โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้หญิงวัย 30 เป็นวัยที่ต้องออกไปทำงานข้างนอก กลับมาก็อาจต้องทำงานบ้าน หรือบางครั้งในวันหยุดก็มีงานสังสรรค์ปาร์ตี้ต่าง ๆ มากมายจนอาจไม่ค่อยมีเวลาในการดูแลตัวเอง ผิวหน้าของผู้หญิงในวัยนี้จึงเริ่มเต็มไปด้วยริ้วรอย ฝ้า กระ และปัญหาความแห้งกร้านต่าง ๆ และหนึ่งในเครื่องสำอางที่จะช่วยอำพรางข้อบกพร่องเหล่านี้ได้ก็คือ “บลัชออน” นั่นเองค่ะ บลัชออนเป็นเครื่องสำอางที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับพวงแก้ม ทำให้ใบหน้าของเราไม่ซูบซีดจนเกินไปและยังช่วยปรับลุคให้ดูสดใส มีชีวิตชีวา ดูอ่อนเยาว์
ถึงแม้ว่าจะมีข้อดีอยู่มากมาย แต่สาว ๆ หลายคนคงเคยเจอปัญหาบลัชออนที่ใช้อยู่ปัดแล้วหน้าดูหมอง เนื้อสีไม่ค่อยติดผิวหรือจางง่ายใช่ไหมล่ะคะ ที่เป็นอย่างนั้นอาจเพราะเราเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับวัยของเราก็เป็นได้ค่ะ ในวันนี้ทีมงานของเราจึงได้รวบรวมหลักการต่าง ๆ ที่ทำตามได้ง่าย ๆ เกี่ยวกับการเลือกซื้อบลัชออนสำหรับสาววัย 30 มาให้อ่านกันเรียบร้อยแล้ว เพียงเท่านี้ยังไม่พอนะคะ เพราะการเลือกผลิตภัณฑ์จากแค่คำโฆษณาไม่สามารถทำให้เรารับรู้ถึงคุณสมบัติการใช้งานจริงได้ ดังนั้น การศึกษาบลัชออนที่ยอดฮิตขายดีอยู่ในปัจจุบัน ที่ได้ผ่านการเปรียบเทียบทั้งจากราคา, คุณสมบัติและรีวิวจากผู้ใช้จริงมาแล้ว จึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่จะทำให้คุณได้สินค้าที่เหมาะสมกับใบหน้าและสภาพผิวของตัวคุณเองมากที่สุดค่ะ
ก่อนอื่นเลย มาดูกันค่ะทำไมสาววัย 30 อย่างเราต้องปัดบลัชออน และหลังจากนั้นไปดูวิธีการเลือกที่ทำตามได้ง่ายแสนง่ายกันค่ะ เพื่อที่สาว ๆ จะได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับใบหน้าและผิวของตัวคุณเองมากที่สุด
การปัดบลัชออนมีความหมายอย่างไรสำหรับผิวของสาววัย 30 ทราบไหมคะ เมื่อลงบลัชออน ๆ จะส่งให้ใบหน้าของสาว ๆ ดูมีมิติได้รูป หน้ามีสีเหมือนผิวมีเลือดฝาด นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยให้ผิวแลดูเต่งตึงมากขึ้นพร้อมช่วยลดความหมองคล้ำ และให้รูปหน้าคมชัดขึ้นเพื่ออำพรางการหย่อนคล้อยที่เกิดขึ้นในวัย 30 ขึ้นไปได้ และหากเปลี่ยนวิธีการปัดก็จะช่วยให้เราปรับรูปหน้าได้อย่างมีอิสระ อย่างเช่น ถ้าปัดโทนสีแดงระเรื่อบริเวณใต้โหนกแก้ม จะทำให้ใบหน้าของคุณดูเล็กลงได้ เป็นต้น ด้วยความสารพัดประโยชน์ขนาดนี้ บลัชออนจึงเป็นไอเทมที่สาว ๆ ทุกคนต้องมีติดตัวเอาไว้เลยค่ะ
