เชื่อว่า สกินแคร์เกาหลี เป็นสิ่งที่ใครหลายคนจะต้องนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ หากเอ่ยถึงประเทศเกาหลี โดยเฉพาะหลายคนเมื่อเห็นสภาพผิวหน้าอันเรียบเนียนและกระจ่างใสของทั้งดาราและไอดอลของสาวเกาหลีแล้ว ก็คงอยากจะใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มาจากประเทศเกาหลีตามไปด้วย ถ้าเป็นสมัยก่อนก็อาจจะต้องบินไปซื้อถึงประเทศเกาหลีใต้หรือฝากใครต่อใครซื้อมาให้จึงจะได้ใช้สกินแคร์แบรนด์เกาหลี แต่ยุคสมัยนี้มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์สกินแคร์จากเกาหลีเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่า แทบไม่ต้องบินไปซื้อถึงที่เกาหลีเลย เพราะมีให้เลือกเกือบจะครบทุกแบรนด์แล้ว
สกินแคร์เกาหลีที่วางจำหน่ายก็มีมากมายหลายยี่ห้อไม่ว่าจะเป็น Sulwhasoo, Etude, innisfree, Skinfood เป็นต้น โดยแต่ละยี่ห้อก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป แต่จะเลือกอย่างไรถึงจะเข้ากับสภาพผิวของเรา ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเลือกสกินแคร์แทบทุกชนิด วันนี้เราจึงนำเอาทั้งวิธีการเลือกซื้อและ 10 อันดับ สกินแคร์เกาหลีที่หลายคนการันตีว่าคุณควรจะมีเอาไว้ในครอบครองมาให้คุณได้เป็นไอเดียกันด้วยค่ะ
ความนิยมของสกินแคร์เกาหลีนั้นนอกจากจะเกิดจากอิทธิพลของวงการบันเทิงเกาหลีที่แผ่ขยายไปทั่วโลกแล้ว ยังเกิดจากคุณภาพที่ได้รับจากการพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอของวงการสกินแคร์เกาหลี จนใครหลายคนต่างก็ยกให้วงการความสวยความงามของเกาหลีนั้นมีความก้าวหน้ามากที่สุดในโลก สามารถผลิตสินค้าออกมาตอบโจทย์ความต้องการและแก้ไขปัญหาผิวหน้าได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุม นอกจากนี้ยังมีหลายระดับราคาให้เลือกใช้ตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น ที่สำคัญยังหาซื้อได้ไม่ยาก เพราะในปัจจุบันนี้มีหลายแบรนด์สกินแคร์เกาหลีที่ถูกนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างถูกต้องทำให้คุณไม่ต้องบินไปซื้อเองหรือพรีออร์เดอร์ให้ยุ่งยากเหมือนสกินแคร์จากประเทศอื่น ๆ เลยค่ะ
อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่าสกินแคร์เกาหลีนั้นมีให้เลือกซื้อกันมากมายเลยทีเดียว ถึงจะมีราคาที่ไม่แพงมาก แต่หากคุณซื้อมาแล้วไม่สามารถแก้ไขปัญหาผิวหรือตอบโจทย์ความต้องการก็จะเป็นการสิ้นเปลืองเงิน ดังนั้นมาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าการเลือกสกินแคร์เกาหลีให้ถูกใจคุณนั้นมีอะไรที่คุณต้องรู้บ้าง
สิ่งสำคัญอย่างแรกสุดที่คุณต้องรู้ก่อนจะเลือกซื้อสกินแคร์เกาหลี ก็คือประเภทของสกินแคร์นั่นเอง โดยส่วนนี้มีผลอย่างมาก เพราะแต่ละประเภทนั้นมีความจำเป็นต่อกระบวนการดูแลผิวในแบบฉบับของคนเกาหลี (Korean Skincare Routine)
