คีย์บอร์ดเกมมิ่งเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับผู้เล่นเกมแนว FPS หรือ MMO ครับ เสน่ห์อันน่าหลงใหลของสเปกที่จัดทำมาเป็นพิเศษสำหรับเล่นเกมไม่ว่าจะเป็นคีย์บอร์ดแบบไร้สาย, คีย์บอร์ดแบบไร้เสียง หรือคีย์บอร์ดแบบที่ไม่มีแป้นพิมพ์ตัวเลข การออกแบบที่ดีไซน์ตามหลักสรีรศาสตร์ซึ่งเป็นที่นิยมแม้แต่ในหมู่โปรแกรมเมอร์ แต่สำหรับผู้เริ่มต้นแล้ว การเลือกซื้ออาจจะมีหลายคำที่ไม่คุ้นเคย อย่างเช่น สวิตช์สีแดง, สวิตช์สีน้ำเงินหรือ PS/2 ทำให้เป็นเรื่องยากในการตัดสินใจเลือกซื้อสำหรับหลาย ๆ คนได้
ในครั้งนี้ เราจะมา แนะนำวิธีการเลือกคีย์บอร์ดเกมมิ่ง รวมไปถึงจัดอันดับ 10 คีย์บอร์ดเกมมิ่ง ที่ได้รับความนิยมกันในตอนนี้ มาให้อ่านกันครับ ทักษะการเล่นเกมนั้นสามารถพัฒนาได้ด้วยเพียงแค่การเปลี่ยนคีย์บอร์ด 1 ตัวเท่านั้น ฉะนั้น เรามาเลือกคีย์บอร์ดที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด เพื่อพัฒนาเทคนิคการเล่นเกมของตัวเองกันดีกว่าครับ
อย่างแรกเลย เราจะขอแนะนำประเด็นสำคัญสำหรับการเลือกคีย์บอร์ดเกมมิ่งก่อน ไม่ว่าจะเป็นสวิตช์, ประเภทของปุ่ม หรือฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ติดตั้งมาพร้อมกับคีย์บอร์ด มาเลือกคีย์บอร์ดโดยใช้วิธีเหล่านี้อ้างอิงไปด้วยกันเลยครับ
สีสวิตช์ของ Mechanical Keyboard นั้น หลัก ๆ มีอยู่ 4 สี ได้แก่ สีแดง, สีน้ำเงิน, สีน้ำตาล และสีดำ ซึ่งน้ำหนักในการกดปุ่มของแต่ละสีนั้น จะเรียงจากเบาที่สุดไปถึงหนักที่สุด ก็คือ สีแดง → สีน้ำตาล → สีดำ → สีน้ำเงิน เรียงตามลำดับ มาลองเช็กความรู้สึกและเสียงในการกดปุ่มแต่ละชนิด และมาเลือกคีย์บอร์ดที่เหมาะกับสไตล์การเล่นของตัวเองมากที่สุดกันดีกว่า
สวิตช์สีแดง (Red Switch) เหมาะกับคนที่มองหาคีย์บอร์ดที่กดง่าย ไม่ต้องออกแรงนิ้วเยอะ มีแรงต้านในการกดคงที่ และ คนที่เล่นเกมต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ ลักษณะเด่นของสวิตช์แบบนี้ คือ ใช้แรงในการกดปุ่มที่น้อยที่สุด มีสัมผัสที่เบาจนแทบไม่รู้สึกเมื่อกดปุ่ม และมีเสียงเงียบในเวลาพิมพ์ อย่างไรก็ตาม ด้วยสัมผัสในการกดปุ่มที่เบา จึงอาจไม่ถูกใจผู้ที่ใช้งานแบบพิมพ์สัมผัสครับ
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความรู้สึกหนักแน่นเมื่อได้พิมพ์คีย์บอร์ด ขอแนะนำให้เลือกแบบสวิตช์สีฟ้า (Blue Switch) เพราะคีย์บอร์ดประเภทนี้จะรู้สึกถึงสัมผัสของการกระดอนของตัวปุ่มเวลากดปุ่มได้อย่างชัดเจน สามารถพูดได้เลยว่าเป็นความสุขที่สุดยอดของผู้ใช้งานที่รักการพิมพ์สัมผัสเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคีย์บอร์ดชนิดนี้จะมีเสียงดังเวลาพิมพ์หรือกดปุ่ม ทำให้ไม่เหมาะสำหรับการใช้ในที่เงียบ แนะนำสำหรับผู้ที่เล่นเกมในที่ที่ไม่ต้องกังวลเรื่องเสียงครับ