สำหรับสาววัย 30 สุขภาพผิวถือเป็นเรื่องสำคัญเลยค่ะ เช่น ผิวแห้งง่าย, ผิวมันหรือผิวแพ้ง่าย เราจึงต้องเลือกเนื้อผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิวควบคู่ไปกับการคำนึงฟินิชลุคที่อยากได้ โดยแบ่งประเภทของบลัชออนได้ดังนี้
บลัชออนเนื้อฝุ่นมีจุดเด่นตรงที่ให้ความรู้สึกสบาย ไม่เหนียวเหนอะหนะผิว เหมาะกับสาวผิวมันและสภาพอากาศร้อน ๆ อย่างบ้านเราที่ทำให้เหงื่อออกง่ายและหน้ามันเร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเฉดสีให้เลือกมากมาย สามารถปรับความเข้มอ่อนของสีได้เพียงแค่เพิ่มเลเยอร์ เหมาะกับมือใหม่ที่ไม่ค่อยได้ใช้บลัชออนสุด ๆ เลยค่ะ
สำหรับสาวผิวแพ้ง่าย สาเหตุที่ควรเลือกเนื้อสัมผัสนี้เพราะแบบอื่น ๆ เช่น แบบครีม หรือแบบลิควิด มักจะใส่สารกันบูดอย่างพาราเบนมาด้วย ซึ่งเสี่ยงต่อการระคายเคืองผิว และถ้าใครกังวลมากเป็นพิเศษ ขอแนะนำให้ซื้อรุ่นที่ไม่ผสมน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์ด้วย เพราะมีความอ่อนโยนต่อผิวมากกว่า
หากผิวของคุณต้องการความชุ่มชื้น บลัชออนแบบครีมเป็นประเภทที่จะตอบโจทย์คุณได้ค่ะ เพราะเนื้อครีมนั้นจะสามารถกลืนไปกับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อทาแล้วจะให้ลุคที่แวววาวและมีสีแก้มระเรื่อดูสุขภาพดี เหมาะกับผู้ที่กังวลว่าผิวจะแห้งง่ายมากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ยังติดทนนานจึงช่วยอำพรางจุดบกพร่องของผิวคุณได้อีกด้วย แต่มีข้อเสียตรงส่วนผสมที่มีน้ำมันอยู่มาก อาจจะไม่เหมาะกับสาวผิวมันสักเท่าไรนัก
บลัชออนแบบลิควิดมีส่วนผสมที่เป็นน้ำอยู่มากจึงเหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง มีจุดเด่น คือ สามารถกลมกลืนกับผิวได้ง่ายและติดทนนาน บางผลิตภัณฑ์ยังสามารถใช้ทาริมฝีปากได้ด้วย พกติดกระเป๋าไว้อันเดียวเป็นประโยชน์ได้หลายอย่างเลย เหมาะสำหรับสาววัย 30 ที่เป็น Working Women ที่มีกิจวัตรเร่งรีบในทุก ๆ วันเลยค่ะ
ถือเป็นอีกหัวข้อที่สำคัญมากเลยค่ะ เพราะฟินิชลุคของผลิตภัณฑ์จะอยู่กับเราไปตลอดทั้งวัน ดังนั้น จะพังหรือจะปังก็ขึ้นอยู่กับคุณสมบัตินี้ด้วยค่ะ สาวผิวมันที่ไม่อยากให้หน้าดูวาวมากไปกว่าเดิม แนะนำให้เลือกใช้เนื้อแมตต์ ในขณะที่สาวผิวแห้งหรือคนที่อยากได้เมคอัพแบบลุคฉ่ำวาว ให้เลือกรุ่นที่ผสมชิมเมอร์แทน นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัจจัยเล็ก ๆ ที่อย่าลืมใส่ใจกันก็คือ “เสื้อผ้าที่ใส่” และ “กิจกรรม” ในวันนั้น ๆ เพราะจะส่งผลต่อภาพรวมของคุณด้วย เช่น เลือกรุ่นที่มีชิมเมอร์เยอะ เพื่อแต่งหน้าไปปาร์ตี้ตอนกลางคืน เป็นต้น