Cleansing เป็นกลุ่มสกินแคร์ลำดับแรกในกระบวนการดูแลผิว โดยหน้าที่หลักคือช่วยทำความสะอาดผิวหน้า โดยคนเกาหลีนั้นใช้การ Double Cleansing ด้วย Cleansing ที่เป็นน้ำมัน โลชั่นหรือบาล์ม เพื่อกำจัดคราบเครื่องสำอาง กันแดด หรือความสกปรกออกจากผิวหน้า ก่อนจะตามด้วย Cleansing ที่เป็น Gel หรือ Foam ในการทำความสะอาดตามมาอีกทีเพื่อชะล้างสิ่งสกปรกที่อาจจะหลงเหลือตามรูขุมขนเพื่อให้มั่นใจว่าผิวหน้านั้นสะอาดหมดจด
หน้าที่หลักของ สกินแคร์ที่เป็น Exfoliator คือการช่วยผลัดและขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้ออกไป เพื่อกระตุ้นให้ผิวมีการสร้างเซลล์ผิวใหม่เพิ่มขึ้น ผิวของคุณก็จะกลับมาดูกระจ่างใสและเรียบเนียนกว่าเดิม นอกจากนี้ Exfoliator บางชนิดยังสามารถช่วยขจัดสิ่งอุดตันที่อยู่ลึกในเซลล์ผิวให้สลายไป ใครที่มีปัญหาสิวอุดตันต่าง ๆ ก็ควรใช้สกินแคร์ชนิดนี้เข้าช่วยดูแลด้วย Exfoliator ที่วางขายนั้นจะมีตั้งแต่สครับขัดผิวไปจนถึง Exfoliator Pad ที่เป็นสำลีตาข่ายบาง ๆ สามารถช่วยขัดผิวได้เช่นเดียวกับสครับ ทั้งนี้การใช้ Exfoliator นั้นควรทำแค่เพียง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น เพราะถ้ามากเกินไปก็จะทำให้ผิวของคุณบางและเกิดการแห้งลอกได้
Toner นั้นเป็นสกินแคร์ที่ใช้หลังจากขั้นตอนการล้างหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมักจะมองข้าม แต่ความจริงแล้วเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการดูแลผิว เพราะ Toner นั้นจะช่วยให้คุณเช็ดความสกปรกที่อาจจะหลงเหลือจากการทำความสะอาดผิวหน้าออก อีกทั้งยังช่วยเตรียมผิวโดยการปรับสมดุลผิวให้มีความเหมาะสมสำหรับขั้นตอนการลงสกินแคร์บำรุงผิวต่อไป ซึ่งผิวที่ขาดความสมดุลก็จะไม่สามารถซึมซับสารบำรุงในสกินแคร์ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น Toner จะเป็นตัวช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้
เชื่อว่าชื่อของสกินแคร์ทั้ง 3 ประเภทนี้มักทำให้หลาย ๆ คนต้องปวดหัวอยู่เสมอว่า ตกลงทั้ง 3 อย่างนั้นเหมือนกันหรือไม่ ซึ่งจริง ๆ แล้ว สกินแคร์ทั้ง 3 ชนิดนี้มีจุดประสงค์หลักที่เหมือนกัน คือ ดูแลปัญหาผิวอย่างตรงจุด แต่จะแตกต่างกันตรงที่ความเข้มข้นของ Active Ingredient และเนื้อสัมผัส ซึ่งตัว Essence จะมีความเข้มข้นน้อยที่สุดและมีเนื้อสัมผัสบางเบาที่สุด ในขณะที่ Serum จะมีความเข้มข้นมากเป็นอันดับ 2 และมีเนื้อสัมผัสค่อนข้างหนัก
สำหรับ Ampoule นั้นจะมีความเข้มข้นและเนื้อสัมผัสหนักที่สุด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผิวหนังแนะนำให้ใช้ Ampoule แค่ในช่วงที่ผิวต้องการการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วนเท่านั้น เนื่องจากมีราคาที่ค่อนข้างสูง ทั้งนี้สกินแคร์เกาหลีบางยี่ห้ออาจจะใช้ชื่อเรียกที่สับสนใน 3 ตัวนี้ คุณจึงควรพิจารณาดูจากความเข้มข้นและเนื้อสัมผัสเป็นหลัก