สำหรับผู้ที่เริ่มต้นใช้งานคีย์บอร์ดเกมมิ่ง ขอแนะนำสวิตช์สีน้ำตาล (Brown Switch) ซึ่งเป็นประเภทที่อยู่ตรงกลางระหว่างสีแดงและสีฟ้า ทำให้มีความรู้สึกที่มั่นคงเมื่อกดปุ่มมากกว่าสีแดง แต่จะมีเสียงเบากว่าสีฟ้านั่นเอง หรือพูดง่าย ๆ คือ ยังคงมีสัมผัสแต่ให้เสียงเล็กน้อย ดังนั้น คนที่เพิ่งจะเริ่มใช้ แนะนำให้ลองคีย์บอร์ดสวิตช์สีน้ำตาลนี้ก่อน และหากต้องการสัมผัสที่เบากว่าเดิมให้เลื่อนไปใช้สวิตช์สีแดง หรือเปลี่ยนไปใช้สีน้ำเงินหากต้องการความคล่องแคล่วในการพิมพ์ครับ
สำหรับเกมที่เน้นด้านความเร็วนั้น การที่เราสามารถพิมพ์ได้ด้วยความเร็วสูงจึงเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับคีย์บอร์ดเกมมิ่งสวิตช์สีดำ (Black Switch) จะมีจุดเด่นที่ช่วยตอบสนองการกดปุ่มได้อย่างรวดเร็วและมีเสียงที่เงียบ จึง เหมาะกับเกมเมอร์ที่ต้องการชนะด้วยความเร็วสูง ครับ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ความเร็วในการพิมพ์ก็อาจเป็นเหตุให้นิ้วมือล้าได้ง่ายเช่นกัน ฉะนั้น ประเภทนี้จึงเหมาะกับคนที่คุ้นเคยกับเกมดีแล้วมากกว่าครับ
ผู้ที่คุ้นเคยกับการใช้งานคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ธรรมดา ขอแนะนำให้เลือกประเภทปุ่มยาง เพราะมีความคล้ายกับคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานกันทั่วไป เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพิมพ์ด้วยความรู้สึกที่คุ้นเคยครับ แม้จะไม่มีเสียงหรือสัมผัสที่ดีเมื่อได้กดปุ่มเท่าไรนัก แต่ก็มีราคาถูก เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นใช้งานคีย์บอร์ดเกมมิ่งครับ
สำหรับ ผู้ที่เล่นเกมในเวลากลางคืน และไม่ต้องการรบกวนคนในบ้าน ขอแนะนำประเภท Pantograph จุดเด่นของคีย์บอร์ดประเภทนี้ คือ มี Keystroke (ความลึกของตัวปุ่ม) ที่ตื้น ทำให้ไม่ต้องใช้แรงมากในการกด และมีเสียงที่เบา ตัวคีย์บอร์ดนั้นมีขนาดบาง สามารถวางตั้งและจัดเก็บไว้ข้าง ๆ ตัวคอมพิวเตอร์ได้ด้วย อีกทั้งยังมีจุดเด่นตรงที่มีความทนทานสูง สามารถกระจายแรงกดได้ดีเลยครับ
สำหรับ ผู้ที่ชื่นชอบปรับแต่งคีย์บอร์ดให้เป็นสไตล์ของตัวเอง เราขอแนะนำประเภท Capacitive Switch เพราะปุ่มของคีย์บอร์ดประเภทนี้จะไม่มีการสัมผัสทางกายภาพ จึงไม่มีการสึกกร่อนและสามารถพิมพ์ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังปรับความรู้สึกตอนกดปุ่มได้ จึงปรับความแข็งหรือแรงต้านของปุ่มให้เหมาะกับตัวเองได้อีกด้วย แม้ประเภทนี้จะมีราคาแพงและมีหลายรุ่นที่มีราคาสูงถึง 6,000 – 10,000 บาท แต่ถือว่าตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการคีย์บอร์ดที่เน้นความยืดหยุ่นให้เหมาะกับตัวเองเป็นอย่างยิ่งครับ