ถ้าคุณเป็นคนที่ใช้บลัชออนสีเดิม ๆ มาตั้งแต่อายุ 20 จนถึงตอนนี้ ดูท่าแล้วคุณควรต้องเปลี่ยนแล้วค่ะ เพราะบทบาทหน้าที่ที่เปลี่ยนไปและสีผิวของสาวในวัย 30 ที่มักจะถูกความหมองคล้ำเข้าเล่นงาน ทำให้เฉดสีสดใสที่คุณเคยชอบสมัยเป็นสาวแรกรุ่นอาจไม่เหมาะกับคุณแล้ว แต่ควรจะเลือกอย่างไรให้เหมาะสม โดยยังคงความเป็นตัวตนของเราอยู่ ตามมาอ่านต่อกันเลยค่ะ
ด้วยบทบาทและหน้าที่ของสาววัย 30 ที่ต้องดูภูมิฐาน บางคนก็เป็นถึงระดับหัวหน้ากันแล้ว การจะเลือกบลัชออนสีสันสดใสมีความวิบวับเหมือนตอนสาว ๆ อาจจะดูไม่เหมาะเท่าไรนัก เพราะเมคอัพลุคอย่างนั้นจะทำให้คุณดูไร้เดียงสาและดูไม่เข้ากับวัย ดังนั้น เฉดสีที่เหมาะกับคุณจึงควรเป็นโทนสีสุภาพ ให้ลุคที่ดูสุขุมเป็นผู้ใหญ่ เช่น สีชมพูกุหลาบ สีชมพูเบจ หรือสีส้มปะการัง เป็นต้น
สรุปง่าย ๆ เลยว่าสีที่ดีที่สุดในการเลือกบลัชออน คือ สีที่ตรงกับสีเลือดฝาดของตัวเองค่ะ เพราะจะทำให้ผิวเราดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งเราสามารถดูสีเลือดฝาดของตัวเองได้ง่าย ๆ โดยลองกดปลายนิ้วมือตัวเองดู สีของเลือดที่มารวมที่ปลายนิ้วก็คือ สีเลือดฝาดของเรานั่นเอง คุณสามารถลองหาสีนั้นหรือสีที่ใกล้เคียงมาใช้ดู หากต้องการเปรียบเทียบสี ให้ลงบลัชออนสีที่ต่างกันบนหน้าแต่ละด้าน ก็จะทำให้เปรียบเทียบได้ง่ายขึ้นค่ะ
การเปลี่ยนสีบลัชออนให้เข้ากับฤดูกาลก็เป็นอีกเคล็ดลับที่จะทำให้คุณดูมีเสน่ห์มากขึ้นและดูเป็นสาวทันสมัย โดยฤดูร้อนควรเลือกสีสดใส เช่น โทนชมพู ในขณะที่ฤดูฝนและฤดูหนาวควรเลือกสีที่สุขุมมากกว่า เช่น ชมพูกะปิหรือส้มอมน้ำตาล แต่ต้องอย่าลืมคำนึงถึงสีเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ด้วยนะคะ นอกจากนี้ “ปาก” ก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญ เพื่อน ๆ ควรเลือกสีบลัชออนและลิปสติกให้เข้ากัน เพื่อลุคที่สวยสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าใครกังวลในเรื่องนี้ แนะนำให้มองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นได้ทั้งลิปสติกและบลัชออนในชิ้นเดียวเลยค่ะ