สกินแคร์ประเภท Moisturizer นั้นมีความจำเป็นอย่างมากในกระบวนการดูแลผิว เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นและเพิ่มความแข็งแรงให้กับเกราะของชั้นผิวเพื่อป้องกันผิวจากมลภาวะต่าง ๆ ได้ Moisturizer มีให้เลือกกันหลายแบบตั้งแต่แบบเนื้อครีม โลชั่น ไปจนถึงเนื้อเจล ซึ่งแตกต่างกันไปในความหนักเบาของเนื้อสัมผัส ดังนั้น ใครที่มีสภาพผิวมันควรจะใช้แบบโลชั่นหรือเจลที่มีเนื้อสัมผัสเบา ซึมไว ไม่อุดตันง่าย ส่วนผิวแห้งนั้นแนะนำให้เลือกใช้ที่เป็นเนื้อครีม เพราะมีความเข้มข้นสามารถเติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างเต็มที่
สกินแคร์ประเภทนี้จะมาทั้งในรูปแบบของแผ่นกระดาษหรือที่เรารู้จักกันว่า Sheet Mask หรือแบบเจลที่ทาทิ้งเอาไว้ข้ามคืนอย่าง Sleeping Mask ซึ่งจุดประสงค์ของสกินแคร์ตัวนี้ก็คือ ช่วยฟื้นบำรุงผิวในเวลาเร่งด่วน ถ้าหากใครที่พบว่าผิวมีความอ่อนแอและดูโทรมก็สามารถใช้สกินแคร์ตัวนี้ในการดูแลผิว รับรองได้เลยว่าจะช่วยให้คุณออกไปพบเจอผู้คนด้วยผิวที่ดูเปล่งปลั่งดูสดใสมากขึ้นเลยค่ะ
สกินแคร์เกาหลีนั้นมีความโดดเด่นในเรื่องของส่วนผสมที่ใช้เพื่อบำรุงผิว ซึ่งมีให้เลือกมากมายหลายชนิดด้วยเช่นกัน มาดูกันดีกว่าค่ะว่า ตัวหลัก ๆ ที่ได้รับความนิยมจะมีอะไรกันบ้างและช่วยดูแลผิวของเราอย่างไร
แน่นอนว่าส่วนผสมชนิดแรกสำหรับสกินแคร์เกาหลีจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก 'โสม' ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของเกาหลีกันเลย โสมนั้นนอกจากจะเป็นสมุนไพรที่ใช้รับประทานเพื่อเป็นยาอายุวัฒนะแล้ว ยังมีคุณสมบัติด้านการดูแลผิวพรรณที่โดดเด่น โดยช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในผิว ทำให้ผิวของคุณมีพลังและไม่เสื่อมสภาพได้ง่าย ช่วยปรับผิวที่เคยหมองคล้ำให้กลับมาดูกระจ่างใสและดูเปล่งปลั่งอ่อนเยาว์ด้วย
Hyaluronic Acid เป็นสารที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยการเพิ่มความแข็งแรงให้กับชั้นผิวเพื่อลดการสูญเสียน้ำออกจากเซลล์ผิวได้เป็นอย่างดี ซึ่งโดยปกติแล้วสารชนิดนี้ร่างกายของเราจะสามารถสร้างเองได้ แต่เมื่ออายุที่เพิ่มขึ้นและปัจจัยภายนอกจากสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ก็ทำให้ Hyaluronic Acid ที่สร้างในผิวไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นการเพิ่มการบำรุงด้วยสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากทีเดียว
สารสกัดจากเมือกหอยทากหรือ Snail Mucin นั้นเป็นกลุ่มโปรตีนที่มีคุณสมบัติในการซ่อมแซมผิวที่เสื่อมสภาพ สามารถสมานรอยแผลเป็น รอยด่างดำได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่จึงช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยได้ในตัว ดังนั้นใครที่มีปัญหาผิวเป็นรอยแผลหลุมสิว หรือ รอยตีนกาต่าง ๆ ก็ควรมองหาสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Snail Mucin มาลองใช้กันดูนะคะ