ประเภทการเชื่อมต่อของคีย์บอร์ดมีความสำคัญมาก เพราะความเร็วในการตอบสนองของปุ่มแต่ละปุ่มจะเร็วแค่ไหนจะแตกต่างไปตามประเภทการเชื่อมต่อแต่ละชนิด ถัดจากนี้ ผู้เขียนจะแนะนำประเภทการเชื่อมต่อเรียงลำดับตามความเร็วในการตอบสนองตั้งแต่มากไปน้อย เรามาเลือกให้เหมาะสมกับประเภทของเกมที่คุณเล่นกันดีกว่าครับ
สำหรับเกมที่ต้องใช้การตอบสนองอย่างรวดเร็ว เช่น เกมแนว FPS ขอแนะนำให้เลือก การเชื่อมต่อแบบ PS/2 เพราะมีการตอบสนองที่รวดเร็วที่สุดและสามารถส่งข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก การเชื่อมต่อประเภทนี้จะตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเมื่อกดปุ่มและป้อนคำสั่งได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังสามารถตอบสนองการกดปุ่มพร้อมกันได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม สายชนิดนี้ไม่สามารถถอดสายระหว่างที่ใช้งานอยู่ได้ ดังนั้น เวลาถอดสายไปใช้งานกับเครื่องอื่นจึงจำเป็นต้องปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อนครับ
สำหรับผู้ใช้งานที่มีอุปกรณ์หลายชิ้น ขอแนะนำให้ใช้การเชื่อมต่อแบบสาย USB เพราะ เพียงแค่เสียบก็สามารถใช้งานได้ในทันที และสาย USB ยัง สามารถใช้กับเครื่องเกมคอนโซลอื่น ๆ นอกเหนือจากคอมพิวเตอร์ เช่น PS4 ได้อีกด้วย หรือการจะทำการถอดสายระหว่างการใช้งานก็สามารถทำได้เช่นกันครับ
อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดด้านการถ่ายโอนข้อมูล ทำให้มีความจุไม่เพียงพอในการกดปุ่มจำนวนหลาย ๆ ปุ่มพร้อมกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น เกมที่จำเป็นต้องกดปุ่มหลาย ๆ ปุ่มพร้อมกันนั้นค่อนข้างหายาก สำหรับผู้ที่คิดว่ากดพร้อมกันได้ 6 ปุ่มก็เพียงพอแล้วในการเล่นเกม การเชื่อมต่อแบบ USB ก็ไม่มีปัญหาใด ๆ ในการเล่นอย่างแน่นอน
สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้งานบนโต๊ะแต่ชอบ นอนเล่นเกมบนเตียงหรือบนโซฟา คีย์บอร์ดแบบไร้สายที่ใช้งานด้วยระบบ Bluetooth เหมาะกับคุณที่สุดครับ เพราะการเชื่อมต่อประเภทนี้มีข้อดี คือ คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเล่นได้อย่างอิสระตามสไตล์ของตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องไปกังวลเรื่องสายเชื่อมต่อ แต่บางครั้งอาจมีการล่าช้าในการส่งสัญญาณอยู่บ้าง จึงไม่เหมาะกับผู้เล่นแนว FPS อย่างไรก็ตาม คนที่เล่นแบบสบาย ๆ เช่น เกมแนว MMO คีย์บอร์ดประเภทนี้ถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว
สำหรับเกมที่จำเป็นต้องใช้ความเร็วในการตอบสนอง การกดปุ่มผิดอาจส่งผลถึงขั้นแพ้ชนะได้เลย ดังนั้น เพื่อป้องกันความผิดพลาดเหล่านี้ ต้องทำให้ตัวเองมั่นใจว่า เราได้เลือกคีย์บอร์ดเกมมิ่งที่มีฟังก์ชัน “N-Key Rollover” และ “Anti-Ghosting” จะดีที่สุด โดยฟังก์ชัน N-Key Rollover นี้เป็นฟังก์ชันที่จดจำการกดปุ่มหลาย ๆ ปุ่มพร้อมกัน ส่วนฟังก์ชัน Anti-Ghosting คือ การป้องกันเวลาที่เรากดปุ่มหลาย ๆ ปุ่มพร้อมกันแล้วโปรแกรมไม่ทำงาน
สรุปง่าย ๆ ก็คือ คีย์บอร์ดเกมมิ่งที่มีฟังก์ชัน “N-Key Rollover” และ “Anti-Ghosting” นั้น จะทำให้ไม่เกิดความผิดพลาดเวลากดปุ่มหลาย ๆ ปุ่มพร้อมกันหรือเวลากดปุ่มอย่างรวดเร็ว เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถพัฒนาเทคนิคการเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้วครับ
สำหรับคีย์บอร์ดเกมมิ่งที่มีฟังก์ชันมาโคร หากตั้งค่าสกิลหรือคำสั่งที่ใช้งานบ่อย ๆ ไว้ในปุ่มลัด G แล้ว คุณก็จะ สามารถออกคำสั่งได้อย่างง่ายดายด้วยปุ่มเดียว หากต้องการเล่นเกมให้มีความราบรื่นมากขึ้น ลองพิจารณาคีย์บอร์ดเกมมิ่งรุ่นที่มีปุ่มลัดมาโครดูได้เลย
นอกจากนี้ เวลาล็อกอินเข้าเกมต่าง ๆ แล้วเกิดปัญหาน่ารำคาญ อย่างเช่น การกรอกข้อมูลผิดพลาด หากคุณตั้งค่าชื่อผู้ใช้หรือรหัสผ่านด้วยฟังก์ชันมาโครแล้ว ก็จะสามารถล็อกอินได้อย่างรวดเร็วขึ้นโดยไม่ต้องหงุดหงิดกับปัญหานี้เลยครับ
คีย์บอร์ดเกมมิ่งส่วนใหญ่จะเป็นคีย์บอร์ดภาษาอังกฤษ ดังนั้น สำหรับเกมส่วนใหญ่ที่ใช้ภาษาอังกฤษก็สามารถเล่นได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ หรือสำหรับเกมต่างประเทศก็สามารถเล่นได้ทันที ไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนปุ่มอะไรเพิ่มเติมมากมายครับ
อย่างไรก็ตาม สำหรับเกมที่ต้องแชทกับผู้เล่นอื่นด้วยภาษาไทย การจะใช้แป้นพิมพ์ภาษาอังกฤษก็อาจจะลำบากไปสักนิด การจัดวางปุ่มต่าง ๆ ว่าจะเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษให้เข้ากับสไตล์การเล่นของตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากหรือเสียเวลาขณะใช้งานครับ
สำหรับคีย์บอร์ดแบบที่ไม่มีแป้นพิมพ์ตัวเลขอยู่บริเวณด้านขวานั้น จะสามารถ เล่นได้แม้แต่ในพื้นที่แคบ ๆ จึงเหมาะกับเกมที่จำเป็นต้องใช้เมาส์ครับ สำหรับคนที่มีพื้นที่วางคีย์บอร์ดน้อย การเหลือที่ว่างไปใช้สำหรับใช้งานเมาส์สักหน่อยก็จะสะดวกที่สุด อีกทั้งคีย์บอร์ดชนิดนี้มีขนาดเล็ก ทำให้พกพาง่าย และสะดวกแม้จะนำไปเล่นที่อื่นครับ
สำหรับผู้ที่เล่นในสถานที่มืด ๆ ขอแนะนำให้ใช้คีย์บอร์ดเกมมิ่งที่มีฟังก์ชันแบล็กไลต์ (Blacklight) หรือแบบที่มีไฟนั่นเอง เสน่ห์ของ แสงที่ส่องออกมาด้านใต้ของคีย์บอร์ดทำให้มองเห็นได้แม้เล่นในที่มืด สำหรับผู้ที่ชอบหรี่แสงไฟของห้องแล้วจมดิ่งเข้าไปในโลกของเกม คีย์บอร์ดเกมมิ่งประเภทนี้ตอบโจทย์ที่สุดเลยครับ