เริ่มกันที่บลัชออนจาก NARS บลัชออนตัวนี้เป็นบลัชออนที่ปอเชื่อว่าสาว ๆ หลายคนต้องมีติดกรุเครื่องสำอาง หรือมีความสนใจอยากที่จะครอบครองอย่างแน่นอน ทั้งเรื่องของเฉดสีที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นอย่างชัดเจน เป็นโทนสีอมชมพู อมส้ม และมีประกายสีทอง ปัดแล้วดูสดใส ใช้งานได้ทุกสถานการณ์
เนื้อบลัชออนค่อนข้างนุ่ม ไม่เป็นฝุ่น ติดทนนาน ปัดทีเดียวได้สีชัดเจน และหากต้องการประกายทองให้ผิวดูฉ่ำขึ้น ก็สามารถปัดทับเพิ่มได้อีก บลัชออนตัวนี้สามารถปัดได้กับทุกสีผิว ตั้งแต่ผิวขาวไปจนถึงผิวสีแทน
ตอนนี้สาว ๆ คงเข้าใจลักษณะผิวหน้าของตัวเองและสิ่งที่เหมาะที่สุดกับใบหน้าของคุณกันแล้วใช่ไหมคะ ลำดับต่อไป เรามาดูข้อมูลบลัชออนที่น่าสนใจกันดีกว่าค่ะ เพื่อที่คุณจะได้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพไปแต่งแต้มสีสันให้กับพวงแก้มได้อย่างสมบูรณ์แบบและปลอดภัยกันค่ะ
เริ่มกันด้วยครีมบลัชจากแบรนด์ NARS ที่ใช้งานได้หลายอย่าง เป็นได้ทั้งบลัชออน, อายแชโดว์, ลิปสติก หรือแม้แต่ไฮไลท์ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยมีเนื้อแบบชิมเมอร์ ซึ่งมีส่วนผสมจากวิตามินอี และ Açai Oil ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระพร้อมทั้งช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในชั้นผิวไว้ได้นานขึ้น มีหลายสีและหลายขนาดให้เลือกซื้อ ครอบคลุมทุกความต้องการ เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ผิวแห้งง่าย
สาว ๆ ที่ใช้จริงรีวิวไว้ว่าโทนสีสวย เนื้อนุ่มลื่นเกลี่ยง่าย เบลนด์แล้วดูเป็นธรรมชาติ ส่วนชิมเมอร์ก็กระจายแสงได้ดี โดยที่ระหว่างวันไม่เป็นคราบและติดทนนาน ข้อเสียเล็กน้อย คือ ราคาแพงไปสักนิด แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพและความสารพัดประโยชน์ก็ถือว่าคุ้มค่าทีเดียวค่ะ สีของรุ่นนี้จะอ่อนกว่าแบบฝุ่น เน้นเมคอัพลุคที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า ใครที่ชอบแต่งหน้าเข้ม ๆ อาจต้องข้ามไปดูรุ่นอื่นนะคะ
ครีมบลัชกึ่งเจลรุ่นนี้น่าสนใจทีเดียวค่ะ เพราะเป็นสูตร Waterproof ซึ่งมีส่วนผสมของวิตามินอีและน้ำมันจากถั่วแมคคาเดเมีย คอยให้ความชุ่มชื้นและกักเก็บน้ำไว้ในเซลล์ผิวได้นานขึ้น นอกจากนี้ยังถูกพัฒนาด้วยเทคโนโลยี Thickening Oil Base และ Smooth Powder ช่วยเพิ่มความเนียนลื่นให้กับเนื้อครีม ทำให้เกลี่ยง่ายและแห้งเร็ว พิกเมนต์อาจจะไม่แน่นมากแต่สีน่ารักน่าใช้ ครอบคลุมทุกสีผิว เหมาะกับสาวผิวแห้ง โดยเฉพาะคนที่ชอบแต่งหน้าลุคธรรมชาติ
