เมื่อผิวของคุณต้องออกไปเผชิญกับแสงแดดและมลภาวะอยู่บ่อยครั้ง ผิวของคุณนั้นจะถูกรังสี UV จากแสงแดดเข้ามาทำลายจนเกิดเป็นปัญหาจุดด่างดำรบกวนอย่างปัญหา 'ฝ้า' นั่นเอง ซึ่งเมื่อเกิดฝ้าขึ้นบนใบหน้าก็ทำให้หลายคนขาดความมั่นใจในการอวดผิวสวย โดยปกติแล้ว การรักษาฝ้านั้นมักจะต้องรักษาผ่านแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญโดยการทำเลเซอร์ผิวหรือไอออนโตซึ่งมักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงและมีผลข้างเคียง ดังนั้นการใช้ ครีมทาฝ้า จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่หลายคนใช้ ถึงแม้จะไม่สามารถทำให้ฝ้าหายขาดแต่ก็ทำให้ฝ้านั้นดูจางลงได้
ครีมทาฝ้าที่มีจำหน่ายโดยทั่วไปก็มีมากมายหลายยี่ห้อไม่ว่าจะเป็น Kiehl's, Clinique, Estee Lauder, Garnier และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปในเรื่องของส่วนผสมที่ใช้หรือลักษณะเนื้อสัมผัส หากขาดความรู้ความเข้าใจก็อาจจะทำให้คุณไม่สามารถเลือกครีมทาฝ้าที่เหมาะกับผิวคุณได้ วันนี้ทางทีมงานของเราจึงจะมานำเสนอข้อมูลที่จะช่วยให้คุณเลือกครีมทาฝ้าได้เหมาะสมกับคุณมากขึ้น พร้อมทั้งแนะนำ 10 อันดับ ครีมทาฝ้า ยอดฮิต ที่สาว ๆ นิยมใช้แก้ปัญหาฝ้าและจุดด่างดำบนใบหน้ากันให้อีกด้วยค่ะ
ฝ้า (Melasma) เป็นจุดด่างดำ (Hyperpigmentation) ชนิดหนึ่งที่เกิดจากเซลล์เม็ดสีเมลาโนไซต์ในชั้นผิวทำงานผิดปกติโดยผลิตเม็ดสีเมลานินออกมาเป็นจำนวนมากเกินไป จึงทำให้เกิดเป็นฝ้าที่มีลักษณะสีน้ำตาล หรือสีดำ ขึ้นเป็นแถบกระจายตัวเป็นวงกว้างอยู่บนบริเวณใบหน้า
สาเหตุที่กระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีผลิตเม็ดสีออกมามากผิดปกติจนทำให้เกิดเป็นฝ้าบนผิวหน้านั้นส่วนใหญ่มักจะเกิดจากรังสี UV ในแสงแดด ยิ่งผิวโดนแดดมากขึ้นเท่าไหร่ เซลล์เม็ดสีก็จะยิ่งผลิตเมลานินออกมามากขึ้นเท่านั้น เพื่อกรองรังสี UV ไม่ให้ไปกระทบกับผิวชั้นในสุดนั่นเอง ความเครียดและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกายก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่จะกระตุ้นให้เกิดฝ้าบนผิวหนังได้อีกด้วยเช่นกัน
ฝ้ามีอยู่ด้วยกันหลายชนิด แต่จะมีอยู่ 3 ชนิดที่สามารถทำให้จางลงด้วยการทาครีมทาฝ้าอย่างเป็นประจำ ได้แก่
- ฝ้าแดด เป็นฝ้าที่เกิดจากรังสี UV ในแสงแดด หรือแสงจากจอคอมพิวเตอร์มากระตุ้นให้เกิดขึ้น
- ฝ้าตื้น เป็นฝ้าที่เกิดขึ้นบริเวณหนังกำพร้าด้านนอก มีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่ายและบ่อยกว่าใครเพื่อน แต่ก็สามารถทำให้จางลงได้ด้วยการใช้ครีมทาฝ้า