นอกจากนี้ ยังมีข้อดีอีกประการตรงที่ว่าจะแตกต่างกับปุ่มประเภทที่มีการพิมพ์ตัวอักษรลงไป เพราะตัวอักษรของคีย์บอร์ดประเภทนี้จะไม่จางหายไปแม้ว่าจะพิมพ์ไปนานแค่ไหนก็ตาม
อย่างที่เราได้ทราบกันไปแล้วว่า คีย์บอร์ดเกมมิ่งนั้นมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย และตอบสนองการเล่นเกมหลายอย่างมากกว่าคีย์บอร์ดทำงานธรรมดาทั่วไป ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับเหล่าเกมเมอร์แล้ว แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่างยี่ห้อ Razer นั้น มีสินค้าคีย์บอร์ดหลายรุ่นมาก ดังนั้นเพื่อเอาใจสาวกของแบรนด์ เราจึงได้นำบทความสินค้ารุ่นต่าง ๆ ของ Razer มาฝากแฟน ๆ โดยเฉพาะกันด้วยครับ นอกจากนี้ สำหรับเกมเมอร์สายงบน้อยแต่ต้องการคีย์บอร์ดสมรรถนะเยี่ยม ต้องไม่พลาดกับอีกหนึ่งบทความดี ๆ 10 อันดับ คีย์บอร์ดเกมมิ่ง ราคาไม่เกิน 1,500 บาท ด้านล่างนี้เลยครับ
หลังจากที่ได้ศึกษาข้อมูลวิธีเลือกคีย์บอร์ดเกมมิ่งกันไปแล้ว ต่อไปเรามาดูคีย์บอร์ดเกมมิ่งยอดนิยม 10 อันดับ ที่ทีมงานของเราจัดมาให้บรรดาเกมเมอร์ทุกคนได้เลือกซื้อกันครับ ความแตกต่างแค่เล็กน้อยก็ส่งผลกับการเล่นเกมของเราได้อย่างมหาศาล ดังนั้นเรามาเลือกคีย์บอร์ดเกมมิ่งที่เหมาะกับตัวเองที่สุดกันดีกว่าครับ
มาเริ่มต้นกันด้วยคีย์บอร์ดเกมมิ่งรุ่น K511 Hunter Pro ของ FANTECH ที่มาด้วยคุณภาพยอดเยี่ยมสวนทางกับราคาที่แสนถูก มีทั้งระบบ Anti-Ghosting 19 ปุ่ม, ไฟ LED สายรุ้งสุดเท่ และแป้นพิมพ์ภาษาไทยสำหรับเกมเมอร์ชาวไทยโดยเฉพาะ เป็นประเภทปุ่มยางที่ให้สัมผัสที่นุ่มนวล เบา และใช้งานกันได้อย่างคุ้นเคย ด้วยฟังก์ชันระดับนี้และราคาที่จับต้องได้ สำหรับคนที่กำลังมองหาเกมมิ่งคีย์บอร์ดตัวแรก ขอแนะนำรุ่นนี้ให้เลยครับ
ถัดมา คือ คีย์บอร์ดเกมมิ่ง GK-10 รุ่นยอดฮิตของ Tsunami ที่มีจุดเด่นเรื่องการดีไซน์ที่สวยงามและทำมาจากวัสดุเหล็กทั้งชิ้น ทำให้มีความทนทานมากกว่าคีย์บอร์ดเกมมิ่งรุ่นอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมฟังก์ชัน Anti-Ghosting 19 ปุ่ม, แป้นพิมพ์ภาษาไทย และไฟแบล็กไลต์ LED ที่ให้มาแบบจัดเต็มถึง 7 สีเลยทีเดียว สำหรับใครที่กำลังมองคีย์บอร์ดเกมมิ่งไปใช้งานแบบสมบุกสมบันสักอัน Tsunami GK-10 รุ่นนี้น่าจะเหมาะที่สุดแล้วครับ
กระเถิบราคาขึ้นมาอีกนิด กับคีย์บอร์ดเกมมิ่งรุ่น K613L Fighter II ของ FANTECH ที่ยอดเยี่ยมขึ้นมาอีกขั้น เพราะนอกจากดีไซน์เท่สุด ๆ แล้ว รุ่นนี้ยังมีจุดขายตรงที่เฟรมทำมาจากอะลูมิเนียมที่แข็งแรงทนทาน เสริมด้วยไฟแบล็กไลต์ LED ที่ปรับได้ทั้งสามโหมด และ Anti-Ghosting ที่เหนือชั้นขึ้นมาอีกกลายเป็น 25 ปุ่ม และที่สำคัญ คือ มีแป้นพิมพ์ภาษาไทยสำหรับเกมเมอร์ชาวไทยอีกด้วย ใครที่ต้องการหาคีย์บอร์ดเกมมิ่งดี ๆ ในราคาไม่แพง รับรองว่าเลือกรุ่นนี้ไปไม่ผิดหวังแน่นอน