สาว ๆ ที่ใช้จริงต่างชื่นชอบในโทนสีที่สวย เม็ดสีชัด ใช้นิดเดียวสีก็เบลนด์ได้ทั่ว ทั้งยังมีสัมผัสที่บางเบา ทำให้ไม่หนักผิว เมื่อแห้งแล้วให้ฟินิชลุคค่อนข้างแมตต์และติดทนนาน
แบรนด์จากตุรกีที่สาว ๆ คงทราบกันดีว่าราคาดีมาก คุณภาพก็เริ่ดเกินคาด ที่สำคัญ คือ หาซื้อได้ง่ายทั้งตามร้านค้าออนไลน์และซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไป หลายคนที่ได้ลองใช้แล้วชื่นชมกันว่าเนื้อเนียนดีมาก บางเบา ไม่จับเป็นก้อน ปัดง่ายและกระจายตัวดี มีเม็ดสีชัดติดทนนาน ไม่ต้องกลัวหน้าดรอประหว่างวันเลย จะปัดบาง ๆ ลุคธรรมชาติหรือจะปัดบิ้วให้สีเข้มขึ้นก็ย่อมได้ เพราะรุ่นนี้เบาสบาย ไม่ทำให้ดูหนาหรือหน้าลอยเลยค่ะ
แบรนด์เพิ่งออกสีใหม่มามีทั้งหมด 7 สี มี 2 โทน คือ โทนส้มและโทนชมพู ซึ่งล้วนแต่เป็นสีที่เรียบ แต่ดูดีเหมาะกับสาววัย 30 ที่ต้องการความเป็นทางการ ชอบการแต่งหน้าเหมือนไม่แต่ง ทั้งยังมีแบบผสมชิมเมอร์เพิ่มประกายให้ผิวโกลว์ให้เลือกอีกด้วย
มาถึงบลัชออนอีกหนึ่งรุ่นที่อยู่ในดวงใจของสาว ๆ ด้วยคุณภาพที่เหมาะสม แถมมาพร้อมกับราคาที่ย่อมเยา โดยรุ่นนี้มีเนื้อสัมผัสแบบฝุ่น ซึ่งมีหลายฟินิชลุคให้เลือก ทั้งแบบแมตต์ ซาตินและชิมเมอร์ นอกจากนี้ ยังมีหลายโทนสี ครอบคลุมทุกสีผิวของสาวไทย บรรจุมาในตลับขนาดกะทัดรัด ซึ่งภายในครบครันไปด้วยกระจกและแปรงปัดจึงพกพาสะดวกมาก ๆ มีเนื้อเบาสบาย เหมาะกับทุกสภาพผิว
ส่วนคุณสมบัติการใช้งานมีโทนสีที่สวย เบลนด์สีง่าย ปัดแล้วดูเป็นธรรมชาติและยังติดทนนาน แต่อาจต้องปัดซ้ำหลายรอบจึงจะได้ความเข้มที่ต้องการและแปรงปัดคุณภาพยังกลาง ๆ แต่ถ้าเทียบกับปริมาณและราคาก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะซื้อค่ะ
ใครที่ไม่ถนัดแมทช์สีบลัชออนกับสีลิปสติกแนะนำให้ใช้รุ่นนี้เลยค่ะ เพราะเป็นแบบ Lip & Cheek จึงครบครันภายในตลับเดียว โดยรุ่นนี้มีเนื้อแบบครีมที่มีความชุ่มชื้นสูง เมื่อวอร์มแล้วจึงเกลี่ยง่าย พร้อมทั้งเม็ดสีแน่น ทำให้การแต่งแต้มพวงแก้มหนึ่งครั้งไม่ต้องใช้ปริมาณเยอะ โดยเมื่อทาแล้วครีมจะไม่ทิ้งความมันบนใบหน้าและยังค่อนข้างติดทนนาน ต้องบอกเลยว่า รุ่นนี้เป็นรุ่นที่หลาย ๆ Magazine ชื่นชมมากทีเดียว ในเรื่องของสีสันที่ชัดเจน
สาว ๆ ส่วนใหญ่ที่ได้ลองใช้แล้วต่างบอกว่าโทนสีมีความเป็นธรรมชาติ เนื้อเกลี่ยง่าย เบลนด์แล้วดูแนบเนียน มาในแพ็กเกจแบบตลับ ซึ่งภายในมีกระจกเพื่อให้ใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น
