สุดยอด 10 หูฟังตัดเสียงรบกวน น่าใช้ เหมาะกับยุคไฮเทค อัพเดทล่าสุดปี 2567

คูปอง ส่วนลด ในร้านค้าออนไลน์แนะนำของเรา จัดเต็ม โปรลดเยอะ สำหรับ Flash Sale สามารถใช้งานได้ รับข้อเสนอมากมาย กับดีลเด็ดประจำวัน คูปอง ส่วนลด จัดเต็ม สัมผัสประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และไว้ใจได้กับโมบาย แอปพลิเคชั่น
คุณภาพดี ราคาถูกมาก เราแนะนำเลยเจ้านี้ หูฟังตัดเสียงรบกวน  สินค้าออนไลน์  ราคาพิเศษส่งให้คุณลูกค้าถึงหน้าบ้าน สั่ง หูฟังตัดเสียงรบกวน  ไป ราคาถูกจนไม่น่าเชื่อ สินค้าใส่ซองกันกระแทกมาตอนจัดส่งให้ด้วย ส่งเร็วทันใจ คุณภาพเยี่ยมพอดีเห็น ราคาน่าจะลดลง สินค้าดีๆ ราคาถุก ส่งทางไปรษณีย์หรือไม่ก็ทางหน่วยจัดส่ง ของพรีเมี่ยม ได้รับสินค้าแล้วดีใจมาก ตรงตามต้องการในรุป ไม่มีปัญหา

     คุณรู้หรือไม่? ว่าปัจจุบันนี้"หูฟังตัดเสียงรบกวน"นั้นโดยมีทั้ง หูฟังตัดเสียงรบกวน แล้วแบบนี้คุณจะทราบได้อย่างไรว่าในแต่ละรุ่นหรือประเภทนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร? หรือหูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี? ราคาแพงไหม? ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาหูฟังตัดเสียงรบกวนดีๆสักรุ่น วันนี้เราได้จัดอันดับ แนะนำ หูฟังตัดเสียงรบกวนคุณภาพดีมาให้คุณได้เลือกกันแล้วดังนี้

ในปัจจุบันหูฟังแบบตัดเสียงรบกวน หรือที่เราเรียกกันว่า Noise Cancelling นั้นกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง เพราะสามารถตัดเสียงรบกวนจากรอบข้างได้ ทำให้เพลิดเพลินกับเสียงเพลงที่ฟังอยู่อย่างเต็มที่ และยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มสมาธิในการทำงานได้ด้วย ซึ่งในท้องตลาดเองก็มีหูฟังที่รองรับระบบ Bluetooth อยู่มากมาย รวมถึงหูฟัง AirPods Pro จาก Apple ที่กล่าวกันว่ามีประสิทธิภาพในการตัดเสียงรบกวนสูงมาก แต่คุณอาจกำลังสงสัยว่าหูฟังประเภท Earphone หรือ Headphone นั้นแบบไหนมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน? เมื่อดูจากราคาและคุณภาพเสียงแล้วควรจะเลือกหูฟังยี่ห้อไหนดี? เนื่องจากหลักพิจารณาก็แตกต่างกันไปตามประเภทของหูฟัง จึงทำให้ใครหลายคนสับสน ไม่รู้จะเลือกแบบไหนดีใช่ไหมคะ


เพื่อคลายความสงสัยให้กับทุกคน ในบทความนี้เราจะมาแนะนำ 10 อันดับ หูฟังตัดเสียงรบกวนที่อาจถูกใจคุณ พร้อมทั้งหลักในการเลือกสินค้าให้ได้คุณภาพดี ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปดูกันเลยค่ะ

ก่อนจะเข้าสู่การจัดอันดับสินค้า ต้องขออธิบายวิธีการเลือกหูฟังตัดเสียงรบกวนก่อนนะคะ โดยเราจะเน้นหลักในการพิจารณาหูฟังที่มีฟังก์ชัน “ตัดเสียงรบกวน” เป็นหลัก เอาล่ะ! มาทำความเข้าใจเรื่องนี้กันก่อนเลยค่ะ