มาดูรุ่น Savage NK-31 ของ Nubwo กันบ้าง ที่โดดเด่นด้วยราคาถูกแสนถูกแต่คุณภาพเหนือล้ำ ด้วย Anti-Ghosting ถึง 19 ปุ่ม, เฟรมที่ทำจากอะลูมิเนียมคุณภาพดีท แข็งแรงทนทาน และสัมผัสแผ่วเบา นุ่มนวลของปุ่มยาง แต่จุดขายสำคัญของคีย์บอร์ดเกมมิ่งรุ่นนี้ คือ ไฟแบล็กไลต์ LED ที่มีให้เลือกถึง 9 แบบ และฟังก์ชันที่ภูมิใจนำเสนอ คือ สามารถทำให้ไฟกะพริบตามจังหวะเพลงได้ด้วย สำหรับเกมเมอร์ที่ชื่นชอบความสวยงามและโดดเด่นของไฟคีย์บอร์ดเกมมิ่ง และกำลังหาคีย์บอร์ดดี ๆ ในราคาไม่แพง ตัวนี้เหมาะสำหรับคุณเลยครับ
มากันที่ Mechanical Keybord กันบ้าง กับคีย์บอร์ดเกมมิ่งรุ่น K-79 ของ OKER ที่โดดเด่นด้วยปุ่ม Blue switch ทำให้เสียงและสัมผัสของการกดปุ่มดังสะใจ นอกจากนี้ ยังมีโหมดไฟ LED ถึง 6 โหมด ปรับได้ถึง 4 ระดับ และยังรองรับระบบมาโครได้ถึง 14 ปุ่ม เฟรมที่ไม่ได้ทำจากโลหะทำให้มีน้ำหนักที่เบา พกพาสะดวก และจากฟังก์ชั่นทั้งหมดนี้ OKER เอาใจลูกค้าสุด ๆ ด้วยราคาเพียงแค่ 790 บาทเท่านั้น สำหรับเกมเมอร์ที่ชื่นชอบเสียงอันไพเราะเวลากดปุ่ม และกำลังหา Mechanical Keybord ในราคาไม่แพง รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
ต่อกันด้วยคีย์บอร์ดเกมมิ่งยี่ห้อที่ทุกคนคุ้นเคยอย่าง REDRAGON รุ่น ARYAMAN K569 ที่โดดเด่นกว่ารุ่นอื่น ๆ เพราะมีทั้ง Red Switch และ Blue Switch แถมมาด้วยระบบ Full Anti-Ghosting ที่ป้องกันทุกปุ่มบนคีย์บอร์ด นอกจากนี้ ยังมีปุ่มมัลติฟังก์ชันที่รองรับระบบมาโครถึง 12 ปุ่ม, มีไฟแบล็กไลต์ LED 9 โหมดไฟ ที่สำคัญ ยังมีความแข็งแรงทนทานด้วยฟังก์ชันป้องกันของเหลวหกใส่ ทำให้เพิ่มอายุการใช้งานได้ถึง 50 ล้านครั้งต่อปุ่มเลยทีเดียว ถือเป็นสุดยอดคีย์บอร์ดอีกตัวที่ได้รับความนิยมเลยครับ
อีกหนึ่งตัวที่ติดอันดับ จะเป็นรุ่นไหนไปไม่ได้เลยนอกจาก K68 RGB ของ Corsair ที่มีจุดขายที่ใช้ Red Switch ของ Cherry MX ทำให้รับประกันได้เลยในด้านคุณภาพ สัมผัสที่แผ่วเบา และเสียงกดที่เงียบงัน นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน Full Anti-Ghosting และ FULL KEY ROLLOVER ที่ครอบคลุมทั้งตัวคีย์บอร์ด, กันน้ำกันฝุ่นในระดับ IP32 มีไฟแบล็กไลต์ LED ระบบ RGB หากใครที่กำลังมองหาคีย์บอร์ดเกมมิ่งเสียงเงียบ ๆ คุณภาพดีสำหรับเล่นในเวลากลางคืน แม้จะราคาสูงหน่อย แต่รับรองว่าตัวนี้ไม่ผิดหวังแน่นอน
อีกหนึ่งเรือธงของค่ายมังกรแดง REDRAGON คงต้องยกให้รุ่น YAMA K550-1 ที่มีจุดขายสำคัญด้วย Mechanical Switch ที่มีถึง 3 สีได้แก่ Blue, Red และสวิตช์สีหายากอย่าง Purple Switch ที่รวดเร็วเท่า Red Switch แต่ให้เสียงที่เบากว่า Blue Switch นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันต่าง ๆ อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไฟ LED 18 โหมด, 12 ปุ่มมาโคร, Full Anti-Ghosting และยังแข็งแรงทนทาน เพราะมีอายุการใช้งาน 50 ล้านต่อปุ่ม ตัวโครงทำจากอะลูมิเนียม ถือว่าตอบโจทย์ครบในราคาที่ไม่แรงเกินไปเลยครับ
