำลังไปยังล้อทั้ง 4 ให้สอดคล้องและขับผ่านไปได้อย่างปลอดภัย เช่น เมื่อเลี้ยวโค้งล้อด้านในของโค้งก็จะลดกำลังลง และเพิ่มกำลังไปยังล้อที่อยู่นอกโค้ง เพื่อช่วยให้การทรงตัวดีขึ้น เป็นต้น แต่รถที่ใช้ระบบนี้มักจะกินน้ำมันมากกว่ารถรุ่นอื่นๆ และราคาสูงกว่ารถประเภทอื่นๆ

ทั้งนี้ การจะเลือกซื้อรถยนต์อเนกประสงค์ ว่าจะเอาระบบขับเคลื่อน 2 หรือ 4 ล้อดี ก็ควรต้องดูทั้งงบประมาณที่มี รูปแบบการใช้งานในแต่ละวันว่าต้องการออปชั่นใดที่จำเป็น แล้วสุดท้ายก็คือ ต้องดู "ความชื่นชอบ" ส่วนตัว เพราะถ้ามีงบประมาณที่เกินพอ จ่ายเพิ่มได้สบายๆ ความชอบก็จะเป็นตัวช่วยตัดสินได้ว่าเราจะเลือกอะไร

คำค้นหายอดนิยมในหมวดหมู่นี้: รถยนต์มือสอง , มอเตอร์ไซค์ , มอเตอร์ไซค์มือสอง , ยางรถยนต์ , น้ำมันเครื่อง , อะไหล่รถยนต์