อันดับแรก เราขอให้คุณลองนึกดูว่าปกติแล้วชอบฟังเพลงแนวไหน หรือมีสไตล์การใช้งานแบบใด เพราะประสิทธิภาพในการตัดเสียงรบกวนของหูฟัง Earphone และหูฟัง Headphone นั้นก็แตกต่างกันออกไปตามลักษณะการใช้งาน อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นคนที่ใช้แต่หูฟังประเภท Earphone มาทั้งชีวิต ทำไมไม่ลองมองหาหูฟังประเภท Headphone ไปใช้ดูบ้างล่ะคะ? อาจจะเปิดโลกแห่งการฟังเพลงให้คุณเลยก็ได้นะ

ลักษณะเด่นของหูฟังประเภท Headphone คือ ให้เสียงที่มีคุณภาพ คมชัดและแน่นโดยเฉพาะเสียงเบส ถ้าใครเน้นเรื่องคุณภาพเสียงเป็นหลักต้องยกให้หูฟังประเภทนี้เลยค่ะ


หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า หูฟัง Headphone นั้นยังแบ่งย่อยออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ "แบบปิด (Closed Back)" ที่สามารถครอบหูได้ทั้งหมด โดยตัวหูฟังด้านนอก (Ear-Cup) จะปิดสนิทไม่ให้เสียงรบกวนหรืออากาศไหลเข้ามา และ "แบบเปิด (Open Back)" ที่ตัวหูฟังด้านนอกจะเป็นตะแกรง ทำให้อากาศไหลเข้ามาได้สะดวก แต่เสียงเพลงจะลอดผ่านออกมาด้วย ถ้าคุณต้องการเน้นฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนล่ะก็ เราขอแนะนำหูฟัง "แบบปิด" เพราะช่วยปิดกั้นเสียงรอบข้างได้ดีกว่าค่ะ


หากเปรียบเทียบกันแล้ว หูฟังแบบปิดจะให้เสียงที่มีความเงียบสงัด และไม่ค่อยมีเสียงเล็ดลอดออกมา แม้ว่าจะสวมใส่บนรถไฟฟ้าหรือบนเครื่องบินก็ไม่รบกวนผู้คนรอบข้าง ทั้งยังตัดเสียงรบกวนได้ดี จึงเหมาะกับการใช้งานเมื่อต้องออกไปข้างนอก หรือเวลาเดินทางท่องเที่ยวมากค่ะ อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของหูฟังประเภทนี้ คือ มักจะมีขนาดใหญ่สะดุดตา พกพาลำบาก แถมเวลาสวมใส่ยังอาจทำให้ทรงผมเท่ ๆ ของคุณเสียทรงอีกด้วย

แม้จะมีคุณภาพเสียงไม่เท่าหูฟังประเภท Headphone แต่จุดขายของหูฟังประเภทนี้ คือ มีขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก ซึ่งแบ่งย่อยเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภท “Earbuds Type” ที่มีลักษณะกลมแบน ไม่ได้เสียบเข้าไปในรูหูโดยตรง และ “In-Ear Type” หรือ “Canal Type” ที่เสียบเข้าไปในรูหู จึงทำให้มีประสิทธิภาพในการลดเสียงรบกวน ดังนั้น ถ้าคุณเน้นเรื่องตัดเสียงรบกวนเป็นหลัก ขอให้เลือกประเภท “In-Ear Type” เลยค่ะ


ปกติหูฟังประเภท “In-Ear Type” จะมีคุณสมบัติป้องกันเสียงรบกวนอยู่แล้ว ถ้ามีฟังก์ชัน “ตัดเสียงรบกวน” เพิ่มเข้ามาอีกล่ะก็ รับรองว่าเงียบกริบ ไม่มีเสียงภายนอกเล็ดลอดเข้ามาให้รำคาญใจแน่นอน และเมื่อเทียบกับประเภท Headphone แล้วมีราคาย่อมเยา สบายกระเป๋า ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีค่ะ

เนื่องจากฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนนั้นต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต จึงทำให้มีไม่กี่บริษัทที่สามารถผลิตหูฟังเทคโนโลยีสูงแบบนี้ได้ อาจกล่าวได้ว่า มีบริษัทยักษ์ใหญ่เพียง 2 แห่ง ได้แก่ "BOSE" และ "SONY" เท่านั้นที่แข่งขันและครองตลาดหูฟังประเภทตัดเสียงรบกวน (Noise Cancelling) อยู่ ดังนั้น เรามาลองดูคุณสมบัติเด่นของทั้ง 2 แบรนด์นี้กันว่ามีอะไรบ้าง