นอกจากจะมีลิปสติกคุณภาพดีแล้ว MAC ยังมีบลัชออนแบบฝุ่นที่น่าสนใจด้วยค่ะ มาพร้อมเฉดสีและฟินิชลุคที่มีให้เลือกหลากหลายจึงตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการของสาว ๆ ทั้งยังผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่าอ่อนโยนต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ถูกบรรจุมาในตลับขนาดกะทัดรัด ซึ่งภายในมีกระจกเพิ่มความสะดวกสบายในการพกพา เม็ดสีชัดเจนและเนื้อแป้งอัดมาแน่น ใช้ได้ยาวนาน เหมาะกับสาวผิวธรรมดา-ผิวผสม แม้ผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้
สาว ๆ ที่ใช้แล้วส่วนมากจะติดใจในโทนสีที่สวย ทำให้แก้มดูใสเป็นธรรมชาติ ดูเนียนไปกับผิว และส่วนใหญ่เคลมว่าสีค่อนข้างติดนานทั้งวัน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณการปัดและกิจกรรมประจำวันของแต่ละคนด้วย
บลัชออนเนื้อฝุ่นรุ่นนี้โด่งดังจากการมีคุณสมบัติและเฉดสีที่ใกล้เคียงกับแบรนด์ Hi-End แบรนด์หนึ่ง แต่กลับมาในราคาที่ย่อมเยากว่า และยังมีส่วนผสมของสารสกัดจากโจโจ้บา จึงช่วยให้ผิวไม่แห้งตึงจนเกินไปขณะใช้ นอกจากนี้ เนื้อแป้งยังมีชิมเมอร์เล็กละเอียดผสมอยู่ ซึ่งช่วยปรับสีผิวให้ดูผ่องขึ้นเล็กน้อย ปัจจุบันมีหลายโทนสีให้เลือกจึงใช้ได้กับสาวทุกสีผิว โดยมาในแพ็กเกจแบบตลับพร้อมกระจก เหมาะสำหรับสาวผิวธรรมดา-ผิวผสม
สาว ๆ หลายคนชื่นชอบในเนื้อที่อ่อนละมุน ช่วยให้ปัดง่ายและได้พวงแก้มที่ดูระเรื่อเป็นธรรมชาติ ทั้งยังติดทนในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ลองปัดบาง ๆ ดูก่อนนะคะ เพราะหลายคนบอกว่าเม็ดสีแน่นมาก ใช้แปรงจิกสีนิดเดียวก็เบลนด์ได้ทั่วทั้งแก้มแล้ว
ล่าสุดจากแบรนด์ Clarins กับบลัชออนน่าใช้สูตรนี้ที่ผสมน้ำมันเฮเซลนัทเพิ่มความนุ่มละมุนสบายผิว ปลอบประโลมผิวได้ดีและช่วยป้องกันผิวจากความแห้งกร้าน พร้อมด้วย Anti-Pollution Complex สูตรเฉพาะของแบรนด์ ที่จะช่วยป้องกันผิวจากมลภาวะต่าง ๆ จึงเหมาะมากสำหรับสาว ๆ วัย 30 ที่ต้องออกไปทำงานและใช้ชีวิตในเมืองที่มีฝุ่นควัน เป็นบลัชที่มีเนื้อสัมผัสนุ่ม เบาสบายไม่หนักหน้าและกระจายตัวบนผิวได้ดี ทำให้สีบนใบหน้าดูสม่ำเสมอ
รุ่นนี้มีให้เลือกทั้งหมด 8 เฉดสีที่ดูเป็นทางการแต่สดใส มีทั้งเนื้อแมตต์และชิมเมอร์ แต่ละสีตอบสนองกับระดับ pH บนผิวแต่ละคนที่แตกต่างกันไปทำให้ได้ลุคเฉพาะของตนเองไม่ซ้ำใคร ตัวตลับดูทนทานและสวยสมราคา พร้อมแปรงปัดและกระจกในตัวไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มเลยค่ะ