สารสกัดจากรังผึ้งหรือ Propolis Extract นั้นเป็นสารจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราที่ก่อให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสิวหรือผดผื่น นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการอักเสบ หรือระคายเคืองของผิวได้ จึงกลายเป็นสารสกัดที่สกินแคร์เกาหลีหลายยี่ห้อนำมาใช้ในการดูแลผิวของคนที่เป็นสิวหรือมีผิวแพ้ง่ายค่ะ
เป็นหนึ่งในส่วนผสมที่เพิ่งจะโด่งดังเมื่อไม่นานมานี้ Centella Asiatica Extract หรือที่เราอาจจะเห็นกันในชื่อของ Madecassoside ซึ่งเป็นสารสกัดจากใบบัวบก มีฤทธิ์สำคัญในการปลอบประโลมผิวจากอาการอักเสบต่าง ๆ อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูผิวที่อ่อนแอจากการถูกทำลายให้คืนสภาพกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม จึงกลายเป็นส่วนผสมที่สกินแคร์เกาหลีหลายแบรนด์พยายามใส่ในตัวสินค้า เพราะปัจจุบันพบว่า มลภาวะต่าง ๆ ไม่ว่าจะแสงแดดหรือฝุ่นมีส่วนที่ทำลายผิวให้อ่อนแอและเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมาอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นสารสกัดจากใบบัวบกจะช่วยในจุดนี้ได้
น้ำหอมและสีที่ใส่มาในสกินแคร์โดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยมีความจำเป็นและกระตุ้นให้ผิวเกิดอาการแพ้ได้ หากเป็นไปได้ควรเลือกสกินแคร์ที่ไม่มีการใส่สารสังเคราะห์ดังกล่าว รวมไปถึงแอลกอฮอล์ ซึ่งมักจะทำให้ผิวเกิดการสูญเสียความชุ่มชื้นได้ แนะนำให้เลือกสกินแคร์ที่มีแอลกอฮอล์ในเปอร์เซนต์ที่ต่ำหรือไม่มีเลย ในขณะที่สารกันเสียนั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าทำให้ผิวเกิดการแพ้ด้วยหรือเปล่า ซึ่งถ้าคุณมีผิวที่อ่อนแอมาก ๆ ให้หลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาดจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ต่อให้คุณจะเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมดีเลิศแค่ไหน ก็อาจจะไม่เห็นผลในการดูแลผิว มิหนำซ้ำยังทำให้ผิวของคุณเกิดอาการแพ้และอักเสบตามมาได้ค่ะ
ถึงจะมีสกินแคร์แบรนด์เกาหลีให้เลือกซื้ออย่างมากมาย แต่คุณต้องระวังเพราะปัจจุบันนี้มีหลายยี่ห้อที่ไม่ได้มาตรฐานและใช้ชื่อสินค้าที่ทำให้ดูเหมือนมาจากเกาหลีมาหลอกให้ผู้บริโภคซื้อมาใช้ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ให้เลือกแบรนด์สกินแคร์เกาหลีที่เป็นที่รู้จักกันอย่างดี ถ้ามีหน้าร้านทางการในประเทศไทยก็จะยิ่งน่าเชื่อถือมากขึ้น รวมทั้งยังต้องได้รับการรับรองมาตรฐานทั้งจากในประเทศเกาหลีเองและจากในไทยด้วยเช่นกัน
มาถึงในส่วนที่หลายคนรอคอยว่าสกินแคร์เกาหลีตัวไหนบ้าง ที่ผู้ใช้โดยส่วนใหญ่แนะนำกันว่าต้องมีเอาไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งของคุณ รับรองได้เลยว่าครอบคลุมทุกความต้องการและหาซื้อได้ไม่ยากอีกด้วย