- ฝ้าลึก เป็นฝ้าที่เกิดขึ้นบริเวณชั้นหนังแท้ ซึ่งมีลักษณะสีม่วงอมน้ำเงิน สามารถใช้ครีมทาฝ้าเพื่อทำให้จางลง แต่จะให้ได้ผลดีที่สุดก็ต่อเมื่อไปรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดเลือนให้ฝ้าดูจางลง ถึงแม้จะถูกเรียกกันติดปากว่าครีมทาฝ้า ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในรูปแบบของครีมหลอด ๆ เพียงเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันนั้นมีสกินแคร์ไอเทมที่มีส่วนผสมหลักซึ่งสามารถทำให้จุดด่างดำอย่างฝ้าดูจางลงได้ เราจะมาช่วยให้คุณได้รู้และเข้าใจว่า การเลือกครีมทาฝ้าให้เหมาะสมนั้นมีอะไรที่คุณควรต้องรู้บ้าง
หากจะเลือกครีมทาฝ้าที่มีประสิทธิภาพในการลดเลือนให้ฝ้าดูจางลง สิ่งที่คุณควรพิจารณาเป็นลำดับต้น ๆ ก็คือส่วนผสมหลักที่อยู่ในครีมทาฝ้านั่นเอง ซึ่งมีส่วนผสมดังนี้ที่นิยมใส่ลงไปในผลิตภัณฑ์เพื่อทำให้ฝ้าดูเลือนลง
Arbutin หรือชื่อเต็มคือ Hydroquinone-beta-D-glucoside ซึ่งเป็นสารที่ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินในเซลล์เมลาโนไซต์ได้ และยังหยุดเอนไซม์ Tyrosine ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เพิ่มอนุมูลอิสระที่จะทำให้ผิวของคุณนั้นคล้ำเสีย เป็นสารสกัดที่มีผลข้างเคียงในการทำให้ผิวบางหรือระคายเคืองที่ต่ำมาก ๆ Arbutin เป็นสารสกัดที่ได้จากพืชธรรมชาติหลายชนิด ซึ่งเป็นพืชที่มักพบได้ในเมืองหนาวอย่างพืชตระกูลผลเบอร์รี่ ไม่ว่าจะเป็น Bearberry, Blueberry, Mulberry และ Cranberry
Arbutin นั้นแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ Alpha Arbutin ที่มีประสิทธิภาพสูงในการปรับให้ผิวดูกระจ่างใส แต่มักจะมีราคาสูง และ Beta Arbutin ที่มีความสามารถในการลดเลือนความหมองคล้ำน้อยกว่าแบบแรกถึง 10 เท่า แต่มีราคาที่ต่ำกว่ามาก
AHA หรือ Alpha Hydroxy Acids เป็นกรดที่ได้จากสารสกัดจากธรรมชาติ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในพวกพืชและผลไม้ เช่น กรด Glycolic จากอ้อย กรด Citric จากผลไม้เปรี้ยว กรด Tartaric จากองุ่น และสุดท้ายกรด Lactic จากนมเปรี้ยว
หน้าที่ของ AHA คือ ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไป เพื่อ กระตุ้นให้ผิวมีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่กระจ่างใสขึ้นมาแทน จึงช่วยลอกผิวที่มีความหมองคล้ำจากฝ้าออกไปด้วย แต่ AHA นั้นหากใช้ติดต่อกันนาน ๆ ก็จะทำให้ผิวหนังบริเวณดังกล่าวนั้นบางขึ้นได้ จึงอาจจะทำให้ผิวอ่อนแอลง และเสี่ยงต่อการระคายเคืองจากสิ่งต่าง ๆ สูงขึ้น ดังนั้นจึงควรระมัดระวังปริมาณและระยะเวลาที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA เป็นส่วนประกอบด้วย
Vitamin C เป็นส่วนผสมหลักที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะมาทำร้ายผิว ซึ่งหากอนุมูลอิสระในผิวนั้นมีปริมาณที่ลดน้อยลง ก็จะเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินในผิวของเราลงได้ จึงทำให้ผิวหน้ามีความกระจ่างใสมากขึ้น การใช้ Vitamin C นั้นอาจจะเห็นผลในการทำให้ฝ้าดูจางลงช้ากว่าส่วนผสมชนิดอื่น แต่มักจะมีผลข้างเคียงในการใช้ที่ต่ำ อีกทั้งยังเป็นการใช้ส่วนผสมเดียวแต่ทำให้ผิวได้ประโยชน์หลายต่อไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องของความกระจ่างใสและริ้วรอยก่อนวัย ถ้าคุณไม่อยากจะใช้สกินแคร์หลายชนิด ก็อาจจะเลือกสกินแคร์ที่มี Vitamin C เป็นส่วนผสมหลักก็ได้ เพราะจะช่วยให้ผิวของคุณดูสวยได้อย่างครอบคลุม