หูฟังของ BOSE มีจุดเด่นตรงที่คุณสามารถควบคุมระดับการตัดเสียงได้ด้วยตัวเอง ตั้งแต่ตัดเสียงลงเล็กน้อย ไปจนถึงตัดเสียงรอบข้างออกจนหมด ทั้งยังมีคุณสมบัติตัดเสียงความถี่สูงได้ ทำให้มีประสิทธิภาพในการตัดเสียงอย่างทรงพลัง แม้แต่เสียงคนคุยกันก็ยังไม่ได้ยินเลยค่ะ


นอกจากฟังก์ชันเลิศแล้ว คุณภาพเสียงของหูฟัง BOSE ก็ไม่แพ้ใคร เพราะให้เสียงที่เคลียร์ใส เบสนุ่มลึก ฟังแล้วผ่อนคลายสบายหู เหมาะกับผู้ที่ชอบฟังดนตรีแนว Pop, Rock, หรือ EDM และในปัจจุบันหูฟังรุ่นใหม่ ๆ ยังรองรับระบบสั่งงานด้วยเสียงของ Google Assistant ทำให้ใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น

เมื่อพูดถึงเจ้าแห่งเทคโนโลยี ต้องนึกถึง SONY เลยค่ะ เพราะหูฟังตัดเสียงรบกวนของ SONY ใช้เทคโนโลยี AI ตัดเสียงรบกวนโดยอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อม โดยไม่ตัดเสียงความถี่สูงออก ทำให้คุณสามารถฟังเสียงประกาศต่าง ๆ ได้โดยปราศจากเสียงรบกวนจากภายนอก ไม่ว่าจะดื่มด่ำกับเสียงเพลงขนาดไหน ก็ไม่พลาดประกาศสำคัญอย่างแน่นอน


สำหรับคนที่เล่นหูฟังอาจจะคิดว่าคุณภาพเสียงของ SONY นั้นด้อยกว่าแบรนด์อื่น แต่อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น เพราะทาง SONY มีหูฟังคุณภาพสูงที่สามารถฟังเพลงในระดับ Hi-Res ได้ ด้วยเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนอันล้ำสมัย ผสานกับคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res เพียงเท่านี้ คุณก็ตกอยู่ในโลกแห่งเสียงเพลงได้ทุกที่ ทุกเวลาแล้วค่ะ

คุณผู้อ่านหลาย ๆ คน เมื่อสวมใส่หูฟังแล้วคงอยากจะตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์แบบ แต่ในบางสถานการณ์ เช่น มีคนเดินเข้ามาทัก หรือต้องฟังเสียงประกาศเวลาอยู่ในสนามบิน ถ้าคุณเลือกหูฟังที่มีฟังก์ชันปรับระดับการตัดเสียงรบกวนได้ ก็จะทำให้ชีวิตสะดวกยิ่งขึ้น นอกจากจะไม่พลาดประกาศสำคัญแล้ว ยังฟังเพลงได้อย่างเพลิดเพลิน ไร้เสียงรบกวน นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังมีหูฟังหลายรุ่นที่มีเทคโนโลยี AI ช่วยปรับลดเสียงรบกวนให้โดยอัตโนมัติ ถ้าเน้นเรื่องความสะดวก ไม่อยากมานั่งปรับเอง ขอให้มองหูฟังประเภทนี้ไว้เป็นตัวเลือกเลยค่ะ


หากเป็นหูฟังที่มีประสิทธิภาพในการตัดเสียงรบกวนสูง แม้จะอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดัง และคนพลุกพล่านอย่างห้างสรรพสินค้า, สถานีรถไฟฟ้า BTS หรือสถานีรถไฟใต้ดิน ก็แทบจะไม่มีเสียงรบกวนจากภายนอกเล็ดลอดเข้ามา ราวกับคุณหลุดเข้าไปในโลกแห่งเสียงเพลง แถมบางรุ่นยังมีคุณสมบัติตัดเสียงรบกวนตามความเปลี่ยนแปลงของแรงกดอากาศเวลาอยู่บนเครื่องบิน (Atmospheric Pressure Optimizing) ได้ด้วย นับว่าไฮเทคสุด ๆ ไปเลย


อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากใช้งานแบบสะดวกสบายขึ้นไปอีก ขอให้เล็งหูฟังที่มีฟังก์ชันควบคุมโดยระบบสัมผัส หรือมีปุ่มลัด (Shortcut) เพราะจะช่วยให้คุณลดเสียงลงได้อย่างรวดเร็วเมื่อต้องฟังประกาศฉุกเฉิน แต่ด้วยเสียงที่เงียบสนิทจากฟังก์ชันนี้ อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ เนื่องจากไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง ดังนั้น ควรเลือกหูฟังแบบที่ปรับลดเสียงได้ตามความเหมาะสมเพื่อความปลอดภัยของคุณค่ะ

หูฟังตัดเสียงรบกวนจะมีประโยชน์สูงสุดก็ต่อเมื่อคุณเดินทางออกไปข้างนอก ดังนั้น เราขอเสนอให้ใช้หูฟังประเภทไร้สาย (Wireless) ที่รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth แต่สิ่งที่คุณต้องเช็กให้ดี คือ “เวลาในการใช้งานต่อเนื่อง” หรืออายุการใช้งานของแบตเตอรี่นั่นเอง กล่าวได้ว่า ยิ่งใช้งานได้นานเท่าไหร่ยิ่งดีค่ะ


โดยทั่วไปหูฟังประเภท Earphone จะใช้งานได้อย่างต่อเนื่องประมาณ 4-7 ชั่วโมง แต่หูฟังประเภท Headphone จะสามารถใช้งานได้ยาวนานมากกว่า 20 ชั่วโมงขึ้นไป สำหรับใครที่ไม่อยากจะชาร์จแบตเตอรี่บ่อย ๆ เราแนะนำให้เลือกใช้หูฟังประเภท Headphone หรือเลือกประเภทที่มีระบบชาร์จแบตเตอรี่อย่างรวดเร็ว ไม่ก็เลือกแบบที่มีสายเคเบิลแถมมา เพื่อให้เปลี่ยนกลับไปฟังแบบใช้สายได้ จะได้หมดห่วงแม้ในตอนที่แบตฯ หมดระหว่างเดินทางค่ะ

ปัจจุบันยังมีหูฟังรูปแบบอื่น ๆ มากมายที่มาพร้อมฟังก์ชันและความสามารถไม่แพ้กัน อีกทั้งมีหลายระดับราคาให้เลือกซื้อ สำหรับคนที่สนใจศึกษาข้อมูลสินค้าเกี่ยวกับหูฟังเพิ่มเติม สามารถกดเข้าไปชมตามลิงก์บทความที่แนบมาด้วยด้านล่างนี้เลยค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อน ๆ นะคะ

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คงพร้อมที่จะเลือกหูฟังตัวใหม่ เพื่อนำไปสวมใส่เมื่อต้องออกไปข้างนอกกันแล้วใช่ไหมคะ มาดูกันว่ามีหูฟังตัวไหนที่จะช่วยให้คุณได้ฟังเพลงโปรดโดยปราศจากเสียงรบกวนได้บ้าง

โดดเด่นมาแต่ไกลด้วยสีดำด้าน ให้ความรู้สึกเข้มขรึมเมื่อสวมใส่ เจ้า Audio Technica ATH-ANC700BT นี้ควบคุมได้ด้วยระบบสัมผัสที่ตัวหูฟังทางด้านซ้าย ไม่ว่าจะเปิด-ปิดเพลงหรือเพิ่มลดเสียงก็เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วแตะเท่านั้น มีระบบตัดเสียงรบกวน ANC และสามารถเปลี่ยนโหมดการเชื่อมต่อเป็น SBC เพื่อลดการหน่วงของสัญญาน ทำให้ไม่รู้สึกเวียนหัวเมื่อใช้งาน


ส่วนคุณภาพเสียงนั้นยังโดดเด่นไม่แพ้ใคร เบสมาครบ ถ่ายทอดรายละเอียดเสียงร้องได้ดี ฟังเสียงนักร้องคนโปรดได้แบบเต็ม ๆ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 25 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เหมาะกับการพกออกไปทำกิจกรรมข้างนอกมากค่ะ

หูฟังอัจฉริยะตัวนี้ช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น เพราะมีโหมด Ambient Sound Control ช่วยปรับระดับเสียงตามสภาพแวดล้อมรอบตัว และดูดเสียงภายนอกเข้ามาในสถานการณ์ที่คุณต้องการได้ยินเสียงรอบข้างโดยไม่ต้องถอดหูฟัง คุณจะได้ไม่พลาดฟังประกาศสำคัญอีกต่อไป นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันอีควอไลเซอร์ (Equalizer) ที่ช่วยปรับแต่งและค้นหาโทนเสียงที่ถูกใจคุณด้วยแอปพลิเคชัน Sony | Headphones Connect เพื่อให้คุณได้เพลิดเพลินกับแนวเพลงโปรดอย่างเต็มที่


ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะคะ หูฟังตัวนี้ยังมีไมค์ภายในตัว ทำให้คุณสามารถสนทนาทางโทรศัพท์ได้อย่างสบาย ๆ เพียงแค่แตะที่หูฟังเท่านั้น ขนาดเล็ก พกพาง่าย ใช้งานได้หลายฟังก์ชันแบบนี้ ต้องมีไว้สักตัวแล้วค่ะ

ใครที่ไม่ถนัดใช้หูฟังประเภท Headphone ลองดูตัวนี้เลยค่ะ เพราะมีระบบ Active Noise Cancelling เอกสิทธิ์เฉพาะของทาง BOSE ที่มาพร้อมกับจุกซิลิโคน StayHear ทำให้ป้องกันเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพลิดเพลินกับเสียงเพลงได้อย่างนุ่มนวล ทำให้ซาวด์เพลงของคุณมีชีวิตชีวา สนุกสนานมากยิ่งขึ้น


คุณสามารถเปิด-ปิด, เปลี่ยนเพลง, รับสาย-วางสาย หรือเข้าสู่โหมด Aware เพื่อปรับระดับเสียงให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมโดยที่เพลงโปรดของคุณยังเล่นอยู่ได้เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น นอกจากนี้ ยังสั่งการผ่าน Siri ได้ด้วยนะคะ ใครที่ชอบหูฟังประเภท Earphone ตัวนี้ถือว่าตอบโจทย์มากค่ะ

ตัวนี้เป็นหูฟังแบบ Full Size ที่ครอบไปทั้งใบหู และใช้ฟองน้ำ Memory Foam หุ้มด้วยหนังเทียม ทำให้คุณสวมใส่ได้อย่างสบาย เหมาะสำหรับใส่เดินทางได้ทั้งวันเลยค่ะ ส่วนระบบตัดเสียงรบกวนของตัวนี้บอกเลยว่ามีประสิทธิภาพสูงไม่แพ้รุ่นอื่น เพราะมีให้เลือกถึง 2 ระดับ และที่ตัวหูฟังยังมี Sensor ตรวจจับการสวมใส่ เมื่อถอดหูฟังออกเพลงจะหยุดชั่วคราว พอใส่กลับเข้าไปก็จะเล่นเพลงต่อให้โดยอัตโนมัติ


นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน “MOSAYC” ที่สามารถปรับแต่งเสียงของหูฟังให้เหมาะกับผู้สวมใส่ด้วย สำหรับคุณภาพเสียงของตัวนี้โดดเด่นด้วยเสียงเบสที่แน่น ทรงพลัง มีแรงปะทะที่ดีมาก ๆ คนที่ชอบฟังดนตรีหนัก ๆ น่าจะถูกใจค่ะ

หูฟังดีไซน์เรียบหรูตัวนี้มาพร้อมกับฟังก์ชันที่ไม่ธรรมดา เพราะมีชิป Apple W1 สำหรับเชื่อมต่อ Class 1 Wireless Bluetooth เพียงแค่วางหูฟังไว้ข้าง ๆ iPhone ก็จะซิงก์กันได้อย่างง่ายดาย และยังใช้เทคโนโลยี Pure Adaptive Noise Cancelling (Pure ANC) ที่ป้องกันเสียงรบกวนได้อย่างเต็มที่ พร้อมปรับแต่งเสียงเพลงอย่างทันที เพื่อให้การฟังเพลงของคุณได้อรรถรสสูงสุด


แต่ถ้าใครอยากใช้งานยาว ๆ เพียงแค่ปิดระบบนี้ คุณก็สามารถใช้งานด้วยโหมดพลังงานต่ำได้ยาวนานถึง 40 ชั่วโมง ที่สำคัญยังมีระบบ Fast Fuel ให้คุณใช้ในวันเร่งรีบ เพียงชาร์จแค่ 5 นาที ก็สามารถใช้งานต่อไปได้อีก 2 ชั่วโมง! สะดวกรวดเร็วทันใจ คุณภาพเสียงของหูฟังมีความคมชัด เสียงแน่น เหมาะสำหรับคนที่ชอบฟังเพลงแนว Pop หรือ EDM มาก ๆ ค่ะ