ตัวนี้ไม่ได้มาแค่ 1 แต่มีให้ถึง 2 Mechanical Switch กับรุ่น SORCERER X-28 ของ Nubwo ที่มีทั้ง Blue Switch และ Brown Switch ให้เลือกใช้ ทั้งยังมีระบบ Anti-Ghosting ที่เหนือชั้น ป้องกันได้ถึง 104 ปุ่ม มีไฟแบล็กไลต์ LED ที่ปรับได้ถึง 19 โหมด นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชั่นมาโครที่ตั้งค่าได้ 104 ปุ่มและที่รองข้อมือแบบถอดออกได้ด้วยระบบแม่เหล็ก เรียกได้ว่า จัดเต็มสำหรับเกมเมอร์ตัวจริงเลยทีเดียว ใครที่กำลังมองหาคีย์บอร์ดเกมมิ่งคุณภาพดี ๆ ในราคาที่สมเหตุสมผล รุ่นนี้ก็น่าลอง
อันดับที่ 1 จะเป็นตัวไหนไปไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่ Blackwidow ที่หนึ่งของวงการเกมมิ่งเกียร์ที่เหล่าเกมเมอร์รู้จักดี มาด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของ Razer อย่าง Green Switch ให้เสียง "คลิก" สะใจคล้าย Blue Switch แต่หนักแน่น นุ่มมือ และตอบสนองได้ดีที่สุดในทุกสีสวิตช์ทั้งหมด นอกจากนี้ ยังครบครันไปด้วยระบบ Full Anti-Ghosting, ไฟแบล็กไลต์ที่มี 16.8 ล้านรูปแบบ, ดีไซน์ที่เรียบหรูสวยงาม และความคงทนจากวัสดุคุณภาพสูงซึ่งมีอายุการใช้งานมากกว่า 80 ล้านครั้งต่อปุ่ม สำหรับเกมมิ่งมือโปรที่ต้องการคีย์บอร์ดเกมมิ่งดี ๆ ไปใช้งานได้ยาว ๆ ยังไงก็ต้อง Razer Blackwidow ตัวนี้ครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับคีย์บอร์ดเกมมิ่ง 10 ตัวเด็ดที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้ แม้ช่วงราคาจะมีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงราคาหลายพัน แต่ใช่ว่าของที่ราคาแพงที่สุดจะตอบโจทย์มากที่สุดเสมอไปครับ เพราะสิ่งสำคัญในการเลือกคีย์บอร์ดเกมมิ่ง คือ การเลือกให้เหมาะกับสไตล์การเล่นของตัวเองและเกมที่เล่นนะครับ ค่อย ๆ ลองเลือกและคุณจะสัมผัสได้ถึงความสนุกที่แตกต่าง รวมไปถึงเสน่ห์ของคีย์บอร์ดเกมมิ่งอย่างแน่นอนครับ
สำหรับการเลือกคีย์บอร์ดเกมมิ่งนี้ อาจจะมีข้อมูลหรือศัพท์เฉพาะมากมายที่ไม่คุ้นเคยไม่ว่าจะเป็น Mechanical Switch หรือ Anti-Ghosting หากใครยังอยากทำความเข้าใจมากขึ้นก็ลองหาบทความทางออนไลน์อ่านเพิ่มเติมได้เลย อย่างไรก็ตาม ทีมงานเราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เหล่าเกมเมอร์ทั้งหลายตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และสามารถเลือกคีย์บอร์ดที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุดไปใช้งานได้นะครับ