Vitamin C ที่อยู่ในครีมทาฝ้ามักจะอยู่ในชื่อ Ascorbyl Glucoside หรือ Ascorbic Acid ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอนุพันธ์ในรูปแบบหนึ่งของ Vitamin C
Retinol เป็นสารจำพวก Retinoid ที่เป็นกลุ่มอนุพันธ์ชนิดหนึ่งของ Vitamin A โดยปกติแล้ว Retin-A จะมีประสิทธิภาพในการลดเลือนฝ้าได้ดีจากกลุ่มของอนุพันธ์ Vitamin A แต่มักจะก่อให้เกิดการระคายเคืองสูง จึงไม่สามารถใช้เป็นส่วนผสมในสกินแคร์หรือเครื่องสำอางได้ ดังนั้น Retinol ซึ่งก่อให้เกิดการระคายเคืองต่ำจึงเป็นอนุพันธ์ Vitamin A ที่อยู่ในเกรดปลอดภัยสำหรับใช้ในสกินแคร์นั่นเอง
หน้าที่หลักของ Retinol นั้นจะ ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพและกระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ ขึ้นมา ช่วยปรับโครงสร้างของผิวหนังชั้น Keratin จึงทำให้นอกจากจะช่วยให้ฝ้าดูจางลงแล้วยังช่วยให้รอยแผลและริ้วรอยต่าง ๆ อยู่ลดเลือนลงได้อีกด้วย แต่การใช้ส่วนผสมที่อยู่ในกลุ่มอนุพันธ์ Vitamin A จะต้องใช้ควบคู่ไปกับการทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอด้วย เพราะผิวบริเวณนั้นจะมีความบอบบางและไวต่อแสงมากเป็นพิเศษ
Niacinamide หรือ Vitamin B3 เป็นสารสำคัญอีกกลุ่มหนึ่งที่นอกจากจะช่วย ลดเลือนจุดด่างดำและฝ้า บนผิวได้แล้ว ยังช่วย ฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดด ให้กลับขึ้นมากระจ่างใส มีสุขภาพดีได้อีกด้วย Niacinamide นั้นถือเป็นอาหารผิวที่สำคัญเพราะมีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อผิวหลาย ๆ อย่างและในขณะเดียวกันก็มีความระคายเคืองที่ต่ำมาก ๆ หรือไม่มีเลย
โดยปกติแล้วร่างกายเราสามารถผลิต Niacinamide ขึ้นมาได้จากการรับประทานอาหารที่มี Vitamin B3 แต่เพื่อให้ผิวได้รับ Niacinamide โดยตรงและรวดเร็วมากขึ้น การใช้ครีมทาฝ้าที่มีส่วนผสมของ Niacinamide ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
ถึงเราจะเรียกว่า ครีมทาฝ้า ก็ไม่ได้หมายความว่าผลิตภัณฑ์ลดเลือนฝ้าจะอยู่ในรูปแบบของเนื้อครีมเท่านั้น แต่ยังมีเนื้อสัมผัสอื่น ๆ ที่ให้เลือกใช้อย่างเหมาะสมกับสภาพผิว
สำหรับคนผิวแห้ง ให้เลือกครีมทาฝ้าที่มีลักษณะเป็นครีม เพราะมีความเข้มข้นที่มากพอที่จะเคลือบและซึมลงทำงานยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินส่วนเกินได้ดีขึ้น อีกทั้งควรเลือกครีมทาฝ้าที่มีส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นในตัว เนื่องจากส่วนผสมในการลดเลือนฝ้าในผลิตภัณฑ์บางชนิดอาจจะทำให้ผิวมีความบอบบางมากขึ้นและระคายเคืองขึ้นมาได้