แบรนด์ดังแห่งยุคที่ได้พัฒนาหูฟังรุ่นใหม่ให้มีความล้ำสมัย ไฮเทคขึ้นไปอีกขั้น ด้วยเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบ Active Noise Cancelling ปรับระดับตามสภาพแวดล้อมโดยอัตโนมัติ มาพร้อมกับไมโครโฟน 2 ตัวสำหรับสร้างการตัดเสียงอย่างต่อเนื่อง สามารถบล็อคเสียงต่าง ๆ รอบตัว เพื่อให้คุณได้โฟกัสกับเสียงเพลง หรือภาพยนตร์ที่คุณชื่นชอบอย่างเต็มที่


รุ่นนี้มีจุกซิลิโคนที่ปรับได้ถึง 3 ระดับเพื่อให้กระชับหูมากขึ้น เสียงคมชัด ใสสะอาด และมีไดรเวอร์แบบ High-Excursion เพื่อเสียงเบสต่ำอันทรงพลัง รับรองว่าการฟังเพลงของคุณจะต้องเร้าใจยิ่งขึ้นแน่นอน นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติ "การอ่านข้อความโดย Siri" และ "การแชร์เสียง" ที่ให้คุณและเพื่อน (หรือคนรัก) ฟังเสียงไปพร้อมกันด้วย AirPods 2 คู่ ของดีแบบนี้ สาวก Apple ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด

รุ่นนี้เป็นรุ่นอัพเกรดที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล SONY QN1 สามารถตัดเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับลดระดับเสียงรบกวนได้ตามสภาพแวดล้อม และยังมีฟังก์ชัน Atmospheric Pressure Optimizing ที่ใช้คำนวนแรงดันอากาศบนเครื่องบินเพื่อปรับระดับเสียงให้เหมาะสม ไฮเทคสมฉายาเจ้าอารยธรรมจริง ๆ


นอกจากนี้ ยังควบคุมได้ด้วยระบบสัมผัสผ่านทาง Ear-Cup เพียงแค่แตะตัวหูฟัง ก็สามารถเพิ่มลดเสียง หรือรับโทรศัพท์ได้ แถมยังมีระบบ Quick Attention เมื่อคุณเอามือโอบที่ Ear-Cup เพลงในหูฟังก็จะค่อย ๆ เบาลงทำให้ได้ยินเสียงรอบข้างมากขึ้นโดยไม่ต้องถอดหูฟัง เยี่ยมไปเลยใช่ไหมคะ! ใครที่เป็นสายฟังเพลงยิ่งชอบใจ เพราะฟังเพลงคุณภาพเสียง Hi-Res ได้ และมีระบบ Sense Engine ที่ช่วยปรับแต่งเสียงจากหูฟังให้กับผู้สวมใส่โดยอัตโนมัติด้วย ดีงามแบบนี้ รีบไปหามาครองเลยค่ะ

สำหรับใครที่กำลังมองหาหูฟังตัดเสียงระดับพรีเมียมในราคาย่อมเยา สบายกระเป๋า เราขอเสนอหูฟังจากผู้ผลิตที่มาแรงในปัจจุบันอย่าง Xiaomi เลยค่ะ เพราะรุ่นนี้มีไมโครโฟนคู่ ENC ซึ่งสามารถตัดเสียงรอบข้างได้อย่างมีคุณภาพเมื่อคุณต้องใช้คุยโทรศัพท์กับคู่สนทนา ทำให้ได้ยินเสียงชัดเจน ยิ่งถ้าคุณใช้สมาร์ทโฟนของ MIUI ก็จะสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างรวดเร็วโดยอัตโนมัติ


นอกจากฟังก์ชันแล้ว ดีไซน์ของหูฟังตัวนี้อาจเป็นที่ถูกอกถูกใจของใครหลายคน เพราะถูกออกแบบมาให้รับกับรูปทรงของรูหู ใส่สบาย เบาจนแทบลืมไปเลยว่าสวมหูฟังอยู่! แถมยังมีไดรเวอร์ขนาด 14.2 มม. ขับเสียงออกมาให้ได้คุณภาพสูงยิ่งขึ้น และรองรับไฟล์เสียงแบบ LDHC Hi-Res audio codec คราวนี้คุณก็จะได้ตกอยู่ในโลกแห่งเสียงเพลงอย่างสมบูรณ์แบบแน่นอน