Toner ตัวดังที่ได้รับเสียงตอบรับในทางบวกจากผู้ใช้ทั่วโลก ด้วยการใช้ส่วนผสมหลักเป็นน้ำดอกกุหลาบบัลแกเรียที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังช่วยปรับสมดุลผิวได้อย่างอ่อนโยน เพราะในดอกกุหลาบนั้นมีสารที่ช่วยให้ทั้งผิวและผู้ใช้รู้สึกผ่อนคลาย ผู้ใช้บางคนยังรักที่หลังการเช็ดด้วย Toner แล้วทำให้ผิวมีความรู้สึกสดชื่นพร้อมที่จะรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไปด้วย
SKINFOOD เป็นแบรนด์ที่เน้นการใช้ส่วนผสมที่มาจากอาหารที่เรารับประทานได้ โดย Essence ตัวนี้ทางแบรนด์ได้เน้นการใช้สารสกัดจากรังผึ้งและน้ำผึ้ง ที่มียับยั้งเชื้อโรคต่าง ๆ ที่ทำให้ผิวอักเสบ อีกทั้งยังสามารถเติมเต็มความชุ่มชื้น คืนความนุ่มเนียนให้ผิวอีกด้วย ผู้ใช้หลายคนถูกใจในเรื่องของการลดรอยแดงจากการอักเสบของสิวได้ อีกทั้งยังซึมลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วไม่ทิ้งความเหนียวไว้บนใบหน้า
ครีมบำรุงตัวนี้ถือได้ว่าจัดเต็มสารบำรุงหลักถึง 2 ชนิดอันได้แก่ สารสกัดจากเมือกหอยทาก (Snail Mucin) และสารสกัดจากโสม (Ginseng Extract) จึงช่วยดูแลผิวที่มีปัญหาผิวเสื่อมสภาพจากอายุ ลดเลือนริ้วรอยให้จางลง ซ่อมแซมผิวที่เสียหายจากอนุมูลอิสระ ปรับผิวที่เคยหมองคล้ำให้กลับมาดูกระจ่างใส หลายคนประทับใจเพราะช่วยให้ผิวกลับมาดูนุ่มเนียนขึ้น และสำหรับกลุ่มคนที่ผิวแห้งกร้านก็พบว่าผิวชุ่มชื้นขึ้นด้วย
Sleeping Mask ของ Laneige นั้นได้รับความนิยมมายาวนาน เพราะมีคุณสมบัติในการเติมความชุ่มชื้นและฟื้นบำรุงผิวจากความแห้งกร้านได้เพียงชั่วข้ามคืนด้วยเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการดูแลผิวในขณะนอนหลับโดยเฉพาะ ผู้ใช้ส่วนมากยังชื่นชอบที่ตัวสกินแคร์นั้นมีเนื้อสัมผัสที่บางเบาและซึมลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายในขณะใช้งานอีกด้วย
สกินแคร์ที่ใช้ส่วนผสมแนว Cicapair นั้นกำลังมาแรงในปัจจุบัน เพราะเป็นการนำเอา Madecassoside จาก Centella Asiatica Extract มาฟื้นบำรุงผิว ซึ่งเซรั่มตัวนี้ก็ผลิตภายใต้แนวคิดเดียวกัน โดยเน้นการซ่อมแซมผิวอ่อนแอจากรอยแดงและปลอบประโลมผิวที่อ่อนแอและแพ้ง่ายให้กลับมาแข็งแรง จากความเห็นผู้ใช้ส่วนใหญ่เห็นผลในเรื่องของผิวที่มีสุขภาพดีขึ้น ทั้งสิวและผดผื่นที่เกิดจากการแพ้นั้นลดลงอีกด้วย
Cleansing Balm ตัวนี้ได้รับการจัดอันดับทั้งในเกาหลีและไทยอยู่บ่อยครั้ง จุดเด่นที่ทำให้ใครหลายคนหลงรักนั้นก็คือความสามารถในการขจัดคราบเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกที่อยู่บนใบหน้าออกไปได้อย่างหมดจด โดยที่ไม่ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นหลังจากที่ใช้ นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังใช้ส่วนผสมที่อ่อนโยนและไม่ทำร้ายผิว หลายคนยังชื่นชอบที่ใช้แล้วทำให้ผิวรู้สึกผ่อนคลายเพราะมีส่วนผสมของน้ำแร่ร้อนธรรมชาติ