ในส่วนของคนที่มีผิวมันหรือผิวผสมที่มีความมันส่วนเกินอยู่บ่อยครั้ง ควรเลือกครีมทาฝ้าที่อยู่ในรูปแบบของเนื้อเหลวใสอย่างเซรั่มที่จะซึมลงสู่เพื่อเข้าทำงานในผิวได้ดีขึ้น โดยที่ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะเอาไว้บนใบหน้า หรือจะเลือกใช้แบบครีมก็ได้เช่นกัน แต่ควรเลือกที่ไม่มีน้ำมันแร่ที่อาจจะก่อให้เกิดการอุดตันในผิวได้
คนที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่ายโดยพื้นฐานแล้วควรจะเลือกสกินแคร์ที่ไม่มีสารก่อให้เกิดการระคายเคืองอย่าง แอลกอฮอล์ น้ำหอม น้ำมันแร่ หรือสารกันเสียอย่างพาราเบน แต่เมื่อเลือกครีมทาฝ้าก็มีส่วนที่ต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้นมา เนื่องจากส่วนประกอบในครีมทาฝ้าหลายชนิดมักจะมีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวจึงอาจจะทำให้ผิวบริเวณดังกล่าวบางและอ่อนแอลงได้ ทำให้เกิดเป็นอาการลอกเป็นขุยหรือผื่นแดงตามมา ดังนั้นให้เลือกครีมทาฝ้าที่ไม่มีสารผลัดเซลล์ผิว
นอกจากคนผิวแพ้ง่ายควรระมัดระวังในการเลือกครีมทาฝ้าแล้ว คนผิวปกติทั่วไปก็ต้องระวังสารอันตรายที่แฝงมากับครีมทาฝ้าอย่างปรอทซึ่งเป็นโลหะหนักที่เมื่อใช้ไปนาน ๆ แล้วจะทำให้ผิวเกิดอาการแพ้และไหม้ และ Hydroquinone ที่ถึงแม้จะมีประสิทธิภาพในการทำให้ฝ้าดูจางลง แต่ต้องใช้ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์เท่านั้น หากคุณนำมาใช้เองในปริมาณที่ไม่เหมาะสมก็จะทำให้ใบหน้าเกิดอาการแพ้เป็นด่างขาว จนกลายเป็นผิวดำคล้ำถาวรที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ในที่สุด
การจะใช้ครีมทาฝ้าให้เห็นผลนั้น จะต้องใช้ต่อเนื่องกันเป็นเวลายาวนาน ซึ่งหากคุณเลือกครีมทาฝ้าที่มีราคาแพงจนเกินไป ก็อาจจะทำให้คุณใช้แล้วหยุด มีอาการสะดุดติดขัดขึ้นมา จนทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์ของฝ้าที่ดูจางลงจากการใช้ครีมทาฝ้าได้ ดังนั้นควรเลือกที่มีราคาเหมาะสมกับงบประมาณที่คุณมีจะดีที่สุด
หลังจากที่เราได้ให้ข้อมูลที่จำเป็นในการพิจารณาเลือกซื้อครีมทาฝ้ากันไปแล้ว มาดูกันดีกว่าค่ะว่า 10 อันดับ ครีมทาฝ้า ที่ได้รับการแนะนำจากผู้ใช้ในเว็บรีวิวต่าง ๆ นั้นจะมียี่ห้อไหนกันบ้าง
ครีมทาผิวที่มีส่วนผสมของ Niacinamide ซึ่งมีคุณสมบัติสำคัญในการลดเลือนจุดด่างดำ อีกทั้งยังมีส่วนผสมของ Galactomyces ที่ได้จากการหมักยีสต์ซึ่งช่วยปรับผิวให้กลับมาดูกระจ่างใสได้ รวมไปถึง Ceramide ที่มีส่วนในการฟื้นบำรุงผิว หลายคนชื่นชอบที่ครีมรุ่นนี้มีราคาที่ถูกแต่ให้ส่วนผสมที่มีประโยชน์หลายชนิด อ่อนโยนและไม่ทำให้ผิวระคายเคือง แต่บางคนลงความเห็นว่าไม่เห็นผลชัดเจนเรื่องลดเลือนฝ้า