อีกหนึ่งบลัชออนที่เหมาะกับสาวผิวแห้ง เพราะมีเนื้อแบบน้ำ เป็นสูตรทินท์ ใช้แต่งแต้มได้ทั้งเรียวปากและพวงแก้ม โดยมีให้เลือก 3 โทนสี บรรจุมาในขวดแก้วพร้อมหัวแปรงแบบยาทาเล็บ ช่วยกำหนดปริมาณของเนื้อผลิตภัณฑ์ที่ถูกปาดขึ้นมาให้ไม่เยอะจนเกินไปและใช้งานง่ายเพียงแค่ป้ายแล้วใช้นิ้วเบลนด์ ๆ เท่านั้น เมื่อเทียบกับปริมาณและราคาถือว่าคุ้มค่าทีเดียวค่ะ
ด้านการใช้งาน หลายคนบอกว่าโทนสีสวย เนื้อบางเบา ช่วยให้เกลี่ยง่าย แต่แห้งไวนิดนึงนะคะ ซึ่งเมื่อเบลนด์แล้วได้พวงแก้มที่ระเรื่อแลดูมีสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนเนื้อสีก็ค่อนข้างติดทนนาน แต่สำหรับริมฝีปาก อาจจะเลือนง่ายไปบ้าง จึงเหมาะกับการแต่งหน้าลุคธรรมชาติหรือในวันสบาย ๆ
วินาทีนี้ต้องยกให้ NARS จริง ๆ ค่ะ เพราะฮิตหนักมาก หันไปถามสาว ๆ คนไหนก็ใช้รุ่นนี้กันทั้งนั้น เพราะมีโทนสีที่เป็นธรรมชาติ แถมยังมีให้เลือกหลากหลาย และยังมีทั้งแบบ Silky Matte และ Shimmer อีกด้วย เป็นเนื้อสัมผัสแบบฝุ่นที่ถูกพัฒนาให้มีอณูเล็กละเอียด มีเม็ดสีที่โปร่งแสง จึงช่วยให้เบลนด์สีได้อย่างแนบเนียน มาในแพ็กเกจแบบตลับพร้อมกระจก เหมาะสำหรับผิวผสมและผิวมัน รุ่นนี้บอกเลยว่าได้รับรางวัลเป็น Best of Sephora’s Best Blush มาหลายปีซ้อนเลย
หลายคนต่างบอกว่าโทนสีสวยและเม็ดสีแน่น โดยเฉพาะสี Orgasm ที่เป็นที่นิยมของสาว ๆ ใช้แปรงจิกสีนิดเดียวก็เบลนด์ได้ทั้งแก้ม ส่วนรุ่นที่มีชิมเมอร์ก็ช่วยกระจายแสงได้ดี จึงไม่ดูแวววาวจนเกินไป อีกทั้งยังติดทนนาน ดังนั้น เมื่อเทียบราคากับปริมาณแล้วจึงใช้ได้นาน คุ้มค่าแน่นอนค่ะ
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าวิธีการปัดแก้มก็มีผลต่อเมคอัพลุคของเราเหมือนกันนะคะ นอกจากนี้ ยังมีสิ่งที่เราไม่ควรทำด้วย ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ตามอ่านได้จากด้านล่างนี้เลยค่ะ
Woman applying rouge
วิธีและตำแหน่งเบสิกในการปัดแก้มที่อยากให้สาว ๆ ลองทำตามกันดูได้ มีดังนี้ค่ะ
- กะระยะตำแหน่งด้วยการวางแปรงปัดบริเวณแก้มในระดับที่สูงกว่าปลายจมูกเล็กน้อย ตรงกับลูกตาดำเยื้องไปทางหางตา
- ขยับแปรงเข้าและออกในแนวเฉียง
- เว้นพื้นที่ตรงกรอบหน้าเอาไว้ประมาณความกว้าง 1 นิ้วชี้
รูปหน้าที่แตกต่างกันทำให้สาว ๆ แต่ละคนต้องการตำแหน่งและทิศทางการปัดแก้มที่ต่างกันไป วิธีการปัดแก้มสำหรับสาว ๆ แต่ละรูปหน้ามีดังนี้ค่ะ