สกินแคร์ตัวนี้เรียกได้ว่ากำลังฮอตฮิตกันเลยทีเดียว เพราะเป็น Exfoliator ที่มาในรูปแบบของสำลีแผ่นบางที่มีความหยาบเอาไว้ผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ มีส่วนผสมของ Tea Tree Oil เป็นส่วนประกอบ จึงช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวได้อีกด้วย ผู้ใช้ในกลุ่มที่มีปัญหาสิวอยู่บ่อย ๆ ต่างก็ติดใจที่ Exfoliator ตัวนี้สามารถลดการเกิดสิวได้อย่างเห็นผล อีกทั้งยังทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนขึ้นอีกด้วย
นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จักเซรั่มชาเขียวของ Innisfree อย่างแน่นอนค่ะ เพราะเซรั่มตัวนี้กลายเป็นสกินแคร์เกาหลีลูกรักของใครหลายคน เนื่องจากใช้ส่วนผสมสารสกัดจากชาเขียวที่มาจากเกาะเชจู ซึ่งสกัดมาแล้วมีกรดอะมิโนบำรุงผิวถึง 16 ชนิด นอกจากจะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวแล้ว ยังเพิ่มความแข็งแรงให้เกราะป้องกันผิวและปลอบประโลมผิวที่อ่อนแอได้ดีอีกด้วย หลายคนยังถูกใจเนื้อสัมผัสที่บางเบาและซึมได้ง่าย ใช้แล้วเหมาะกับสภาพอากาศในเมืองไทยค่ะ
Etude ไม่ได้มีชื่อเสียงแค่เรื่องเมคอัพเพียงอย่างเดียว สกินแคร์ของแบรนด์นี้ก็ได้รับความชื่นชมอยู่บ่อยครั้ง โดย Toner ตัวนี้เป็นหนึ่งในสกินแคร์ที่ถูกใจผู้ใช้หลายคน เพราะเน้นความอ่อนโยนของผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นกรดอ่อน ๆ ช่วยปรับสมดุลของผิวหน้าได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของ Madecassoside จาก Centella Asiatica ที่มีฤทธิ์ในการบรรเทาอาการอักเสบและปลอบประโลมผิวที่อ่อนแอได้อีกด้วย
สกินแคร์ตัวนี้ทางแบรนด์ Sulwhasoo ได้ใช้โสมคุณภาพพรีเมี่ยมจากเกาหลีเป็นส่วนผสมตั้งแต่รากจนถึงใบ อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยีแคปซูลอณูขนาดเล็กเพื่อช่วยส่งผ่านให้สารบำรุงซึมลงสู่ผิวได้อย่างเต็มที่ ผู้ใช้ส่วนใหญ่ต่างก็การันตีในเรื่องของผิวที่ดูแข็งแรงและเปล่งปลั่งมากขึ้น ความหมองคล้ำดูลดลงอย่างเห็นได้ชัด หลายคนยังรักที่เนื้อเซรั่มมีความบางเบาและมีกลิ่นหอมโสมอ่อน ๆ ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขณะใช้
จุใจกันไหมคะสำหรับสกินแคร์เกาหลีที่เราได้นำมาฝากทั้งความรู้เบื้องต้น วิธีการเลือกซื้ออย่างถูกต้องและ 10 อันดับสกินแคร์เกาหลี ที่เราแนะนำว่าคุณควรต้องลองหาซื้อมาใช้ดูสักครั้ง เราก็หวังว่าคุณจะได้ไอเดียในการดูแลตัวเองด้วยสกินแคร์เกาหลีเพิ่มเติมและเลือกซื้อสกินแคร์เกาหลีมาใช้ได้อย่างถูกใจกันมากขึ้นนะคะ
สกินแคร์เกาหลีถึงแม้ว่าจะมีข้อดีอยู่มากมาย แต่สาว ๆ คนไทยก็อย่าลืมว่าผลิตภัณฑ์บางอย่างนั้นถูกออกแบบมาเพื่อดูแลผิวในสภาพอากาศหนาวแบบเกาหลี ซึ่งทำให้เนื้อสัมผัสและส่วนผสมนั้นอาจจะไม่เหมาะกับสภาพอากาศในบ้านเราที่มีความร้อนกว่ามาก ดังนั้นถ้าเป็นไปได้เวลาที่สาว ๆ หาซื้อสกินแคร์เกาหลีมาใช้ ลองเริ่มต้นจาก Sample ที่มีขนาดเล็กก่อน หากใช้แล้วถูกใจก็ค่อยไปซื้อขนาดจริงในภายหลัง