เป็นครีมวิตามินซีในดวงใจของหลาย ๆ คนเพราะจุดเด่นสำคัญอยู่ที่ราคาประหยัดแต่ให้ปริมาณคุ้มค่า ใช้ส่วนผสมที่ช่วยปรับให้ผิวหน้ามีความกระจ่างใสขึ้นอยู่ถึงหลายชนิด หลายคนเห็นผลในเรื่องของฝ้าที่ดูจางลงเมื่อใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนาน รวมไปถึงจุดด่างดำชนิดอื่นก็ดูลดเลือนลงด้วยเช่นกัน มีส่วนผสมของสารกันแดดมาให้ด้วย แต่บางคนก็ไม่ประทับใจที่ครีมนั้นมีความหนักและเหนียวซึมได้ยาก และมีคราบขาว
ครีม Retinol ที่กำลังได้รับเสียงชื่นชม เพราะนอกจากจะมีส่วนผสมของ Retinol ในปริมาณที่มากเพียงพอในการผลัดเซลล์ผิวแล้ว ยังมีส่วนผสมของ Niacinamide และ Vitamin C มาเป็นตัวช่วยอีกด้วย หลายคนพบว่าฝ้านั้นดูจางลงเมื่อใช้ติดต่อกัน และยังได้โบนัสพิเศษคือผิวหน้าที่มีความเรียบเนียนขึ้น มีเซราไมด์ที่ช่วยซ่อมแซมผิวให้กลับมาแข็งแรง แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนผิวแห้งเพราะหลายคนพบว่าผิวแห้งกร้านหลังใช้
ทุกคนคงคุ้นชื่อของ Panburi จากแบรนด์ที่เน้นผลิตภัณฑ์สปาจากธรรมชาติ ซึ่งเมื่อแบรนด์ได้หันมาผลิตเซรั่มบำรุงผิว ก็ได้รับเสียงตอบรับเชิงบวกที่ล้นหลาม เนื่องจากยังคงใช้ส่วนผสมจากพืชธรรมชาติหลายชนิด รวมเข้ากับ Arbutin และ Vitamin C ที่ช่วยปรับให้ผิวดูกระจ่างใสอย่างอ่อนโยน หลายคนประทับใจที่นอกจากจะช่วยลดเลือนฝ้าได้ดีแล้ว ยังทำให้ผิวมีความนุ่มฟูและแข็งแรงเพิ่มขึ้น ใช้แล้วไม่อุดตันผิว
Origins เป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องส่วนผสมจากธรรมชาติ จึงกลายเป็นสกินแคร์ที่ถูกใจคนที่มีผิวแพ้ง่ายเป็นอย่างมาก ซึ่งเซรั่มรุ่นนี้ก็มีคุณสมบัติสำคัญในการลดเลือนรอยด่างดำอย่างฝ้าให้ดูจางลง และปรับให้สีผิวกลับมามีความสม่ำเสมอมากขึ้น ผู้ใช้ให้ความเห็นว่านอกจากจะเห็นผลในเรื่องของจุดด่างดำที่ดูจางลงแล้วยังช่วยให้ผิวมีความเรียบเนียนมากขึ้นอีกด้วย หลายคนยังชอบกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ช่วยให้ผ่อนคลายเมื่อใช้
Shiseido เป็นสถาบันวิจัยทางความงามอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น ซึ่งเซรั่มขวดนี้ ทางแบรนด์ได้ใช้ส่วนผสมที่คิดค้นและจดสิทธิบัตรขึ้นเอง โดยส่วนผสม 4MSK ที่ใส่มาในผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ช่วยลดการทำงานของเซลล์ผลิตเม็ดสีลง ทำให้นอกจากจะช่วยลดเลือนฝ้าแล้วยังช่วยป้องกันความหมองคล้ำที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ผู้ใช้ประทับใจเนื้อเซรั่มที่มีความบางเบา สามารถซึมลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว และยังมีกลิ่นหอมสดชื่นอีกด้วย
หนึ่งในไอเทมยอดนิยมของ Kiehl's ซึ่งก็เป็นอีกแบรนด์ที่เน้นการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ และใช้สูตรที่มีความอ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย เซรั่มรุ่นนี้นอกจากจะใช้ Vitamin C แล้ว ยังใช้สารสกัดจากดอกไม้ธรรมชาติที่จะช่วยทำงานให้รอยดำอย่างเช่นฝ้าและกระดูจางลงได้ภายในระยะเวลาอันสั้น หลายคนยืนยันตรงกันว่าเห็นผลในเรื่องนี้ อีกทั้งยังพบว่าสีผิวมีความสม่ำเสมอขึ้นอีกด้วย บางคนก็ชื่นชมที่เซรั่มมีเนื้อใสบาง ซึมเร็ว