- สาวหน้ายาว วางแปรงที่แก้มระดับสูงกว่าปลายจมูก ปัดแก้มไปด้านข้างตรง ๆ
- สาวหน้ากลม วางแปรงตรงยอดโหนกแก้ม ปัดไปทางไรผมโดยวาดแปรงเป็นรูปสามเหลี่ยม จะได้รูปหน้าที่สมดุลมากขึ้น
- สาวหน้ารูปหัวใจ หรือสามเหลี่ยมหัวกลับ ให้ปัดแก้วนเป็นรูปวงรี
- สาวหน้าเหลี่ยม เพื่อไม่ให้เน้นตรงกราม ใช้วิธีปัดแบบเบสิกดีที่สุด
ใครที่ต้องการให้สีติดทนนาน ให้ใช้เนื้อแบบครีมปาดก่อนแล้วตามด้วยการลงแป้งพัฟแต่ถ้าใครอยากแต่งแบบไม่หนาเกินไปให้ใช้แป้งแบบฝุ่นลงจะได้ลุคที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เท่านี้คุณก็ไม่จำเป็นต้องพกบลัชออนไปเติมระหว่างวันแล้ว แต่ถ้าใครรู้สึกว่าเนื้อครีมหนาหนักเกินไปจะไม่ใช้ก็ได้นะคะ เพราะเดี๋ยวนี้ก็มีบลัชออนเนื้อฝุ่นมากมายที่เป็นสูตรติดทนนาน แถมยังให้ฟินิชลุคที่ดูบางเบาและเป็นธรรมชาติด้วย
ผิวบริเวณแก้มเป็นบริเวณที่บอบบาง ซึ่งถูกรังสี UV ทำร้ายได้ง่าย ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและเป็นเหตุให้การเกิดระคายเคืองในที่สุด ดังนั้นสาว ๆ คนไหนที่กังวลเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ อย่าลืมเลือกใช้บลัชออนเนื้อครีมหรือลิควิดกันนะคะ เพราะจะช่วยกักเก็บน้ำและคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวขณะที่ใช้
สำหรับแบบฝุ่น แน่นอนว่าตัวช่วยในการปัดที่ขาดไม่ได้เลยคือ “แปรงปัดแก้ม” ซึ่งหากใช้แปรงปัดแก้มที่มีขนแข็ง ๆ ปัดแก้มทุกวันอาจก่อให้เกิดการเสียดสีกับผิวทุกวันจนทำให้เกิดการระคายเคืองกับผิวได้ ดังนั้นควรเลือกใช้แปรงปัดแก้มที่มีขนที่อ่อนนุ่มพอเหมาะ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ผิวระคายเคืองนะคะ
“บลัชออน” ถือเป็นไอเทมที่มีความสำคัญมากในการแต่งหน้า เพราะอัตราส่วนของสีสันที่แต่งแต้มลงไปค่อนข้างเยอะ เมื่อเทียบกับ Color Make Up ชิ้นอื่น ๆ จึงแทบเป็นตัวกำหนดเมคอัพลุคของเราเลยก็ว่าได้ ก่อนการเลือกทุกครั้ง สาว ๆ จึงควรใส่ใจเนื้อสัมผัส เฉดสี ฟินิชลุค หรือแม้แต่แปรงปัดแก้มที่มีแถมมาในบางรุ่นนะคะ เพื่อให้เราได้ผลิตภัณฑ์ที่ทั้งเหมาะและดีกับตัวเองมากที่สุด นอกจากนี้อย่าลืมปัดแก้มให้ถูกวิธี เพียงเท่านี้คุณก็จะมีลุคที่สวยสมบูรณ์แบบแล้วค่ะ
ใส่ใจตัวเองด้วยการแต่งหน้ากันไปแล้ว อย่าลืมดูแลผิวพรรณด้วยการซื้อสกินแคร์ที่เหมาะกับตัวเองมาบำรุง เพื่อเสริมให้ผิวแข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้นกันนะคะ เราจะได้มีใบหน้าที่สวยทั้งตอนมีเครื่องสำอางและตอนไม่มี