ต้องบอกว่านี่เป็นหนึ่งในหูฟังไร้สายตัว Top ของ BOSE เลยค่ะ โดยรุ่นนี้มีการเพิ่มปุ่ม Action Button ขึ้นมาเพื่อใช้ทำงานคู่กับระบบ Google Assistant สำหรับการสั่งงานด้วยเสียง เช่น โทรออก, อ่านข้อความ หรือเข้าถึงเพลย์ลิสต์เพลงโปรดของคุณ และยังใช้ปุ่มนี้ปรับระดับ Noise Cancelling ได้ถึง 3 ระดับอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะให้เสียงที่โปร่ง ไม่อุดอู้หรือทำให้หูอื้อแบบระบบตัดเสียงทั่วไป จนทำให้หูฟังรุ่นนี้มียอดขายถล่มทลาย กลายเป็นตำนานของหูฟังประเภทตัดเสียงรบกวนไปเลย


ส่วนเรื่องคุณภาพเสียงไว้ใจได้เลย เพราะหูฟังแบรนด์นี้ให้เสียงที่เคลียร์ใส นุ่มนวลกลมกล่อม ไม่บาดหู ถึงแม้รูปลักษณ์ภายนอกอาจจะดูใหญ่ หนา แต่จริง ๆ แล้วมีน้ำหนักเบาเกินคาด เพราะใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกเบาสบายแต่ทนทานแข็งแรง ฟองน้ำนุ่มสบายหู ใส่ฟังเพลงได้ทั้งวันโดยที่ไม่รู้สึกอึดอัด และยังพับเก็บได้อีกด้วย

หูฟังตัวนี้มาพร้อมกับไมโครโฟนคู่ที่จะช่วยตัดเสียงรบกวนรอบตัวได้อย่างประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเสียงรบกวนบนเครื่องบิน หรือตามท้องถนน เพื่อให้คุณได้เพลิดเพลินกับเสียงดนตรีอย่างเต็มที่ และยังมีโปรเซสเซอร์ป้องกันเสียงรบกวนความละเอียดสูง QN1e ที่แทบจะตัดเสียงรบกวนได้เกือบทุกความถี่ แถมปรับการลดระดับเสียงให้เข้ากับสภาพแวดล้อมผ่านแอปพลิเคชันได้ด้วย


โครงสร้างของหูฟังได้รับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ทำให้กระชับ สวมใส่สบาย คุณภาพเสียงเองก็น่าทึ่ง มีความละเอียดคมชัด ทั้งยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant และมีระบบแฮนด์ฟรีที่สามารถสนทนากับฝ่ายตรงข้ามได้อย่างลื่นไหล ไร้เสียงรบกวน เรียกว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนในตัวเดียว จะหาตัวไหนที่คุ้มค่ากว่านี้ คงไม่มีอีกแล้วล่ะค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 10 อันดับหูฟังตัดเสียงรบกวนที่เราเลือกมาให้คุณได้พิจารณา หวังว่าคงจะมีตัวไหนที่ถูกใจคุณอยู่บ้างนะคะ ต้องยอมรับเลยว่า นับวันหูฟังก็ยิ่งได้รับการพัฒนาต่อยอดและเพิ่มประสิทธิภาพต่าง ๆ เข้ามาเพื่อให้ผู้สวมใส่สามารถใช้งานได้สะดวกสบาย และฟังเพลงอย่างมีอรรถรสมากขึ้น ยิ่งถ้าได้หูฟังแบบที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคุณล่ะก็ รับรองว่าในทุกวันที่ใส่หูฟัง จะต้องเป็นวันที่ทำให้คุณอารมณ์ดีไปกับเสียงเพลงอย่างแน่นอน


อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าหูฟังที่ตัดเสียงรบกวนได้นั้นจะมีประโยชน์ และเพิ่มความสุนทรีย์ให้แก่การฟังเพลงของคุณก็ตาม แต่ก็มีจุดที่ควรระวังคือ ต้องมีสติ สังเกตสิ่งรอบข้าง และสภาพแวดล้อมรอบตัวอยู่เสมอ เพราะการที่คุณไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย นอกจากเพลย์ลิสต์ในมือถือของคุณนั้น อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้ค่ะ สุดท้ายนี้ เราหวังว่าคุณจะได้หูฟังคู่ใจตัวใหม่ พกติดตัวไปไหนไปกันได้ทุกที่นะคะ