เซรั่มสูตรใหม่จากแบรนด์ที่ใช้ CL-302 Complex อันเป็นสูตรเฉพาะของแบรนด์ที่รวมดาวส่วนผสม 5 ชนิดซึ่งช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้าและกระได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังมีส่วนผสม Nivitol หรือ UP302 ทำให้ฝ้าจางลงได้ดีกว่ากรด Kojic ผู้ใช้ส่วนใหญ่พบว่าฝ้าบนผิวนั้นดูจางลงไป ผิวมีสีผิวที่สม่ำเสมอและกระจ่างใสมากขึ้น อีกทั้งยังประทับใจเนื้อสัมผัสที่มีความบางเบาและมีความอ่อนโยนไม่สร้างความระคายเคือง
Pitera ซึ่งเป็นส่วนผสมสิทธิบัตรของแบรนด์นั้นอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อผิว ช่วยกระตุ้นให้ผิวเกิดการผลัดตัวและสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งทางแบรนด์ได้นำมารวมกับ Lumina Kelp Extract ยับยั้งการผลิตเมลานินเพิ่มขึ้นในผิว จึงป้องกันความหมองคล้ำและจุดด่างดำที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย ถึงจะมีราคาสูงแต่ผู้ใช้หลายคนต่างการันตีว่าเห็นผลจริงโดยที่ทั้งกระจ่างใสและเรียบเนียน
อันดับหนึ่งเป็นเซรั่มจากแบรนด์ Estee Lauder ซึ่งเมื่อดูจากส่วนผสมที่ใช้ก็ต้องยกให้แบรนด์นี้กันไปเลย เนื่องจากจัดเต็มทั้ง Vitamin C และ Ferment 2 ซึ่งเป็นสารสกัดที่ได้จากการหมักทั้งยีสต์และกากน้ำตาล โดยสารสกัดเหล่านี้ล้วนมีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเกิดเม็ดสีเมลานิน โดยให้การระคายเคืองต่ำ ผู้ใช้หลายคนเห็นผลทั้งในเรื่องฝ้าที่ดูจางลงและผิวหน้าที่มีความกระจ่างใสมากขึ้น อีกทั้งยังมีความเรียบเนียนเพิ่มขึ้นอีกด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับข้อมูลเรื่องครีมทาฝ้าที่เราได้มานำเสนอให้คุณได้ทำความรู้และความเข้าใจกันในวันนี้ เราก็หวังว่าจะช่วยให้คุณนั้นเลือกซื้อครีมทาฝ้ามาใช้ได้อย่างถูกใจมากขึ้น จะเห็นได้เลยว่าครีมทาฝ้าที่สาว ๆ หลายคนแนะนำนั้นมักจะเป็นสกินแคร์ที่คุณสามารถใช้ในการบำรุงผิวทั่วไปอยู่แล้ว ซึ่งถ้าหากคุณไม่อยากใช้สกินแคร์หลายตัวซับซ้อน ก็อาจจะเลือกเอาจากในลิสต์ที่เราแนะนำมาได้เลย
การใช้ครีมทาฝ้านั้นถือเป็นการจัดการกับปัญหาเรื่องฝ้าที่ปลายเหตุ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดก็คือต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ โดยคุณควรจะหลีกเลี่ยงการให้ผิวสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง ด้วยการสวมหมวกหรือกางร่มเมื่อออกนอกสถานที่ รวมไปถึงการใช้ครีมกันแดดทาผิวหน้าทุกครั้งก่อนจะออกแดด เพื่อป้องกันรังสี UV ในแสงแดดนั่นเอง ซึ่งค่ากันแดดที่เหมาะสมนั้นจะอยู่ที่ SPF 30 เป็นต้นไปและควรเป็น PA+++ ด้วย